อย่าดันทุรังเสี่ยงผิดกฎหมาย! ‘สว.สมชาย’ซัด‘ดิจิทัลวอลเล็ต’กู้มาแจก สร้างหายนะประเทศ ขู่หากไม่หยุดเจอยื่น‘ป.ป.ช.’แน่ ถล่ม‘นายกฯ’ทำกระบวนการยุติธรรมไร้มาตรฐาน แซะ‘ทักษิณ’อ้างว่าป่วย 4โรคขัดกับภาพโหนรถกอล์ฟ แนะยื่นศาลปกครองล้มคำสั่งพักโทษมิชอบ
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภานายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายว่า นายกฯหมกมุ่นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต วิงวอนมาตลอดว่าให้เลิกโครงการ อย่าดันทุรัง เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสี่ยงผิดกฎหมาย นำไปสู่คดีความแน่นอน เม็ดเงินเหล่านี้จะละลายไปกับการแจกและไม่ได้ผล ถ้าเอาเงิน 5 แสนล้านบาทไปลงทุนโดยไม่แจก จะสร้างผลผลิตและได้ 5 แสนล้านบาทบวกๆ ประเทศไทยไม่ได้มีวิกฤตเศรษฐกิจ หากอยากทำจะต้องออก พ.ร.ก.เงินกู้ การแจกโดยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มีตัวอย่างมาแล้วที่ญี่ปุ่น เคยทดลองมาแล้ว ใช้ไม่ได้ผล
“ขอให้เลิกกู้เงินมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สร้างหายนะในอนาคต หากจะเดินโครงการต่อ ตนจะยื่นต่อป.ป.ช.ดำเนินคดี” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า ประชาชนตั้งคำถามเหตุใดค่านิยมรัฐบาล ในผลโพลล่าสุด จึงตกต่ำกว่าพรรคฝ่ายค้าน เหตุผลคือประชาชนรอมา 6-7 เดือนว่า จะมีอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรม ตนให้คะแนนสอบตกหมดทุกข้อ เพราะยังไม่ได้แก้ปัญหาในเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ถ้ารัฐบาลยังกู้มาแจกแหลกลาญ 5 แสนล้านบาท หวังแค่คะแนนเลือกตั้ง ท่านกำลังทำลายประเทศ ดังนั้นท่านควรเปลี่ยน เชื่อว่าท่านจะคิดออก หาทางแก้ปัญหาระยะสั้น แล้วสัญญาว่าอีกกี่วัน กี่เดือนจะเสร็จ
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรมนั้น วันนี้กระบวนการยุติธรรมประเทศกำลังเสื่อม ขาดความยุติธรรมถึงที่สุด นายกฯต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่ปล่อยให้เกิดกระบวนยุติธรรม 2มาตรฐาน บางคนเรียกไร้มาตรฐาน ที่ผ่านมาได้พบระดับอดีตผู้บริหารศาลหลายคน ทุกคนฝากให้แก้ไขกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำที่แม้ศาลจะตัดสินอย่างไร ก็มีกระบวนการลดโทษจากกรมราชทัณฑ์ที่บังคับใช้ไม่เท่าเทียมกับนักโทษทุกคน โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดูแล้วไม่ใช่ความผิดนายทักษิณ
“แต่ปัญหาคือ ระบบการบังคับโทษ นายทักษิณได้ไปอยู่โรงพยาลตำรวจห้องวีวีไอพี อ้างว่าป่วย 4โรค ขัดกับภาพที่นายทักษิณเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เดิน ลุกนั่งปลูกต้นไม้ ใช้มือขวาโหนรถกอล์ฟ ขึ้นบันไดบันไดดอยสุเทพ ได้ตามปกติ ดูแข็งแรงดี ไม่รู้หมอโรงพยาบาลตำรวจรักษาดี หรือนายทักษิณกำลังใจดี ทราบว่าหมอที่รักษาเป็น พล.ต.ท. เกษียณแล้ว ชื่อย่อ “ส” เป็นหมอทางสมอง” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนการอ้างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้เปิดเผยอาการป่วยนั้น มีข้อยกเว้นไม่ให้ใช้บังคับแก่สส. สว. และกมธ.ที่เก็บรวบรวมข้อมูลตามอำนาจหน้าที่ กรณีนี้กมธ.จึงมีอำนาจเรียกเอกสารได้ ขณะที่การอ้างว่า มีผู้ป่วยได้รับการไปรักษาตัวนอกเรือนจำจำนวนมากนั้น ข้อมูลที่กมธ.ได้รับจากกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ตั้งแต่เดือนต.ค.2565 -25 ธ.ค.2566 มีนักโทษที่เป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวภายนอก เกิน 30 วัน 100 คน เกิน 60 วัน 30 คน เกิน 120 วัน 3คน หนึ่งในนั้นคือ นายทักษิณ ไม่รู้ใครโกหก
นายสมชายกล่าวว่า ยิ่งไปดูกฎกระทรวงที่มีการแก้ไข มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องสถานที่คุมขัง และอายุ จากเดิม ระบุต้องได้รับโทษมา 1ใน3 และอายุเกิน 70ปี มีโรคประจำตัว มีการแก้ไขจากคำว่า “และ” เป็น “หรือ” ทำให้คนอายุ 70ปี ไม่ว่าจะโกงชาติบ้านเมืองหรือไม่ สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เรื่องนี้สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง วันใดเกิดวิกฤติศรัทธราจะนำมาซึ่งสึนามิ แก้ไขยาก ขอเสนอให้ดำเนินคดีกรณีนี้ 3ทาง คือ
1.ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดหลักนิติธรรม เป็นที่สงสัยขัดกับการอภัยลดโทษหรือไม่ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง มีคำสั่งให้นายทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทักษิณได้รับการรับโทษแล้ว
2.ร้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งการให้นายทักษิณเข้ารับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจและคำสั่งพักโทษ เป็นคำสั่งมิชอบ
3.การร้องต่อต่อป.ป.ช. เอาผิดนายกฯ รมว.ยุติธรรม และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี