‘เศรษฐา’กินข้าวมื้อเที่ยง‘ทักษิณ’
เคาะโผ‘ครม.’
รายชื่อโควตา‘เพื่อไทย’นิ่ง
ดัน4รมต.ใหม่เสริมงานรบ.
‘พิชัย’ทิ้งปธ.บอร์ดตลท.แล้ว
“นายกฯเศรษฐา” ควง“ภูมิธรรม”ทานมื้อเที่ยง“ทักษิณ”นานชม.ครึ่ง สะพัดเคาะ“โผครม.”รอบสุดท้ายท่ามกลางกระแส โผ ครม.เศรษฐา 2 นิ่ง นายกฯชี้ขาด โดยมี 3 รมต.เพื่อไทย หลุดเก้าอี้ “หมอชลน่าน-ไชยา-พวงเพ็ชร” หลุด“บิ๊กทิน-เกรียง”ยังเหนียว “สุริยะ”ควบ รองนายกฯ“สมศักดิ์”นั่ง รมว.สาธารณสุข
ดัน 4 รมต.ใหม่ ‘พิชัย’นั่งขุนคลัง ‘เผ่าภูมิ’รมช.คลัง ‘พิชิต ชื่นบาน’รมต.ประจำสำนักนายฯ ‘ส.ส.น้ำ-จิราพร’ ลุ้นนั่ง รมช.เกษตรฯหรือรมช.พาณิชย์ ‘พิชัย’ลาออก ปธ.บอร์ดตลท.แล้วหลังดำรงตำแหน่งแค่2เดือนเศษคาดจะนั่งรมว.คลัง ตามโผด้าน‘อนุทิน’ย้ำแจ้งนายกฯแล้ว ภท.ไม่เปลี่ยนตัว8รมต. เพื่อสานงานต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังว่า ในช่วงเที่ยงวันนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.)มีนัดรับประทานอาหารกลางวันกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมโรสวูด ถนนเพลินจิตโดยคาดว่าเป็นการหารือเพื่อเคาะรายชื่อโผคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายกฯกินมื้อเที่ยง‘ทักษิณ’
เวลา 11.55 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางมาที่โรงแรมโรสวูดด้วยรถประจำตำแหน่ง สีเงิน เล็กซัส เลขทะเบียนสร.30โดยมีรถของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ติดตามมาในขบวนด้วย
มีรายงานว่านายกฯและนายภูมิธรรม เดินทางมาพบและมีนัดร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)คาดว่าเป็นการหารือเพื่อเคาะรายชื่อโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบสุดท้ายก่อนที่จะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ
คาดว่าน่าจะใกล้แล้วเสร็จ สะพัด!3รมต.เพื่อไทย หลุดโผ
มีรายงานข่าวว่า 3 รัฐมนตรีที่จะถูกปรับออกคือนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข , นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยทางโรงแรมไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว จึงทำได้แค่ปักหลักอยู่ฟุตปาทหน้าโรงแรมเท่านั้น สำหรับโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ (Rosewood Bangkok) เป็นหนึ่งในธุรกิจของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวของ นายทักษิณ.
กินมื้อเที่ยง’ทักษิณ’นานชม.ครึ่ง
จากนั้นเวลา 13.35 น. นายเศรษฐาได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูดถนนเพลินจิต พร้อมกับรถยนต์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ โดยใช้เวลารับประทานอาหารกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยนายกฯไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชนที่รอทำข่าว ก่อนเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในเวลา13.47น.
โผ ครม.เศรษฐา1/1 นิ่งแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการปรับ ครม.เศรษฐา1/1ซึ่งพบว่ารายชื่อนิ่งแล้ว หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.)ได้นัดร่วมรับประทานข้าวเที่ยงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่โรงแรมโรสวูด ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ
‘ชลน่าน-ไชยา-พวงเพ็ชร’หลุด
โดยนายกฯจะพิจารณารายชื่อในภาพรวมทั้งหมดในส่วนรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย(พท.)คาดว่ารัฐมนตรีที่จะหลุดจากตำแหน่งได้แก่ 1.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข 2.นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ 3.นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กับ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ได้แรงสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งเดิมต่อไป
‘พิชัย’ขุนคลัง-‘เผ่าภูมิ’รมช.คลัง
นอกจากนี้ยังว่าที่รัฐมนตรีใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มเติม คือนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯจะมาเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะขยับเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
‘จิราพร’ลุ้นนั่งรมช.กษ-รมช.พณ.
ขณะที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ดรองหัวหน้าพรรคพท. เข้ามาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ หรืออีกทางหนึ่งคือไปเป็น รมช.พาณิชย์ เพื่อไปช่วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทย
สมศักดิ์คุมสธ.-สุริยะควบรองนายกฯ
ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นอกจากดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม จะนั่งควบรองนายกฯเพิ่มอีกตำแหน่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะขยับจากรองนายกฯไปเป็น รมว.สาธารณสุข
นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯจะมาเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เพื่อดูงานด้านกฎหมายให้กับรัฐบาล
พปชร.ชงชื่อ’ไผ่ ลิกค์’นั่งรมช.พณ.
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นั้นได้แจ้งชื่อปรับครม.ในโควต้าที่เหลือ 1ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอชื่อ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชรพรรคพลังประชารัฐ
นอกจากนี้ได้ส่งชื่อสำรองไว้อีก 3 รายชื่อ คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส. ฉะเชิงเทรา นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส. กำแพงเพชร และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพปชร.ทั้งนี้หากชื่อนายไผ่ ลิกค์มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ มีความเป็นได้ ที่แกนนำพรรคพปชร.จะสนับสนุน นายอรรถกร เป็น รัฐมนตรี
‘ธรรมนัส’คุยพท.คุมทั้งก.เกษตรฯ
โดยร.อ.ธรรมนัส เจรจากับนายกฯขอให้รัฐมนตรีของพรรคพปชร.ดูแลกระทรวงเกษตรฯทั้งหมดซึ่งจะต้องปรับให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯในโควตาของพรรค พท.และพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ที่มีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงอื่น
‘กฤษภา’หลุดรมช.คลัง-อนุชา ยังนิ่ง
นอกจากนี้ ในส่วนของพรรครทสช.นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ จะพ้นจาก รมช.คลัง ส่วนนายอนุชา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ขณะนี้รายชื่อยังนิ่ง ยังไม่ได้รับแจ้งจากหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรครทสช.ว่าจะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี
ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครทสช.มีความเป็นไปได้ว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ ตามโควตาของพรรค รทสช.แต่อยู่ระหว่างการพิจารณากระทรวงฯที่จะไปทำหน้าที่
‘พิชัย’ลาออกปธ.บอร์ดตลท.แล้ว
วันเดียวกัน แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่านายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการตลท.ได้ขอลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อค่ำวานนี้(24เม.ย.)ซึ่งคาดว่าจะไปดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามที่มีกระแสข่าวในการปรับครม.เศรษฐา 2ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 3 คน เมื่อวันที่ 11 มกราคม2567หนึ่งในนั้นคือนายพิชัย โดยมีวาระดำรงตำแหน่ง3 ปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 จากนั้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ได้มีมติเลือกนายพิชัย ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 18 แทนนายประสาร ไตรรัตวรกุล ที่ครบวาระ
‘อนุทิน’ย้ำภท.ไม่เปลี่ยนตัว8รมต.
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ที่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ถึงกรณีที่มีข่าวการเตรียมปรับเปลี่ยนตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีชื่อรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเลย สะท้อนถึงความเป็นเอกภาพในการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ว่า เราอยากให้งานของเรามีความต่อเนื่อง และรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทยทั้ง 8 คน เบื้องต้นตนประเมินแล้วทุกท่านทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งตนได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ขอเป็นเหมือนเดิม ไม่มีการปรับอะไร ซึ่งนายกฯ ก็รับทราบ
มติให้เปลี่ยนชื่อเดิม‘ชาติพัฒนา’
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสัมมนาลำปลายมาศ โรงแรมแคนทารี่ โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนากล้า ได้จัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคและประธานสาขาพรรคฯและสมาชิกพรรคากทั่วประเทศอาทิ จ.นครราชสีมา,นครสวรรค์ ,นครปฐม , จ.สิงห์บุรี , จ.ลำปาง เป็นต้น รวมกว่า 250 คน
นายสุวัจน์ กล่าวภายหลังการประชุมว่าที่ประชุมมีมติให้เปลี่ยนชื่อพรรคชาติพัฒนากล้ากลับมาเป็นพรรคชาติพัฒนาตามเดิม ปัจจุบันพรรคชาติพัฒนามีส.ส.ทั้งหมด3คน เดิมที่มี2คนจากการเลือกตั้ง ขณะนี้ได้เพิ่มมาอีก 1 คน มาร่วมกับเราคือสส.แจ้ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส. ปราจีนบุรี เดิมทีสังกัดพรรคก้าวไกลพื้นฐานเป็นวิศวกรมีความรู้เป็นคนเก่ง เป็นคนหนุ่มจะเป็นกำลังสำคัญให้กับพรรคชาติพัฒนาเป็นอย่างดียิ่ง สมควรที่จะได้สนับสนุนให้ได้มีบทบาทในการช่วยกันสร้างพรรคชาติพัฒนาให้เติบโตต่อไป ทำให้พรรคมีส.ส.ทั้งหมด 3คน เมื่อเราร่วมรัฐบาลแล้ว เนื่องจากเรามี ส.ส.น้อยเที่ยวนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่เราไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ก็มีตำแหน่งอื่นๆในรัฐบาลที่เราสามารถเข้าไปช่วยทำงานได้
ปชช.คาดหวังปรับครม.ทำงานดีขึ้น
นายสุวัจน์ยังกล่าวถึงเรื่องการปรับ ครม.ว่ายังไม่ทราบว่าจะปรับเมื่อไหร่แต่ระยะเวลาของสภา 1 ปีแล้วเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมถ้านายกฯจะเห็นว่าการปรับ ครม.จะทำให้การทำงานในการพัฒนาประเทศหรือการแก้ไขปัญหาของประชาชนดีขึ้น เพราะถ้าปรับ ครม.แล้วตนเชื่อความคาดหวังอย่างหนึ่งของประชาชนเมื่อมีการปรับ ครม.ประชาชนก็ต้องคิดว่าปรับแล้วดีขึ้น ได้คนเก่ง ได้คนที่ดีขึ้น การทำงานกระฉับกระเฉงขึ้น ถ้าจะมีการปรับ ครม.ก็คงเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลยพินิจของนายกฯและประชาชนคาดหวังว่าการทำงานดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีจะไม่ควบ รมว.คลัง โดยจะได้รมว.คลังใหม่นั้น ตนไม่ทราบแต่ก็ทราบจากเท่าที่เป็นข่าว ตนว่าผ่านมา 7-8เดือนคงจะเห็นแล้วว่าจุดแข็งอยู่ที่ไหนและก็เห็นว่าจุดอ่อนอยู่ที่ไหนจะไปแก้จุดอ่อนอย่างไร จะไปเติมจุดอ่อนอย่างไร คงเป็นอย่างนั้น
ปชป.หนุนเลือกสว.ยึดกม.เคร่งครัด
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)กล่าวถึงการเลือกตั้งสว.ชุดใหม่ว่าพรรคปชป.สนับสนุนการเลือกตั้งส.ว.ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ขอให้ยึดหลักโปร่งใส ตรงไปตรงมา ยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายเข้าใจกฎเกณฑ์กติกา โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่บางพรรคมีความพยายามจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในตัวผู้สมัครเพื่อให้เป็นที่เข้าใจว่าเป็นคนของพรรค หรือมีพรรคการเมืองสนับสนุนถึงขนาดเดินสายสร้างความเข้าใจผิดๆให้กับประชาชน สุ่มเสี่ยงเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก็ต้องให้ความสำคัญ เพราะพรรคการเมืองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้มีความผิดตามกฎหมาย
‘เฉลิมชัย’ย้ำปชป.ห้ามยุ่งเลือกสว.
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่าในส่วนของพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคฯได้ย้ำในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชัดเจนว่าผู้ดำรงแหน่งกก.บห.รวมถึงส.ส.และสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด จะต้องไม่เข้าไปมีส่วนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ว.ไม่ช่วยหาเสียงหรือกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมายและบุคลากรของพรรคก็เช่นกัน จะต้องไม่กระทำการในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคสนับสนุนบุคคลหนึ่งบุคคลใดส่วนกระบวนการเลือกตั้งส.ว.เป็นอีกประเด็นที่พรรคฯได้เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อที่จะนำไปพิจารณาหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันหน้าเพื่อให้มีกระบวนการที่ดีมากกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
‘วัลลภ’ย้ำสว.หมดวาระไม่ยุ่งโหวตนายกฯ
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิวุฒิสภา(สว.)กล่าวถึงกรณีที่ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อ.ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้จับตาช่วงรอยต่อระหว่างสว.ชุดเก่ากับชุดใหม่ หากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นหลังวันที่10 พ.ค.สว.ชุดเก่ามีสิทธิ์โหวตนายกฯได้หรือไม่ว่า แม้ในรัฐธรรมนูญจะระบุว่าให้สว.ชุดเก่าทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีสว.ชุดใหม่ก็ตาม แต่ตนเห็นว่าสว.ชุดเก่าไม่ควรเข้าร่วมประชุมและไม่ควรจะไปยุ่งด้วย ยิ่งอยู่ในช่วงจะหมดวาระ แต่ต้องทำหน้าที่ต่อก็เป็นการทำหน้าที่เฉพาะเรื่องที่ค้างอยู่เท่านั้น แต่ไม่ควรร่วมโหวตนายกฯ เพราะถือว่าทำให้เราเสียหาย ที่ผ่านมาเราก็โดนหนักแล้ว พอเสียที
เมื่อถามถึงกรณีที่หากมีคนไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอำนาจสว.ชุดเก่าหากต้องเลือกนายกฯในช่วงนั้นจริงๆ นายวัลลภ กล่าวว่า ไม่ต้องไปถามศาลฯ เขาไม่เลือกกันหรอก ตนเชื่อว่าสว.ไม่ทำหน้าที่เด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาก็ย่ำแย่ไปตามๆกันแล้ว สำหรับคนที่ไปใช้มติเสี่ยง แต่สำหรับตน รู้สึกเฉยๆ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด และเห็นว่าใครทำอย่างไรก็รับอย่างนั้น
นายกฯขอบคุณส.ธนาคารไทยหั่นดอกเบี้ย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ที่เห็นชอบปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR) ลง 0.25%เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องหลังจากเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย และนายชาติศิริโสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองสภาวะเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนในปัจจุบัน
“วันนี้มีประกาศจากสมาคมธนาคารไทยว่าได้ออกแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อลดดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคล และ SME โดยเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME เป็นเวลา 6 เดือนซึ่งสมาคมธนาคารไทยได้ระบุว่าในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในตลาดเงินตลาดทุน สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าและตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง (Corporate Responsibility)ซึ่งการช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน ผู้ประกอบการรายย่อย ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆในระบบเศรษฐกิจ”นายชัย ย้ำ และเชื่อมั่นว่าประชาชนจะเห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ไม่เพียงแต่ฟื้นตัว แต่ต้องทัดเทียมการเติบโตของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี