‘นายกฯ’โชว์กิน‘แกงไตปลา’ ยกนิ้วโป้งบอกอร่อยจริงไม่ได้อร่อยเล่นๆ ไม่ขอตอบโต้ใคร เพราะทุกคนมีสิทธิ์จะไม่ชอบ พร้อมรับฟังปัญหา‘ชาวสวนทุเรียนสมุย’ ตั้งเป้าส่งออกไปไกลกว่า 5 หมื่นล้านบาท
7 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานรายงานภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ว่า หลังจากลงพื้นที่ตรวจราชการที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงเช้า เวลา 12.10 น. นายเศรษฐา ได้พักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชื่อดังของเกาะสมุย คือ ร้านเสบียงเล โดยหนึ่งในเมนูโปรดที่ทางร้านจัดให้คือ “แกงไตปลา”
นายกรัฐมนตรี ได้นั่งร่วมโต๊ะกับบรรดารัฐมนตรี พร้อมชิมแกงไตปลา ก่อนจะพูดว่า “อร่อยมากครับ” ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้รสชาติที่ถูกปาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารับประทานแล้วจะบอกอะไรกับคนที่จัดอันดับแกงไตปลาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ขอตอบโต้ เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบ แต่ผมชอบ อย่างที่บอกว่าฝรั่งก็มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากเรา ซึ่งเราก็ยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเขาชอบบางอย่างหรือไม่ชอบบางอย่าง เราไปบอกเขาไม่ได้ และย้ำว่าอาหารไทยมีเยอะ ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่นไก่ ก็ติดอันดับโลกทั้งนั้น”
เมื่อถามว่าการรับประทานแกงไตปลา จำเป็นจะต้องรับประทานกับข้าวสวยหรือรับประทานเปล่าได้เลย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมทานได้ พยายามไม่ทานข้าวเพราะลดน้ำหนักอยู่ ที่ชอบเพราะผมชอบทานอาหารรสจัด” จากนั้นรัฐมนตรีก็กินโชว์ พร้อมกับชมไม่ขาดปากว่าอร่อยจริงๆไม่ได้อร่อยเล่นๆ
ขณะที่เวลา 11.16 น. นายเศรษฐา เดินทางเยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิตที่สวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย โดยตัวแทนเกษตรกรสวนทุเรียน ได้สะท้อนปัญหาเรื่องการสร้างถนน เรื่องไฟฟ้า สะพาน และอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะการสร้างถนนให้มีการเชื่อมโยง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะชาวสวนได้ประโยชน์ แต่เป็นนักท่องเที่ยว ก็จะได้ประโยชน์จากการทำถนนด้วย แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ โดยเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ด้านปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวรับว่า เดี๋ยวจะจัดการให้
ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า ให้สร้างถนนเส้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดก่อน
นอกจากนี้ ตัวเกษตรกรสวนทุเรียน ยังสะท้อนปัญหาเรื่องเรือ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการขนส่งสินค้าทุเรียน เนื่องจากเรือจะต้องรองรับนักท่องเที่ยว จึงขอให้มีการเพิ่มเที่ยวเดินเรือ
จากนั้นในช่วงดังกล่าว นายกฯ ได้หันไปเรียกหาอธิบดีกรมเจ้าท่า เพื่อขอให้เพิ่มเที่ยวการเดินเรือ ก่อนที่นายกฯ จะกล่าวว่า อธิบดีกรมเจ้าท่าไม่อยู่ แต่จะต้องขยายเที่ยวการเดินเรือให้มากขึ้น และเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรขอให้กระทรวงคมนาคมรับไป แต่จะต้องมีการศึกษาอะไรหลายอย่างให้ดีก่อน
ขณะเดียวกันตัวเกษตรกรสวนทุเรียน ยังสะท้อนปัญหาเรื่องไฟฟ้าแสงสว่างไม่เพียงพอในพื้นที่ทำสวนให้มีทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องระบบชลประทานที่ใช้ในการกักเก็บน้ำ เรื่องสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต แต่ปัญหาหลักทุเรียนปีนี้ออกไป 30,000 ตันจากเกาะสมุย โดยปีที่แล้วออกไม่เยอะ คิดว่าน้อยกว่าปีนี้ แต่ทำรายได้ให้เกาะสมุยไม่ต่ำกว่าปีละ 5 พันล้านบาททั้งทุเรียนและมังคุด
ด้านนายกฯ สอบถามว่า ทุเรียนปีนี้ดีขึ้นหรือไม่ โดยตัวเกษตรกรสวนทุเรียน ตอบว่า ราคาดีขึ้น จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ เราให้ความสำคัญกับเกษตรกรชาวสวนทุเรียน อะไรที่เป็นอุปสรรคเราจำเป็นต้องช่วยกันแก้ไขกันไป ตามความถูกต้อง ขอเรียนว่าการเลือกตั้งจบไปแล้ว ตนไม่ได้มาหาเสียง แต่ตนอยากมาช่วยแก้ปัญหาจริง ตัวเลข 1 ล้านล้านบาท เป็น 1 ใน 3 ของงบประมาณ ฉะนั้นถ้าตนช่วยได้ตนก็จะช่วย ยืนยันตรงนี้ไม่ต้องห่วง
ทั้งนี้ ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนทุเรียน ตั้งเป้าในปีนี้ให้ได้ผลผลิต ทั้งทุเรียนและมังคุด 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า 1 หมื่นล้านบาท แค่ 1% เป้าหมายของเราที่ตั้งไว้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเฉพาะสมุย 5% ก็ 5 หมื่นล้านบาท จึงไม่อยากให้อย่ามองแค่ 1 หมื่นล้านบาท ขอให้มองไกลกว่า ซึ่งถ้าหากท่านมอง ตัวเลข 5 หมื่นล้านบาท ถนนก็ต้องขยายไฟฟ้าก็ต้องมา และการขนส่งทางเรือเราก็จะไม่หยุดยั้ง
อย่างไรก็ตามตัวเกษตรกรสวนทุเรียน กล่าวอีกด้วยว่ารอมา 13 ปีแล้ว นายกฯจึงกล่าว ท่านรอมา 13 ปีแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็น่าจะจบได้ ให้โอกาสเราบ้างจากนั้น นายกฯ ได้เดินชมสวนทุเรียนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี