"เลขากฤษฎีกา"ยัน รบ.ไม่ได้กู้ธกส.แจกดิจิทัลวอลเล็ต สื่อพูดกันเอง ยํ้าใช้มาตรา 28 ดําเนินโครงการ ปัดตอบใช้แหล่งเงินอื่นได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลจะกู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นแหล่งเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะทำได้หรือไม่ ว่า สิ่งที่คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่ได้ดูในการประชุมที่ผ่านมา คือเรื่องแหล่งเงิน โดยจะใช้งบประมาณปี 67 และปี 68 อีกส่วนหนึ่งคือดําเนินโครงการตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง ซึ่งเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอํานาจหน้าที่ ดังนั้น ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงเรื่องแหล่งกู้เงิน
ทั้งนี้ เวลาที่จะทำโครงการตามมาตรา 28 ต้องกำหนดรายละเอียด และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี ตนจึงไม่แน่ใจว่ากระแสข่าวที่จะกู้เงินจาก ธกส.มาจากไหน ยืนยันว่า ในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เป็นการพูดกันเองของสื่อหลังจากมีแถลงข่าว
เมื่อถามว่า แหล่งเงินจํานวน 170,000 ล้านบาท จะนำมาจากไหน นายปกรณ์ กล่าวว่า เป็นข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการของโครงการ คือ จะดำเนินการตามมาตรา 28 เพียงแค่นั้น ซึ่งโดยหลักการทำได้ แต่ต้องทำรายละเอียดเพื่อเสนออีกครั้ง อย่างโครงการแสนล้านตัว ที่ต้องเขียนระเอียดโครงการให้ชัดเจนมาก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้ แต่ทั้งหมดสื่อพูดกันเอง
เมื่อถามว่า การใช้เงินตามมาตรา 28 กับการใช้เงิน ธกส.เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า คนละเรื่อง แต่หากใช้เงินของ ธกส.จะต้องผ่านมติบอร์ดของ ธกส.ซึ่งจะต้องพิจารณาตามกรอบมาตรา 27 และ 28 เมื่อถามว่า หากไม่ใช้เงินจาก ธกส.จะใช้เงินจากช่องทางอื่นได้อีกหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ากระทรวงการคลังจะคิดอย่างไร เพราะเป็นผู้คิดโครงการ
เมื่อถามว่า การใช้มาตรา 28 กับเงิน ธกส.จะมีวิธีการตรวจสอบอย่างไร ให้เงินไปถึงกลุ่มอาชีพเกษตรกรอย่างเดียว นายปกรณ์ กล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่กระทรวงการคลังต้องไปดู ทั้งนี้ ในวันที่มีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้มีการพูดถึงรายละเอียดเลย หารือแค่เฉพาะหลักการ ว่าแหล่งเงินจะมาจากไหน
เมื่อถามว่า ทางสหภาพ ธกส.ต้องการให้กฤษฎีกา ชี้แนะข้อกฎหมายของ พ.ร.บ.ธกส.จะสามารถทำได้หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า จะแยกส่งให้กฤษฎีกา หรือจะส่งพร้อมกับความเห็นของ ครม.ก็ได้ เพราะขั้นตอนการหารือของกฤษฎีกาจะมี 2 แบบ 1.เข้า ครม.คณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความเห็นประกอบ 2.การหารือโดยตรงกับกฤษฎีกา โดยผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่ามีปัญหาประเด็นข้อกฎหมายตรงไหน ซึ่งเป็นไปตามหลักการแก้ไขปัญหา การบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้น หากแก้ปัญหาภายในหน่วยงานได้ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกฤษฎีกา แต่ถ้าส่งผ่านความเห็น ครม.ก็จะใช้ขั้นตอนสั้นลง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี