“จตุพร”อ่านไต๋ “ทักษิณ”เริ่งร่า เล่นน้ำยกดัมเบล เลี้ยงหลานสุดคึกคัก ชี้ส่งนัยเย้ยดีลกลับบ้าน ไม่ตื่นเต้นคำขู่ มึน“อุ๊งอิ๊ง”ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำ แต่ตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง งงทำไปทำไม ติงควรมีดีเอ็นเอรับผิดชอบ อย่ายึดตัวตน จับตา!! 10 เม.ย. ตัดสินฟ้องหรือไม่ คดี 112 ระบุเป็นจุดเริ่มเปลี่ยนชะตาคน
วันที่ 10 เมษายน 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ระบุถึงภาพทักษิณ ชินวัตร ยกดัมเบลในสระน้ำพร้อมเลี้ยงหลานว่า
ไม่รู้คนโพสต์ต้องการสื่อสารอะไร หรือต้องการยั่วยุอารมณ์ประชาชนให้ร้อนเดือดขึ้น แต่ถ้าต้องการเช่นนั้นจริง อัยการสูงสุดนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ม.112 วันที่ 10 เม.ย. ควรยกฟ้องไปเลยจะได้สะใจและได้เหลิงลมกันเต็มที่
"ถ้าไม่ฟ้องคดี ม.112 เมื่อคนจะไม่พอใจ แล้วออกมาสู่ถนน จนนำไปสู่แอ่นแอ๊น ซึ่งเป็นการออกแบบสถานการณ์ที่ง่าย แต่วินาทีนี้จะเกิดความเสียหายมากมายกับประเทศ ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ควรผลีผลามต้องคอยดูและประเมินสถานการณ์กันที่ละตอนนับแต่ 10 เม.ย.ไป"
อย่างไรก็ตาม หากอัยการสูงสุดจะเลื่อนฟังคำสั่งออกไปเป็น พ.ค. มีข้อสังเกตว่า จะเป็นต้น พ.ค. หรือหลังวันที่ 11 พ.ค. ซึ่ง สว.ชุดแต่งตั้งและโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ พ้นวาระ โดยแต่ละช่วงเวลาย่อมมีนัยทางการเมืองแตกต่างกันด้วย
"เพจบิ๊กแดง โพสต์ดุเดือดแสดงถึงไม่พอใจการหักดีลกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน แต่มาเลี้ยงหมาในคอก พร้อมสำทับด้วยคำรุนแรงแบบหนักแผ่นดิน จะกำจัดคนชั่ว โดยยกคำพูดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มาข่มขู่ต้องทำให้เสียชีวิต แล้วไงละ ลั้นลาในสระน้ำบ้านจันทร์ส่องหล้าอย่างนั้น หนักแผ่นดินยังลอยน้ำได้ ขู่จนเสียงแห็งแล้วมีอะไรหรือเปล่า"
นายจตุพร กล่าวว่า ในวันที่ 10 เม.ย. ถ้าอัยการสูงสุดสั่งฟ้องเท่ากับเป็นการหักกันทันที เพราะดีลลังกาวีถูกตีลังกาหงายหลัง จึงต้องใช้วิธีแบบนักเลงสั่งฟ้องคดี 112 ซึ่งง่ายมากเมื่ออัยการสูงสุดคนเดิมสั่งฟ้องมาแล้ว ดังนั้นต้องจับตาสถานการณ์จะออกทางแพร่งใด
อีกทั้งย้ำว่า สถานการณ์จะออกแบบไหน ต้องประเมินในวัน 10 เม.ย. ซึ่งไม่หนีทางแพร่งใดแพร่งหนึ่งในสามทางแพร่งคือ สั่งฟ้อง เลื่อน และสั่งไม่ฟ้อง ที่สำคัญหากไม่ฟ้องคดี ม.112 แล้วจะแสดงไปถึงความสำเร็จของโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตด้วย ซ้ำร้ายเอ็นเทนเม้นคอมเพล็กซ์ คาสิโน จะตั้งขึ้นมาผสมกับการระบาดยาม้า 5 เม็ดไม่ผิดกฎหมายยาเสพติด
"เมื่อเป็นเช่นนี้ คงไม่มีอะไรจะสุขเท่ากับประเทศไทย ดีลลังกาวี ยังตีลังกากลับหลังอย่างคึกคักสุดขีด แล้วสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองมากมาย ส่วนพวกไปดีลนับวันยิ่งเสียงเบาพะงาบๆ แม้เพจบิ๊กแดงโพสต์คำราม ดุดัน แต่เจอการตอบโต้อยู่ในสระน้ำ แล้วไงละ"
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองอยู่ในอาการไม่แคร์ความรู้สึกประชาชน ทั้งกรณีสงกรานต์สาดน้ำ 21 วัน แต่สารภาพมีปัญหาทางเทคนิค งบประมาณออกไม่ทัน แล้วบอกจะจัดปีต่อไปใหม่ ทั้งที่เชิญคนทั้งโลกมาสาดน้ำ กลับไม่มีน้ำสาด แล้วสุดท้ายไปอยู่ในเทศกาลตามปกติที่เคยเป็นมา ส่วนอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำกลับไปเที่ยวฮ่องกงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไทย แล้วยังโพสต์บอกอีก ทำไปทำไม แล้วชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำทั้งเดือนกันทำไม
"ทำแบบนี้ทำไม ในทางการเมืองต้องรับผิดชอบ ทำเหมือนเหยียดคน จึงไม่เข้าใจวิธีคิด และจะไปเที่ยวต่างประเทศในวันที่ชวนคนทั้งโลกมาเที่ยวสาดน้ำสงกรานต์ทั้งเดือนทำไม แล้วยังไม่นับรวมการตอกย้ำถึงการเจ็บไข้ได้ป่วยนอนชั้น 14 รพ.ตำรวจอีก เมื่อออกมากลับมีพฤติกรรมใช้ชีวิตสวนทางคนป่วยขั้นวิกฤต”
นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อการพูดแล้วไม่รับผิดชอบในหลากหลายกรณีนั้น จึงสงสัยว่า จะสร้างดีเอ็นเอให้มาเป็นผู้ปกครองกันแบบนี้หรืออย่างไร เพราะในทางการเมืองนั้น ถ้าไม่เข้าใจเขา ใจเรา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ยิ่งทำให้การออกแบบงานสงกรานต์ต้องล้มเหลวไม่เป็นไปตามที่ประกาศ อีกทั้งตัวเองยังไปเที่ยวฮ่องกงในวันสงกรานต์ ทั้งที่ชวนคนมาไทยแต่ตัวเองกลับไปนอก ทำไปทำไม
“ความรู้สึกของผู้คนไม่ได้รับการสนใจ การทำแบบนี้จึงไม่สมเหตุสมผล และจะทำให้การระบาดทางอารมณ์ของคนมาเร็วโดยไม่จำเป็น ถัาจะไปฮ่องกงควรให้ผ่านสงกรานต์ไปก่อน หรือไปหลัง 21 เม.ย. ตามกำหนดเล่นสงกรานต์ทั้งเดือนไว้”
พร้อมทั้ง กล่าวถึงการประชุมฝ่ายความมั่นคงกรณีสถานการณ์ประเทศเมียนมา แต่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ไม่เข้าร่วมประชุมว่า นายสุทิน อ้างติดธุระ นายกฯ ไม่ได้เชิญ จึงมีแต่ผู้นำเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมแทน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และจะเกิดปัญหาลุกลามในอนาคต
อีกอย่างสงครามในเมียนมามีข้อสังเกตว่า กองทัพอากาศเมียนมามี มิก-29 ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ขึ้นบินช่วยการรบเลย ดังนั้น ไทยต้องมีความกังวลมากขึ้น โดยช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นร่องรอยแล้วว่า สงครามไม่ใช่เรื่องเมียนมากับชนกลุ่มน้อยอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของประเทศมหาอำนาจหนุนหลังทั้งสองฝ่าย
"ถ้าจากนี้มีการรบกันหนัก มีตอบโต้รุนแรงที่เมียวดี แล้วทั้งอาวุธและผู้หนีสงครามทะลักเข้าไทย ดังนั้น ไทยต้องเข้าใจยุทธศาสตร์จัสแม็ก ซึ่งเป็นความละเอียดอ่อน และการทดสอบทางการทหารด้านลึกที่มีมากกว่าสงครามเมียนมาทำศึกกับชนกลุ่มน้อย แต่ รมว.กลาโหมไทย กลับไม่เข้าประชุมฝ่ายความมั่นคง มันเป็นเรื่องตลกอย่างยิ่ง”
นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ในไทยขณะนี้ เป็นเรื่องสุดยอดการเหลวแหลก ซึ่งไม่รู้คิดไปได้อย่างไรกัน และยังมีการตัดสินใจมักง่ายกันอีก ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ใส่ใจอารมณ์ประชาชน เอาแต่ยึดตัวกูเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกรณีเมียนมาต้องไม่ผลีผลามในการตัดสินใจ ดังนั้น 10 เม.ย.จึงเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ ต้องประเมินที่ละฉากของช่วงเวลา และต้องจับตา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี