"ตุลาการศาลรธน."ชี้การพิทักษ์รธน.เป็นบทบาทของทุกฝ่าย หากไม่มีความขัดแย้ง ศาลก็จะไม่ยุ่ง ด้านสว.เผยแก้รธน.ทั้งฉบับยังเป็นปัญหายืดเยื้ออีกยาว
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ศาลรัฐธรรมนูญจัดอภิปรายหัวข้อ "ศาลรัฐธรรมนูญกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" โดยมี นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายอุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา และนายภูมิ มูลศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
โดย นายปัญญา กล่าวว่า การทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญไทยเป็นอิทธิพลที่ได้รับมาประเทศเยอรมนี ที่ผ่านมาได้มีบทบาทสำคัญผ่านคำวินิจฉัยสำคัญๆ อาทิ การคุ้มครองหลักความเสมอภาคในสิทธิสตรี คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้พิการ ซึ่งบทบาทเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
ขณะที่ นายอุดม กล่าวว่า อำนาจหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เป็นบทบาทขององค์กรตามรัฐธรรมนูญทุกองค์กร ไม่ใช่แค่กรอบอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ว่าที่ผ่านมาเกิดปัญหาทางการเมืองหลายๆเรื่อง โดยเป็นปัญหาที่มีความเห็นไม่ตรงกันระหว่างองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หรือระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน ไม่สามารถหาทางออกด้วยกระบวน การนิติบัญญัติ จึงต้องมหาศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยหาทางออก หากว่าฝ่ายที่กำหนดนโยบายไม่ว่าฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตกลงกันได้มีความเห็นตรงกัน ก็ไม่ต้องมาที่ศาลรัฐธรรมนูญอีก
ด้าน นายคำนูณ กล่าวว่า บทบาทการพิทักษ์รัฐธรรมนูญนั้น ความจาิงตัวรัฐธรรมนูญมีกลไกพิทักษ์ตัวเองอยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่กำหนดให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับเดิมมีผลบังคับใช้อยู่ แต่ประเทศ ไทยก็ยังสามารถทำได้ 2 ครั้งในปี 2489 และ2540 ซึ่งขณะนี้ตนยังมองไม่ออกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับจะสำเร็จได้ในปีไหน และยังไม่มั่นใจว่ารัฐสภาจะสามารถให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยเพียงว่ารัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ ดังนั้น ประเด็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็จะยังเป็นปัญหาในสังคมอีกระยะหนึ่ง และการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ก็ยังเป็นบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
รศ.ดร.ภูมิ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ กล่าวถึงกลไกในการพิทักษ์รธน.ของประเทศไทยว่า มีลักษณะในรูปแบบของการให้ศาลพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรกลางที่เชื่อว่าจะเกิดความสมดุลแต่ก็มีคำถามจากสังคมว่า องค์ประกอบของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกลไกที่จะนำมาใช้นั้นจะมาจากไหน เป็นต้น ซึ่งมีความแตกต่างในแต่ละช่วงของการมีรัฐธรรมนูญในช่วงเวลานั้น อาทิ เรื่องของวาระการดำรงตำแหน่ง ที่มาของตุลาการศาล รวมถึงจำนวนของตุลาการศาล เป็นต้น สำหรับรัฐธรรมนูญปี 60 นั้น มีคำถามจากสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับอื่นที่ผ่านมา หากย้อนกลับไปในอดีตหลักการของศาลรัฐธรรมนูญควรเป็นเครื่องมือออกแบบโครงสร้างอำนาจทางการเมือง รวมถึงการถูกมองว่าเป็นองคาพยพที่ไปตอบสนองในเรื่องเหล่านี้ด้วยหรือไม่
สำหรับงานวิจัย พบว่า มีสามมิติด้วยกัน มิติแรก คือ กระบวนการคัดเลือกกระบวนการตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มิติที่สอง คือ อำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่มีการขยายมากขึ้นหรือไม่ มิติที่สาม คือ การตีความของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการขยายอำนาจให้กับองค์กรตัวเองหรือไม่ จึงนำไปสู่การขัดกันของการแบ่งแยกอำนาจหรือไม่ ถัดมาคือ การตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งต้องมีการมาพูดในเรื่องเหล่านี้กันว่า จะสามารถทำได้ตรงไหน รวมถึงการถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะทำได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากมองจากฝั่งประชาชนนั้นเชื่อว่า บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญที่ดีก็มีมากและไม่ควรมองเพียงมิติเดียว คือ มิติทางการเมืองแต่ต้องมองในมิติอื่นๆ ด้วย อาทิ เรื่องของสิทธิเสรีภาพของประชนชน เช่น กรณีคำวินิจฉัยกรณีที่การประปาส่วนภุมิภาควางท่อแล้วล้ำไปในพื้นที่ของประชาชน เป็นต้น
หากมองปัญหาการเมืองและสภาพสังคมในปัจจุบัน ศาลรัฐธรรมนูญจะมีความท้าทายในการทำหน้าที่มากขึ้น เนื่องจากสังคมมีความขัดแย้งในหลายมิติ ซึ่งไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตีความปัญหาอย่างไร ก็จะมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยออกมาชื่นชม และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยออกมาโจมตี การมิติในการตีความนปัจจุบันนั้นเดิมจะยึดตามตัวบทกฎหมายแต่ปัจจุบันนั้นจะยึดเพียงตัวบทกฎหมายเท่านั้นไม่ได้แต่ต้องประกอบกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป และมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองมากยิ่งขึ้นนับเป็นความท้าทายในปัจจุบัน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี