‘สว.หมอพลเดช’แฉหมดเปลือก‘กลุ่มสัมภเวสี’ ตั้งสโลแกน‘เจอ จ่าย จบ ไม่จ่าย เป็นเจ็บ’ ขู่รีดเงิน-เรียกรับ‘กล้วย’ผู้ประกอบการยางพารา ข้องใจกระบวนการผู้มีอิทธิพลกลั่นแกล้งล่าอาณานิคมหรือไม่ บี้‘นายกฯ-รมต.-หัวหน้าพรรคการเมือง’รีบรับผิดชอบแก้ไข วอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประชาชนบ้านเมือง ลามเหน็บแซะนี่คือ‘ยางพารา’ไม่ใช่‘แป้ง’
เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาญัตติด่วนอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153
โดย นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า วุฒิสภาได้ยกมือโหวตรับรองให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยหวังว่าประเทศจะได้มีรัฐบาลที่ไม่สุดโต่งหรือสุดขั้ว และให้สังคมไทยก้าวพ้นวังวนกลุ่มผู้ชุมนุมการเมืองที่กัดเซาะบ่อนทำลายการพัฒนาจึงติดตามการทำงานของรัฐบาลทุกกระทรวง แต่เห็นว่าการบริหารราชการผ่านมา 7 เดือนยังไม่สามารถหาผลงานได้ เพียงแต่เต้นแร้งเต้นกาจำอวดหน้าจอทีวีขายฝันลมๆแล้งๆไปวันวัน
นพ.พลเดช กล่าวต่อว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากจากประชาชนเกี่ยวกับปัญหายางพาราและเมื่อลงพื้นที่ได้พบว่าทีมเฉพาะกิจทีมหนึ่ง มีการอายัดยางของชาวบ้านใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 600 ตัน ด้วยสงสัยเรื่องที่มายาง 29 ตัน แต่รัฐกับอายัดทั้งหมด มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท และ 1 เดือนผ่านไปไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ชาวบ้านสามารถชี้แจงได้ แต่รัฐบาลไม่ได้ถอนอายัด ทำให้ยางเกิดความเสียหาย สภาพกลายเป็นเศษผงฝุ่น
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีทีมงานที่มีคำขวัญว่า "เจอ จ่าย จบ ไม่จ่าย เป็นเจ็บ" ซึ่งชาวบ้านเรียกทีมงานชุดนี้ว่าชุดสัมภเวสี และยังมีกลุ่มอิทธิพลแจ้งความกับเกษตรกรซ้ำ เป็นคนมาจาก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ข้อหานำยางเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนี่คือสัญญาณบีบคั้นกลั่นแกล้งล่าอาณานิคม และเป็นการตีเมืองขึ้นหรือไม่
“ในวันที่มีการร้องทุกข์ต่อ สว. ทีมงานชุดสัมภเวสี ได้เชิญผู้ประกอบการไปคุย และเรียกรับกล้วย 1 กิโลเป็นเครื่องเซ่น ให้เหตุผลว่าเพื่ออำนวยความสะดวกในการถอนอายัด และเจ้าทุกข์จะขอต่อรองเหลือ 7 ขีด ก็ไม่ยอม เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรี” นพ.พลเดช กล่าว
นพ.พลเดช ยังกล่าวถึงกระแสข่าวมาเฟียหน้าด่าน จัดคิววันละ 30 คัน มีกระแสข่าวชุดเฉพาะกิจดังตั้งด่านเพื่อจัดระเบียบการขนส่งสินค้า ยางพาราประเภทข้ามแดน แฝงด้วยการใช้อำนาจอิทธิพลจัดการคู่แข่งทางธุรกิจของพวกพ้อง กลุ่มที่ยอมจ่ายค่ากล้วย เป็นที่เรียบร้อยถึงจะผ่านได้ หากเป็นรถพ่วงที่ไม่ใช่ของเสี่ย น. เสี่ย ส. ก็อย่าหวังว่าจะได้ผ่าน ส่วนเล็กๆน้อยๆต้องยอมจ่ายค่าผ่านทางเป็นครั้งๆ
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีการจัดคิวใหม่ เพราะราคาค่าผ่านทางปรับจาก 1,000 บาทเป็น 5,000 บาท และต้องจ่ายเพิ่มพิเศษแยกบัญชีอีก 1,000 บาท เพื่อส่งมอบให้เสธ.คนหนึ่ง มีข้อมูลว่าคนใกล้ชิดของนักการเมืองไปสร้างโรงงานเพื่อผลิตผลในประเทศเพื่อนบ้าน ทางรัฐมนตรีรับทราบเรื่องนี้หรือไม่ โดยเฉพาะมีการไปตั้งด่านหน้าโรงงานยางแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ และมีคำขู่ว่า ไม่จ่ายก็ทำธุรกิจไม่ได้ หากนำเรื่องไปฟ้องอย่าหวังว่าจะอยู่ในพื้นที่ได้ นี่คือโทษฐานที่ไม่ยอมมอบกล้วย
“ด้วยพฤติกรรมและพยานหลักฐานที่ปรากฏส่อชัดถึงการใช้อำนาจแต่งตั้งทีมงานนักการเมืองเข้าไปจัดสรรผลประโยชน์สินค้าเกษตรในพื้นที่ กรณีอำเภอสังขละบุรี เป็นเพียงตัวอย่างเดียวในจำนวนนับ 10 นับ 100 ตัวอย่าง ต่างคนต่างเข้าไปปล้นสะดมรีดไถชาวบ้านกันตามใจชอบราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ซ้ำเติมความทุกข์ยากแก่ประชาชนที่ทำมาหากินโดยสุจริต เพราะที่นี่เป็นยางพารา ไม่ใช่ก้อนถ่านผงฝุ่นธุลีดิน จึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหัวหน้าพรรคการเมือง ที่รับผิดชอบรวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกขอจงบำบัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนและชาติบ้านเมืองของเราด้วยเทอญ เพราะที่นี่คือยางพารา ไม่ใช่แป้ง” นพ.พลเดช กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี