‘ทักษิณ’ลั่นปีหน้าควงน้องสาวปิ๊กบ้านทำบุญ
‘ยิ่งลักษณ์’เตรียมกลับไทย
จับตาเดือนต.ค.อาจมีข่าวดี
เมินเสียงวิจารณ์ชี้เรื่องปกติ
ปัดดีล‘ปชป.’ดึงร่วมรัฐบาล
ชิงออกตัวเก้าอี้รมต.มีจำกัด
“ทักษิณ”คึกคักปิ๊กบ้านฉลองสงกรานต์ปีใหม่ไทยวันที่สองคิวแน่น เที่ยงแวะกินข้าวซอยร้านดัง บ่ายขึ้นดอยสุเทพสรงน้ำพระ-ทำบุญ ในรอบ 18 ปี เย็นดูคอนเสิร์ต-เดินสายร่วมสาดน้ำหน้าห้างดังของเมืองเชียงใหม่ ลั่นข่าวดีตุลาฯพา “ยิ่งลักษณ์”กลับไทย สงกรานต์ปี 68 ได้มาทำบุญร่วมกัน เมินเสียงวิจารณ์ ชี้เรื่องธรรดา ที่ทำอะไรไม่มีใครเห็นด้วย 100% ปัดดีล “ปชป.”ร่วมรัฐบาล แจงแค่จิบกาแฟกับคนรู้จักกันดี ออกตัวครม.มีที่จำกัด ส่วนรมต.เพื่อไทยตบเท้าเข้าพบร่วมโต๊ะข้าวเย็น ไร้นัยยะการเมืองแค่มาดำหัวผู้สูงอายุตามประเพณี อำนาจปรับครม.อยู่ที่นายกฯ
เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการพักโทษ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางกลับมาบ้านเกิดที่จ.เชียงใหม่เป็นครั้งที่สอง เพื่อร่วมงานประเพณีปี๋ใหม่เมืองหรือสงกรานต์เชียงใหม่
แม้วชื่นมื่นกินข้าวซอย/ขึ้นดอยสุเทพ
โดยช่วงเที่ยงนายทักษิณ ไปรับประทานข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม จังหวัดเชียงใหม่ มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เจ๊แดง น้องสาว พร้อมนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาร่วมรับประทานด้วย ซึ่งนายทักษิณมาถึงได้เดินทักทายสื่อมวลชนพร้อมกล่าวว่า เดี๋ยวขึ้นไปดอยสุเทพ ตั้งใจจะไปซื้อลอตเตอรี่ จากนั้นนายทักษิณได้รับประทานข้าวซอยเนื้อ และเปิดให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ก่อนจะบ่นติดตลกว่าว่า “75ปีแล้ว จะมาถ่ายอะไรเยอะแยะถ่ายคนแก่แล้ว เขาอยากดูภาพคนหนุ่มคนสาว” หลังรับประทานอาหาร นายทักษิณเดินทางไปที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เพื่อทำบุญและสรงน้ำพระ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนายทักษิณได้แวะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 140 ใบ โดยให้แม่ค้าสุ่มหยิบให้
ทำบุญวัดพระธาตุดอยสุเทพ
เวลา 13.00 น.ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ นายทักษิณ ได้พบปะสนทนาธรรมกับพระธรรม เสนาบดี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ โดยเจ้าอาวาสกล่าวกับนายทักษิณว่า “ขอให้ใจเย็นๆ นั่งพักผ่อนให้สบายๆ มาครั้งที่แล้วมีเวลาไม่นาน ครั้งนี้อยากให้นั่งพักนานๆ ซึ่งเงินที่นายทักษิณเคยทำบุญไว้ครั้งก่อน ได้เอาไปทำบุญบูรณะบริเวณวัดแล้ว หลังจากมีพายุเข้าช่วงหลังจากที่นายทักษิณกลับไป ถือว่าเงินทำบุญครั้งนั้นจะทำให้ครอบครัวของนายทักษิณมีความเจริญรุ่งเรือง ทั้งนี้ นายทักษิณได้ถวายปัจจัยทำบุญกับวัด ถวายปัจจัยเพื่อบูรณะพระวิหารอีกครั้ง ก่อนที่จะลงมาผูกผ้าสามสีไม้ง่ามค้ำต้นโพธิ์และตีฆ้อง ระหว่างที่นายทักษิณทำบุญมีประชาชนมาขอถ่ายรูป รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาถามว่า นายทักษิณคือใคร
ได้กลับบ้านจิตใจดีร่างกายฟื้นตัว
จากนั้นนายทักษิณกล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้พรรคพวกชวนไปดูคอนเสิร์ต ตนก็จะไปดูว่าชีวิตของคนเชียงใหม่กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างไร เวลามาเที่ยวสงกรานต์แล้วสนุกแบบไหน ตนจะได้เข้าใจเขามากขึ้น ตนห่างประเทศไทยไปนานก็ขอไปทำความเข้าใจให้มากขึ้น พร้อมยืนยันว่าขณะนี้อาการป่วยของตนดีขึ้นมากได้กลับมาอยู่บ้านภาวะจิตใจก็ดีความพร้อมในการออกกำลังให้ร่างกายฟื้นตัวก็มีมากขึ้น อยู่ที่โรงพยาบาลไม่มีจิตใจที่จะทำอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพที่ออกมามักถูกวิพากษ์วิจารณ์ นายทักษิณยืนยันว่า ไม่เป็นไร ป่วยก็อยากจะหาย หวังว่าคนที่วิจารณ์ตน เวลาเจ็บป่วยเขาก็คงอยากหายเหมือนตน หายแล้วก็ควรจะดีใจอย่าไปซ้ำเติมเขา
สงกรานต์ปีหน้าพาปูมาทำบุญด้วย
นายทักษิณยังให้สัมภาษณ์ถึงการได้กลับมาเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่ว่า 18 ปี ก็รู้สึกม่วนอกม่วนใจ๋ จิตใจสบาย สงบ เพราะกลับมาแล้วก็อยากสงบ อยากใช้ชีวิตเรียบง่าย และการขอพรในวันนี้ เมื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตนก็สักการะ ด้วยความเคารพบูชาจะไม่ค่อยเรียกร้องอะไร เพราะเมื่อเราเกิดมาแล้ว พระเจ้าลิขิตไว้แล้ว ว่าจะมีอะไร วันนี้ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวทำให้ตนรู้สึกอบอุ่น เจอคนไทย ประเพณีวัฒนธรรมไทย อาหารไทย พี่น้องเพื่อนฝูง สื่อมวลชนคนไทย ก็มีความสุข ดีกว่าอยู่เมืองนอกเยอะ
เมื่อถามว่าได้มาสงกรานต์ที่เชียงใหม่ คิดถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ เพราะปกติเทศกาลสงกรานต์จะอยู่ด้วยกัน นายทักษิณกล่าวว่า “นายกฯปู อวยพรสงกรานต์ก่อนที่ผมจะเดินทางมาเชียงใหม่ ก็เลยบอกเดี๋ยวปีหน้า เรามาทำบุญด้วยกัน สงกรานต์ปีหน้า นายกฯปูคงได้มีโอกาสมาทำบุญ” ส่วนเป็นข่าวดีหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ตอนที่ตนจะกลับก็มุ่งมั่นว่าอยากกลับบ้าน แต่ไม่รู้ว่ากลับอย่างไร เมื่อไหร่ คิดแต่วันแรกที่ออกไปว่า ต้องกลับให้ได้ จะอย่างไร เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยากกลับอยู่แล้ว
ลั่นตั้งใจพา‘ปู’กลับไทยตุลานี้
ถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์บ่นบ้างหรือไม่ว่าเหงา นายทักษิณกล่าวว่า ก็มีบ้าง แต่ต่างคนต่างมีภารกิจ เกี่ยวกับบ้านเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ห่วงบ้านเมืองเช่นกัน ก็ช่วยกันคิดช่วยกันทำ โดยเฉพาะเวลาที่พวกเราเป็นรัฐบาล ก็ให้ความเห็น ส่วนจะกลับมาช่องทางไหนยังไม่ทราบ เอาความตั้งใจก่อน ในส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนของตน ของตนเขายัดให้เยอะ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอันเดียว
ถามย้ำว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับมาภายในปีนี้หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ก็ตั้งใจอย่างนั้น แต่ยังไม่รู้จะอย่างไร เดี๋ยวดูเหตุการณ์ก่อน ส่วนจะเป็นเดือนตุลาคมที่จะถึงใช่หรือไม่ ไม่ทราบแต่ตั้งใจ
เมินเสียงวิจารณ์ชี้เรื่องธรรมดา
เมื่อถามอีกว่า ถ้ากลับมา 2 คนกังวลว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ทุกอย่างมีเหตุผล อยากวิจารณ์ เขาก็วิจารณ์ไป แต่เราต้องมีเหตุผลของเรา ตอบสังคมส่วนใหญ่ได้ สังคมส่วนน้อยก็มีบ้างเป็นธรรมดา ไม่มีใครพอใจ แม้กระทั่งบางคนอยู่บ้านเดียวกันพ่อแม่ลูก บางทีลูกทำอะไรพ่อแม่อาจไม่พอใจ เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีข้อยุติร่วมกันทั้งหมด
รมต.ร่วมกินข้าวเย็นไร้นัยยะการเมือง
นายทักษิณยังเปิดเผยด้วยว่า ช่วงเย็นวันนี้ (14 เมษายน) จะไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านเลอค็อกดอร์ ร้านเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นนายกฯ ตอนนี้ก็ยังอยู่ ส่วนที่จะมีรัฐมนตรีหลายคนมาพบนั้น ไม่มีนัยยะทางการเมือง เป็นประเพณี ตนเป็นคนเชียงใหม่ สงกรานต์เขาก็มารดน้ำดำหัวเรื่องปกติ ตนอายุ 75 แล้ว พวกที่อยู่ทั้งหลายตอนนี้อายุน้อยกว่าตนทั้งนั้น ที่หลายคนมองว่าหากใครไม่มาเช็คชื่อ คงไม่เป็นแบบนั้น ตนเป็นคนไม่จุกจิก และไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับนายกฯ นายกฯจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าใครจะอยู่ใครจะไป
ปัดเป็นศูนย์กลางอำนาจแค่คนแก่สุด
เมื่อถามว่า จะพูดอย่างไรให้รัฐมนตรีที่เข้าใจผิด ว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องวิ่งเข้าหานายทักษิณ ซึ่งนายทักษิณกล่าวว่า “Nothing is permanent” ไม่มีอะไรเป็นสรณะ เพราะมีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มีตำแหน่งแล้วต้องหมดตำแหน่งก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าคิดอะไรมาก ระหว่างที่มีตำแหน่งอยู่ก็ทำให้ดีที่สุด สร้างชื่อเสียงให้บ้านเมืองไป
ถามว่า มีการมองว่านายทักษิณกลับมาจะเป็นศูนย์กลางอำนาจ นายทักษิณกล่าวว่า เป็นศูนย์กลางของคนแก่ที่พวกรุ่นน้องๆอยากมาปรึกษาหารือ ตอนนี้อายุ 75 ปีแล้ว เผลอแปบเดียวกลายเป็นคนแก่สุดแล้ว ถือว่าวันนี้เริ่มเข้าวัยเบญจเพส อีก 25 ปี ก็ครบ 100
แค่จิบกาแฟกับคนปชป.ที่รู้จัก
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล โดยโยงชื่อของนายทักษิณว่าเป็นผู้คุยดีลนี้ นายทักษิณย้อนถามว่า “เหรอครับ ก็รู้จักกันทั้งนั้น ก็คุยการเมืองกัน หลายคนอยากทำงานให้บ้านเมืองแต่บางครั้งทุกอย่างก็มีจำกัด เก้าอี้รัฐมนตรีก็มี 36 รวมทั้งนายกฯด้วย ก็ต้องมีจำกัด ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ขอให้ไปถามนายกฯ การพบกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็กินกาแฟกันธรรมดา อย่างนายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยเป็นผู้สมัครสส.พรรคไทยรักไทย สมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ๆ ก็เลยรู้จักกัน
นายกฯควงภริยาเดินตลาดเช้าหัวหิน
วันเดียวกัน ที่ตลาดฉัตรไชย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ขับรถยนต์ส่วนตัว Fiat 500 cabriolet ทะเบียน 3 กฎ 695 กรุงเทพมหานคร มาพร้อม พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และคณะ ซึ่งนายกฯมาเดินตลาดเช้าเป็นกิจวัตรตามปกติ ที่เดินทางมาพักผ่อนที่หัวหิน โดยใส่บาตรพระ 30 ชุด ด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้งร้านลุงแต เจ้าประจำในตลาดหัวหิน ข้าวแช่ ขนมหวาน กล้วยไข่เชื่อม มันเชื่อม น้ำเต้าหู้ หลังใส่บาตร นายกฯทักทายพ่อค้าแม่ค้าโดยสอบถามว่า สงกรานต์นี้ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าการค้าขายในปีนี้ดีขึ้น นายกฯกล่าวตอบว่า สงกรานต์ปีนี้ดีกว่าปีก่อน นักท่องเที่ยวเดินทางมามากขึ้นเรื่อยๆ และปีหน้าจะจัดกิจกรรมให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะดีขึ้นดีกว่าปีนี้
ชูครอบครัวเข้มแข็งปท.พัฒนามั่นคง
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 08.24 น.นายเศรษฐาทวิตเตอร์X ระบุ ตนกับคุณหมออ้อมมาใส่บาตรที่ตลาดหัวหินด้วยกันรับวันปีใหม่ไทย สถาบันครอบครัว คือ สถาบันพื้นฐานที่ช่วยดูแลเด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็น safety net ให้ทุกคนที่เปราะบาง เปรียบเหมือนขุมพลังกายพลังใจของเรา อยากให้ครอบครัวไทยทุกครอบครัวเข้มแข็งครับ ประเทศไทยของเราจะแข็งแรง และพัฒนาอย่างมั่นคง ความไม่เข้าใจกันในครอบครัวเป็นเรื่องปรกติ ความเห็นที่แตกต่างของคนต่างวัย สามารถพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้ในโอกาสวันครอบครัว ฝากทุกท่านให้ความรัก ให้เวลา และช่วยกันดูแลทุกคนในครอบครัวให้อบอุ่น
“สมศักดิ์”เปิดบ้านให้ขรก.ปชช.รดน้ำ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยา เปิดบ้านพักที่จ.สุโขทัยให้ประชาชน ส.ส.พรรค ข้าราชการในพื้นที่เข้ารดน้ำขอพร เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ โดยนายสมศักดิ์ กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาแสดงความระลึกถึงกัน พร้อมฝากทุกคนว่า การทำอะไรในส่วนจังหวัด หรือ ท้องถิ่น เราต้องลงไปให้ถึงรากเหง้าของปัญหา ต้องกล้าปรับแก้กฎหมาย อย่าทำงานแบบโยนกันไปโยนกันมา แนวทางการเมืองของตน ไม่นิยมความใส่ร้ายป้ายสี ต้องว่ากันที่การทำงาน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม และประชาชนจะไม่ได้อะไรเลย
ขอพรให้โครงการโคแสนล้านสำเร็จ
นายสมศักดิ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ตนขอพรให้สำเร็จมาตลอดก็คือ โครงการโคแสนล้าน ที่ต้องติดตามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งหน้า จะผ่านมติครม.หรือไม่ ตนขอย้ำว่า เป็นโครงการที่ดี เพราะเกษตรกร จะมีอาชีพเสริม และแสดงว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับสิ่งที่รับปากกับประชาชนไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งสมัยอดีตนายกฯทักษิณได้ช่วยเหลือชาวสุโขทัย ในการผลักดันโครงการทุ่งทะเลหลวง ที่สามารถเก็บน้ำได้ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ผลิตน้ำประปาให้คนสุโขทัย ดื่มกินได้ถึง 5 อำเภอ หรือ ค่อนจังหวัดไปแล้ว โดยคนที่ไม่ชอบก็วิจารณ์กันไป แต่ข้อเท็จจริง อดีตนายกฯทักษิณทำให้คนสุโขทัยมีน้ำกินได้จนถึงปัจจุบัน
ชี้กระแสปรับครม.แค่ข่าวลือ
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวปรับครม. ซึ่งตนไม่สามารถมาคาดเดาได้ แต่ตนเป็นรองนายกฯ ครั้งนี้ครั้งที่ 15 แล้ว โดยอาจเลิก ถ้าเป็นครบ 20 ครั้ง เพราะไม่รู้จะถูกย้ายไปไหน แต่ตามข่าวที่ออกมาไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์เลือก ซึ่งข่าวที่เกิดขึ้น เป็นเพียงสิ่งที่ลือกันไป ดังนั้น เวลานี้ขอตั้งใจและทำสมาธิกับการผลักดันสิ่งต่างๆที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะรองนายกฯให้ดีที่สุด และมีความสุข ที่ได้ทำอยู่ ในโอกาสปีใหม่ไทย ตนขอให้ทุกท่าน มีแต่ความสุข เชื่อว่า ปีต่อไป จะเป็นปีที่ดีของประชาชน
เสื้อแดงอึดอัดใจข่าวปรับหมอชลน่าน
ด้านผศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสานและอดีตแกนนำคนเสื้อแดง ภาคอีสานกล่าวยอมรับว่า ขณะนี้ภาคประชาชนอึดอัดใจมาก หลังมีกระแสปรับ ครม. โดยพรรคเพื่อไทยจะปรับหลายตำแหน่ง โดยมีชื่อนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข แม่ทัพใหญ่ของพรรค ที่ร่วมต่อสู้ทางการเมือง และทำงานกับประชาชน และทำงานกับพรรคมาอย่างเข้มข้น ต้องถูกปรับออก ทั้งทีผลงานกำลังดำเนินไปด้วยดี ชัดเจนทุกด้าน ขยันทำงานไม่เห็นเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะผลงานผลักดันนโยบาย 30 บาทพลัสคือ การใช้สิทธิ์ 30 บาท รักษาทุกที่ ที่กำลังขยายครอบคลุมการใช้สิทธิ์ให้ได้ทั้งประเทศ และกำลังจะวางระบบปฐมภูมิให้สำเร็จต่อไป ซึ่งในมุมของภาคประชาชนประเมินงานหมอชลน่านผ่านไม่ควรปรับเปลี่ยนออก
‘พิธา’ดำหัวผู้สูงอายุเมืองอุดรฯ
ที่ จ.อุดรธานี พรรคก้าวไกลนำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ “ฮักแพง แงงกัน” และร่วมทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ที่ชุมชนนาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นแฟนคลับนำผ้าขาวม้ามาผูกให้เต็มเอว และขอเซลฟี่ด้วย จากนั้นได้ร่วมบายศรีเป็นการรับขวัญ เสริมสิริมงคลร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งช่วงเย็นวันเดียวกัน นายพิธาไปร่วมเล่นสงกรานต์ที่จ.ขอนแก่น
ยันไม่ลืมสัญญาเพิ่มเบี้ยสูงอายุ3พัน
นายพิธา กล่าวขอบคุณชาวชุมชนนาดีสำหรับกำลังใจ และขวัญที่ผูกให้กับพวกเรา ทำให้เรามีกำลังใจทำงานการเมืองต่อไป ถ้า “ขวัญ” มาขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางเดินอื่นนอกจาก การเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่มีคำว่ายอมแพ้ ไม่มีคำว่าถอยหลังในเส้นทางการเมือง ที่ต้องการมาเปลี่ยนแปลงชาวอุดรธานี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อได้ขวัญและกำลังใจมาแล้ว เราก็ทำงานเพื่อท่านต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน ที่พรรคเราเคยหาเสียงเอาไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี