วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ทุกพรรคประสานเสียง! แก้‘กม.พรรคการเมือง’ดันทำงานเพื่อปชช.เต็มที่

ทุกพรรคประสานเสียง! แก้‘กม.พรรคการเมือง’ดันทำงานเพื่อปชช.เต็มที่

วันพุธ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567, 15.02 น.
Tag : กกต. กฎหมายพรรคการเมือง แก้กฎหมาย พรรคการเมือง ยุบพรรค
  •  

กกต.จัดเสวนา"พรรคการเมืองสร้างชาติ" ทุกพรรคประสานเสียง แก้"กฎหมายพรรคการเมือง"ดันทำงานเพื่อปชช.เต็มที่ ลั่นยุบพรรคไม่ใช่ทางออก

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ที่อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดเสวนาวิชาการเรื่องพรรคการเมืองสร้างชาติ และการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการพรรคการเมือง โดย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล , นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย , นายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ ศ.วุฒิสาร ตันไชย นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวเปิดงาน และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวรายงาน ทั้งนี้ มีหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคการเมืองเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก


โดยมีการตั้งประเด็นคำถามในงานเสวนา คือ พรรคการเมืองเอื้อประโยชน์ให้การเมืองไทยได้อย่างไร โดย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าพรรคการเมืองทุกพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมีเจตนาว่าต้อง การเข้ามาบริหารบ้านเมืองและนำนโยบายเข้ามาใช้ให้ประโยชน์กับประชาชน คงไม่มีพรรคการเมืองใดที่ตั้งขึ้นแล้วอยากเป็นฝ่ายค้าน อีกทั้งพรรคการเมืองได้ตั้งขึ้นและถูกกำกับโดยรัฐธรรมนูญ ตลอดจนบริบทของรัฐธรรมนูญนั้นมีความเข้มงวดในการควบคุมพรรคการเมือง ซึ่งทางพรรคการเมืองมองว่าเรามีเจตนาในจัดตั้งพรรคขึ้นก็จริง แต่เราถูกจำกัดมากมายหลายประการในข้อกฎหมาย ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่สามารถที่จะเรียกร้องอะไรได้ จึงมองว่าทางออกที่จะดีสุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้พรรคการเมืองเป็นประชาธิปไตย

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า แทนที่พรรคจะบริหารชาติบ้านเมือง แต่กลับถูกมองว่ามาบริหารอำนาจ และบางครั้งก็ถูกยุบพรรค จึงทำให้ความต่อเนื่องในการบริหารชาติบ้านเมืองและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก็ไม่เกิดขึ้น

"โดยลึกๆ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยในเรื่องการยุบพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นโดยง่าย ซึ่งเราเคยเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายเรื่องโดยเฉพาะมาตรา 92(2) และ(3) แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็แก้ไม่สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และในส่วนพรรคการเมืองก็ควรสร้างนักการเมืองมืออาชีพขึ้นมาบริหารพรรคการเมือง แต่ในปัจจุบันเรายังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะส่วนมากก็มีอาชีพหลักควบคู่ไปด้วย ท้ายที่สุดแล้วมองว่าควรจัดทำรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยและมีความมั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่"

ด้าน นายวุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า พรรคการเมืองก่อนจะสร้างชาติควรมองว่าจะสร้างนักการเมืองที่ดีได้อย่างไร ซึ่งปัจจัยที่ทำให้พรรคการเมืองมั่นคงและเดินต่อได้ คือปัจจัยที่อยู่ภายในพรรคการเมือง เช่น แก่นกลางที่เป็นชุดความคิดอุดมการณ์ จุดมุ่งหมายเดียวกัน ที่สมาชิกพรรคจะมีความคิดเห็นตรงกัน หรือเชื่อเรื่องเดียวกันใช่หรือไม่ เพราะหากจะต้องมีอิสระในการจัดการบริหาร พรรคการเมืองควรเติบโตด้วยธรรมชาติไม่ใช่เติบโตด้วยกติกา คนที่จะควบคุมพรรคคือสมาชิกพรรคการเมือง คนที่จะรับผิดชอบคือกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ

นายวุฒิสาร กล่าวอีกว่า ระบบกฎหมายควรเอื้อให้พรรคการเมืองเติบโตโดยประชาชน ซึ่งเรื่องที่สำคัญคือเราต้องยอมรับว่าพรรคการเมือง มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย ซึ่ง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา บทบาทของ ส.ส.ในการอภิปรายในสภาไปในทิศทางที่ดี และเห็นชัดเจนว่าหากคุณจะพูดอะไรที่ไม่มีข้อมูลเป็นไปไม่ได้แล้ว เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ทุกคนต่างมีข้อมูล ข้อเท็จจริงเข้ามาอ้างอิงในการอภิปราย แต่ที่ผ่านมา กติกาหรือกฎหมายพรรคการเมือง ไม่เคยให้พรรคการเมืองเติบโตโดยธรรมชาติ แต่กฎหมายออกมาซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆมีกติกาเพิ่มมากขึ้น สำหรับกฎหมายนี้จะต้องให้เวลาเพื่อเกิดการพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าออกกฎหมายเพื่อการยุบพรรคอย่างเดียว เพราะพรรคการเมืองถือว่าเป็นสมบัติของสมาชิกพรรค เราต้องออกกติกาให้ดีและมี mindset ใหม่

ด้าน นายชัยธวัช กล่าวว่า น่าเสียดายที่สังคมไทยสวนทางกับโลก และบอกว่าพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองและถูกยุบพรรค ซึ่งในแง่นี้หมายความว่า พรรคการเมืองนี้ไม่น่าจะมีบทบาทให้การเมืองดีและสร้างชาติ แต่ในทางตรงกันข้ามยังถูกมองว่าเป็นพรรคการเมืองทำลายชาติเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ดี ซึ่งมีนัยยะที่เป็นประเด็นสำคัญอยู่ว่าพรรคการเมืองมีความสำคัญมากในการสร้างชาติ ในฐานะผู้มีบทบาททางตรงในการกำหนดนโยบายสาธารณะรวมถึงการออกกฎหมาย ซึ่งพรรคก้าวไกลในการกำหนดนโยบายสาธารณะ เราระดมสมองจากนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญ แต่ในเมืองไทยเราไม่เคยเห็นพัฒนาการทางการเมือง หรือมีการถกเถียงทางการเมืองกันอย่างจริงจัง ดังนั้น ตนคิดว่าควรจะมีได้แล้ว

นายชัยธวัช ยังย้ำอีกว่า การเมืองดีไม่มีอะไรมากต้องวางอยู่บนหลักการพื้นฐานง่ายๆ คือ 1.อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน 2.สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานต้องได้รับการคุ้มครอง 3.กฎกติกาอิสระและเป็นธรรมหรือไม่ หากเราคิดว่าการเมืองดี เมื่อเราออกแบบกฎกติกาที่เชื่อว่าจะเอื้อต่อการพัฒนาทางการเมือง

"ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนเรียนรู้ได้ แต่หากการเมืองดีคือการที่ยุบพรรคการเมืองกันอย่างเป็นปกติ พรรคการเมืองถูกสั่งว่าหาเสียงแบบนี้ไม่ได้และอันตรายไป จนถึงการยุบพรรคนั้น และกฎพรรคการเมืองนั้นยุบยิบไปหมด การใช้งบประมาณไม่เอื้อต่อการสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งเลย หากเราออกแบบกฎกติกาพรรคการเมืองด้วยพื้นฐานที่เรียกว่า เป็นการเมืองที่ไม่ไว้ใจประชาชนและต้องการพยายามควบคุมอำนาจ และสถาบันทางการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชนให้อยู่ภายใต้อำนาจที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน แต่เป็น "คุณพ่อรู้ดีไปหมด" ว่าการเมืองที่ดีควรเป็นอย่างไร อันนี้ถือเป็นแก่นสำคัญมากๆ ที่การเมืองไทยยังไม่จบว่าจะมีคำตอบจากเรื่องนี้อย่างไร"

ขณะที่ นายภราดร กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า การเมืองจะดีหรือไม่ดี พรรคการเมืองจะดีหรือไม่ดีนั้น ต้องเริ่มต้นจากกติกาดีก่อน พรรคการเมืองเป็นบ้านของสมาชิกและทำหน้าที่ในการนำเสนอแนวทางความคิดของตัวเองสู่สาธารณะแล้วให้สาธารณะ ได้วิพากษ์วิจารณ์เห็นตัวตนของพรรค สอบถามประชาชนต้องการอะไรแล้วเอาความต้องการนั้นมาเป็นแก่นหลักคิดนำเสนอต่อสังคมในสนามเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนเลือกเข้าสู่การเป็นคณะบริหาร นี่คือสิ่งที่สังคมไทยปรารถนาที่จะเห็น แต่ที่ผ่านมาพรรคการเมืองถูกกดทับ ถูกบีบคั้น ถูกทำให้รู้สึกว่านักการเมืองและพรรคการเมืองเป็นสิ่งชั่วร้าย เป็นสิ่งที่สังคมไม่ปรารถนา จึงออกกติกามาเหมือนกับว่าพยายามที่จะเข่นฆ่านักการเมืองและพรรคการ เมืองไม่ให้พรรคการเมืองมีการเติบโต โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และ 2560 ที่มีกติกาในการยุบพรรค ซึ่งตนคิดว่าไม่มีใครเห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองจากกติกาที่เขียนเหตุผลไว้ เพราะพรรคการเมืองเกิดจากประชาชน ดังนั้น จะยุบพรรคควรมาจากประชาชน ซึ่งจะเห็นว่าในอดีตมีหลายพรรคการเมือง แต่ปัจจุบันก็ไม่มีสถานะแล้ว เพราะประชาชนไม่เลือก

คิดว่าสิ่งที่พรรคการเมืองเห็นตรงกันว่าประเด็นแรกที่จะต้องทำคือการแก้ไขกติกาให้เป็นสากล แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ผ่าน สสร.ที่มาจากประชาชน นี่คือเรื่องสำคัญที่เป็นหัวใจของการเลือกตั้งรอบนี้และอนาคตต่อไป หากกติกาเข้มแข็งเป็นสากลมาจากประชาชน ซึ่งยังไม่รู้ว่าสุดท้ายจะออกมาแบบไหนแต่แน่นอนว่าเมื่อมาจากประชาชนย่อมดีกว่ารัฐธรรมนูญที่มาจากเผด็จการ ทั้งฉบับ 2550 และ 2560 ดังนั้น เมื่อกติกาดี พรรคการเมืองดี ก็นำไปสู่การเมืองที่ดี

"พรรคการเมืองต่อไปนี้ถ้าเป็นกติกาใหม่เราจะไม่ต่อสู้การเมืองบนคำว่าเผด็จการ หรือคำว่าประชาธิปไตย แต่จะมาต่อสู้กัน ว่าเราเป็นพรรคการเมืองแบบอนุรักษ์นิยม เป็นพรรคการเมืองเสรีเราจะทำเศรษฐกิจแบบทุนเสรีทำเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมอะไรก็แล้วแต่นี่คือช่องทางการนำเสนอของพรรคการเมืองที่จะเสนอต่อประชาชนให้ได้เลือกในสิ่งที่เขาควรจะเลือก ไม่ใช่ว่ามาเลือกว่าเป็นเผด็จการประยุทธ์ หรือไม่ประยุทธ์หรือมีลุงไม่มีเราอะไรแบบนี้" นายภราดร กล่าวและว่า พฤติกรรม การกระทำของพรรคการเมืองต่างๆ จะมีผลต่ออนาคตที่ประชาชน จะเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่านักการเมืองตรวจสอบไม่ได้องค์กรอิสระยังมีหน้าที่ในการตรวจสอบนักการเมืองอยู่ดี แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่พอเหมาะพอสม ที่ไม่ใช่ว่ามีธงการเมือง ที่จะกลั่นแกล้งทางการเมืองกัน อย่างเรื่องของการยุบพรรค ซึ่งตนเชื่อว่าการยุบพรรคทุกครั้งนั้นมีธงทางการเมืองและเชื่อว่าสังคมก็เห็นแบบนั้นเหมือนกัน ทั้งนี้ ตนไม่ได้หมายความว่าพรรคการเมืองถูกตรวจสอบโดยองค์กรอิสระไม่ได้ แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายแต่พอเหมาะสม และการตรวจสอบที่เข้มแข็งที่สุดคือการตรวจสอบโดยประชาชน

นายภราดร กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคการเมืองที่ไม่รักษาคำพูดตอนหาเสียงจะมีบทลงโทษอย่างไรนั้น หากไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ก็จะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยกตัวอย่างพรรคภูมิใจไทยกับนโยบายกัญชา ซึ่งระบุว่าจะทำกัญชาให้เป็นกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล เป็นรมว.สาธารณสุข ก็ทำให้เป็นกัญชาเสรีทางการแพทย์และสำเร็จไปส่วนหนึ่ง แต่กฎหมายนั้นไม่สำเร็จเพราะอะไรก็แล้วแต่ พรรคร่วมรัฐบาลขณะนั้นทำให้องค์ประชุมไม่ครบไม่เห็นด้วย พยายามเตะถ่วงให้กฎหมายนี้ไม่ผ่านจะด้วยเหตุผลอื่นๆ ก็มีผลกระทบมาถึงการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้พรรคการเมืองอื่นนำมาโจมตีในสนามเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นคิดว่าการพูดแล้วไม่สามารถทำตามที่หาเสียงได้แม้บทลงโทษทางกฎหมายไม่มี แต่ก็จะถูกบทลงโทษทางสังคม และต่อไปส่งผลต่อพรรคการเมืองในอนาคต

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’
  • ชาวเน็ตติง \'พรรคประชาชน\' อย่าเปิดประเด็น เห็นแก่ชาติบ้านเมืองก่อน หลังขอความเห็นห้ามบินโดรน ชาวเน็ตติง 'พรรคประชาชน' อย่าเปิดประเด็น เห็นแก่ชาติบ้านเมืองก่อน หลังขอความเห็นห้ามบินโดรน
  • พวกหื่นกามเจอยาแรง! \'สภาฯ\'ไฟเขียวแก้กฎหมายเพิ่มนิยาม\'คุกคามทางเพศ\' พวกหื่นกามเจอยาแรง! 'สภาฯ'ไฟเขียวแก้กฎหมายเพิ่มนิยาม'คุกคามทางเพศ'
  • ‘กกต.’เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หวั่นกระทบ‘เลือกตั้งซ่อม’สส.ศรีสะเกษ เขต5 ‘กกต.’เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หวั่นกระทบ‘เลือกตั้งซ่อม’สส.ศรีสะเกษ เขต5
  • ‘กกต.’โต้ล่าช้าคดี‘หมอเกศ’ใช้วุฒิการศึกษาหลอกสมัครสว. ยันทำงานตามกรอบเวลา ‘กกต.’โต้ล่าช้าคดี‘หมอเกศ’ใช้วุฒิการศึกษาหลอกสมัครสว. ยันทำงานตามกรอบเวลา
  • อ่วม!กกต.ฟันอาญา\'หมอเกศ\' โทษคุก 10 ปี ตัดสิทธิ์ 20 ปี ปมใช้ศาสตราจารย์ลงสมัคร สว. อ่วม!กกต.ฟันอาญา'หมอเกศ' โทษคุก 10 ปี ตัดสิทธิ์ 20 ปี ปมใช้ศาสตราจารย์ลงสมัคร สว.
  •  

Breaking News

จนท.ปางมะผ้าสนธิกำลัง! รวบชายนั่งเสียบกิ่งมะม่วง-ค้นพบยาบ้าในตัวอีก200กว่าเม็ด

‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568

‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก

ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved