สับ‘พุทธิพงษ์’แหกคอกค้านดิจิทัล
‘อนุทิน’ลมออกหู!
ชี้เป็นแค่ความเห็นส่วนตัว
ยัน‘ภูมิใจไทย’หนุนสุดลิ่ม
แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย
พท.โวไตรมาส4ได้แน่นอน
ขอให้ฟังผมเพียงคนเดียว! “อนุทิน” คอนเฟิร์มภูมิใจไทยพรึ่บหนุน “ดิจิทัล วอลเล็ต” แน่นอน แต่ต้องถูกก.ม. ชี้ “บี-พุทธิพงษ์” แหกคอกค้านแค่ความเห็นส่วนตัว ตอกย้ำไร้เงาร่วมกิจกรรมพรรคมาตั้งแต่หลังเลือกตั้ง’66 ปิดประตูความหวังขยับลำดับขึ้นสส.บัญชีรายชื่อ แนะ “เพื่อไทย” อย่ากังวล ด้าน“จุรินทร์” อัด “ดิจิทัล วอลเล็ต” วนในอ่าง
เมื่อวันที่ 27เม.ย.2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงกรณีที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาล จนทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่พอใจว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขอยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนรูปแบบวิธีการก็ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ตามคำแนะนำและข้อเสนอแนะของ 3 หน่วยงาน คือ 1.สำนักงานการคณะกรรมการกฤษฎีกา 2.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ 3.กระทรวงการคลัง ซึ่งพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนแน่นอน ส่วนการออกมาวิจารณ์ของนายพุทธิพงษ์ ก็เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของเขา ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย เพราะตั้งแต่เสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ปี 66 นายพุทธิพงษ์ก็ไม่เคยมาร่วมกิจกรรมใดๆของพรรคเลย แม้แต่วันเกิดพรรค เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ไม่มาร่วม หรือวันประชุมใหญ่ของพรรค ก็ไม่มาเช่นกัน จึงถือว่าเขาแสดงความเห็นในนามส่วนตัวเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับพรรค ตามที่โฆษกพรรคภูมิใจไทย ออกมาพูดก่อนหน้านี้
ภูมิใจไทยหนุนเงินดิจิทัล
“เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ที่ร่วมงาน และร่วมกิจกรรมของพรรคจะรู้ดีว่านโยบายนี้เราสนับสนุนรัฐบาลแน่นอน ดังนั้นขอให้ฟังผมเพียงคนเดียว อย่าไปฟังคนอื่น พรรคภูมิใจไทย มีสมาชิกตั้งหลายหมื่นคน เราไม่สามารถไปควบคุมความเห็นของสมาชิกพรรคแต่ละคนให้เห็นเหมือนกันได้ดังนั้นเรื่องสำคัญๆต้องขอให้ฟังหัวหน้าพรรค เลขาพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น“ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
เมื่อถามว่า แต่นายพุทธิพงษ์ ยังอยู่ในลำดับ สส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ลำดับสส.บัญชีรายชื่อ เขาก็ยังอยู่เช่นเดิม เพราะเป็นเรื่องก่อนหน้านี้ แต่ก็คงไม่ได้มีการขยับลำดับอะไรขึ้นมา
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ หรือ”เสด็จพี่” ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อบรมนายพุทธิพงษ์ หลังออกมาวิพากษ์วิจารณ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ถือว่าไร้มารยาททางการเมือง เพราะต้องร่วมรัฐบาลกันอีก 3 ปี นายอนุทิน กล่าวติดตลกว่า “ขอเสด็จพี่อย่าเป็นห่วงเรื่องนี้เลยเพคะ”
ชร่”พุทธิพงษ์”ให้ความเห็นส่วนตัว
ประเด็นดังกล่าวนายณัฎฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายพุทธิพงษ์ ได้แสดงความคิดเห็นในนามส่วนตัว ไม่ได้พูดในนามพรรคหรือสมาชิกพรรค เพราะหลังจากภารกิจเลือกตั้ง สส.เสร็จสิ้น นายพุทธิพงษ์ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ กับพรรคเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว
ขอยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทย ให้การสนับสนุนนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาล ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ย้ำมาโดยตลอดว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ล่าสุดนายอนุทินได้ร่วมแถลงข่าวกับนายกรัฐมนตรีเดินหน้าโครงการนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการ ดังนั้นขอให้นายพุทธิพงษ์ ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวให้เกิดความชัดเจน เพื่อไม่ให้พรรคภูมิใจไทยได้รับผลกระทบ และทำให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจ
“หากนายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ออกมาพูด ผมลืมไปแล้วว่านายพุทธิพงษ์ เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย แต่ขอให้นายพร้อมพงษ์ อย่าเป็นห่วงการแสดงความคิดเห็นของนายพุทธิพงษ์ เพราะในระดับผู้ใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และพร้อมจับมือกันทำงานจนครบเทอม” นายณัฎฐ์ชนน กล่าว
พร้อมพงษ์จี้เสี่ยหนูสั่งสอน
ก่อนหน้านี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์แสดงความเห็นว่า ตนได้เห็นข้อความที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลแล้ว ตนก็รู้สึกสะท้อนใจ เท่าที่ได้ดูก็ไม่มีอะไรใหม่ แต่ที่ทำให้แปลกใจก็คือคิดไม่ถึงว่านายพุทธิพงษ์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และตนเองก็เคยทำงานในฐานะรัฐบาล ก็น่าจะรู้ดีว่า คำพูดคือนายเรา รัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทย เคยมีนโยบายเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลถ้าไม่ทำตามนโยบายที่เคยให้ไว้กับประชาชน หรือนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา นายพุทธิพงษ์จะนิ่งเฉยอยู่หรือไม่
ตนเองก็อยากจะรู้ นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่ทันได้เกิด ก็มีเหล่ากูรูออกมาทักท้วง ถากถาง อ้างเป็นหนี้ คิดมาไม่ดี มันทำไม่ได้ ถ้ารัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทยย่อท้อ ไม่ทำตามที่ได้หาเสียงไว้ โดยอ้างเหตุผลสวยหรูจากพวกท่านเหล่านั้น นายพุทธิพงษ์ จะออกมาชื่นชมหรือจะก่นด่า อันนี้ขอตั้งเป็นข้อสังเกต กับคนที่เห็นต่างรัฐบาลจะคิดจะตัดสินใจทำอะไรก็คงไม่ดีในสายตาของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว ส่วนเรื่องกู้มาแจก จะเป็นหนี้ สงสารลูกหลาน สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็เป็นแค่วาทกรรมของฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้ามก็เท่านั้น
การที่นายพุทธิพงษ์ ออกมาพิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอันนี้ถือเป็นสิทธิทำได้ ตัวผมเองก็ทำอยู่ และทำในฐานะส่วนตัว ถึงแม้จะมีหมวกอีกใบคือที่ปรึกษารองนายกฯก็ตาม แต่นายพุทธิพงษ์ เองก็สังกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องทำงานร่วมกัน ดูจะผิดมารยาทไปหน่อยอันนี้ผมขอติ ก็ฝากถึงท่านอนุทิน ดูแลลูกพรรคของท่านด้วย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันอีก 3 ปีกว่า บรรยากาศ การทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ควรรักษาไว้ และไม่ควรเสียไปเพราะใครเพียงไม่กี่คน
ยันไตรมาส4ได้เงินแน่นอน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ สถานการณ์ดิจิทัลวอลเล็ต เหมือนอยู่บนเส้นด้าย ย้อนไปที่เดิม ว่า ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดและมากที่สุดของประเทศ เป็นธรรมดาที่จะมีข้อห่วงใยจากภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟัง กระทรวงการคลังได้สรุปเงื่อนไขตามมติครม. รวมถึงการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยืนยันหนักแน่นชัดเจนตลอดมา ว่าไตรมาสที่ 4 ได้ใช้ดิจิทัลวอลเล็ตแน่นอน การวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิทธิที่สามารถทำได้แต่ต้องไม่มุ่งสร้างความสับสนหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อนโยบายของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง รัฐบาลได้แถลงย้ำถึงความชัดเจนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่ามาแน่นอน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นได้
”ดิจิทัลวอลเล็ตมาแน่ ตัวนโยบายไม่ได้แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่เมื่อทำสำเร็จ อนาคตทางการเมืองของคนที่ต่อต้านต่างหากที่อาจต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย“ นายอนุสรณ์ กล่าว
“จุรินทร์”สับยังวนในอ่าง
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทันไตรมาส 4 อย่างรัฐบาลประกาศหรือไม่ว่า ในฐานะคนที่ติดตามเรื่องนี้คนหนึ่งอย่างใกล้ชิด ตนคิดว่าสถานการณ์ณวันนี้ มันย้อนกลับไปที่เดิม คือย้อนกลับไปในจุดที่เหมือนที่ประกาศว่าจะออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งสุดท้ายก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามนั้น เที่ยวนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ยังคลุมเครือ แม้ว่าจะมีมติครม.ออกมาก็ตาม แต่มติครม.ดังกล่าวเป็นมติที่เห็นชอบในหลักการ ซึ่งไม่มีอะไรใหม่ เพราะการแถลงนโยบายรัฐบาลก็พูดอยู่แล้ว ดังนั้นครม.ก็ต้องเห็นชอบตามนโยบาย แต่รายละเอียดที่จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตรงนั้นคือหัวใจสำคัญ ซึ่งจนถึงขณะนี้กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องโดยตรงก็ยังทำไม่เสร็จ ยังจะมีการนัดประชุมในรายละเอียดอีกว่าแหล่งเงิน วิธีการ และรายละเอียดอื่นๆจะทำอย่างไร ซึ่งแค่หลักการครม.ที่อยู่ด้วยกัน ให้เกียรติกันก็ต้องเห็นชอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ในเรื่องของรายละเอียดจะต้องติดตาม
“ผมเรียนว่ายังคลุมเครือ เพราะผู้ที่มีความรู้ เชี่ยวชาญตัวจริงทางด้านการเงิน การคลัง และด้านกฎหมายของประเทศมีไม่น้อยที่เดียวที่ออกมาให้ความเห็นว่ามีหมิ่นเหม่ในเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งตรงนี้ถ้ารัฐบาลจะทำให้เกิดความชัดเจนกว่านี้ก็ทำได้ โดยส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาให้วินิจฉัยก็จบไป แต่ผมไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมต้องยื้อเวลาในการที่จะส่งกฤษฎีกาไปอีก ฉะนั้นเรื่องนี้จึงเหมือนกับเดินไปบนเส้นดาย เพราะความชัดเจนเรื่องข้อกฎหมายยังถกเถียงกันอยู่และคนที่มาเถียงกฎหมายก็ไม่ใช่ว่าคนไม่รู้เรื่อง ซึ่งเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งการเงิน การคลัง และกฎหมายที่ออกมาท้วงติง ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องรับฟังและทำความจริงให้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะคลุมเครืออยู่อย่างนี้ ประชาชนก็รอความหวัง ด้วยความหวังในลักษณะที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะจริงหรือไม่จริง เพราะไม่ได้แปลว่าเมื่อครม.มีมติแล้วจะเป็นไปตามนั้น”นายจุรินทร์ กล่าว
แนะทำให้ถูกกฎหมาย
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ที่ตนพูดต้องการให้รัฐบาลทำ แต่ตนไม่วิเคราะห์ว่าดีหรือเสียอย่างไร แต่เป็นหน้าที่พรรคการเมืองที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อหาเสียงและได้คะแนนเสียงจากประชาชนมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบจากเสียงที่ได้มา ต้องทำ แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่คุ้มค่าแค่พรรคการเมือง
จุลพันธ์พร้อมแจงบอร์ดธกส.
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เมื่อวันที่ 26 เม.ย. คงยังไม่ได้มีการหารือลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการให้ ธ.ก.ส. ร่วมในการดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต โดยเบื้องต้นอาจจะมีการแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าจะมีการดำเนินการเรื่องนี้ หากมีข้อสงสัยอะไร ก็พร้อมจะชี้แจงทำความเข้าใจทั้งหมด
ทั้งนี้ กรณีที่มีการแสดงความเป็นห่วงเรื่องสภาพคล่องของ ธ.ก.ส. นั้น ยืนยันว่าสภาพคล่องของ ธ.ก.ส. มีเพียงพอ และอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลในฐานะคนปฏิบัติ เราอยู่ด้านใน รู้ความพร้อมและข้อกฎหมายทั้งหมด ส่วนกรณีคนที่คัดค้านก็ต้องหามุมมาพูด มาบอกว่าทำไมจึงไม่ควรเดินหน้าโครงการอยู่แล้ว ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ด้วยความเป็นรัฐบาลมีความรับผิดชอบต่อประชาชนเพราะผ่านการเลือกตั้ง ผ่านการแถลงนโยบายต่อสภา ดังนั้นนโยบายนี้ก็ต้องเดินหน้า ส่วนประเด็นเรื่องความห่วงใย หรือข้อคิดเห็นทั้งหมดนั้นรัฐบาลพร้อมรับฟังและรับไว้ โดยสิ่งใดที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งการให้รับความเห็นและนำไปพิจารณา ก็ต้องไปดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรที่พอจะปรับเปลี่ยน หรือหากลไกมาป้องกันตามข้อห่วงใยได้ ก็พร้อมจะทำ
เร่งระบบการใช้งาน
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คาดว่าในช่วงต้นสัปดาห์หน้าคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน จะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ทั้งในส่วนของร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ แหล่งเงินและระบบที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ ตลอดจนแนวทางป้องกันการทุจริตต่าง ๆ ว่าเป็นอย่างไร ว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการดำเนินการผ่านธ.ก.ส. วงเงิน 1.72 แสนล้านบาท ด้วยมาตรา 28 นั้น ไม่ใช่รัฐบาลกู้เงินจาก ธ.ก.ส. อย่างแน่นอน แต่เป็นเงินทดลองจ่ายไปก่อน แล้วรัฐบาลจะตั้งงบมาชำระคืน ดังนั้นกติกาการใช้จ่ายของประชาชนและเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการก็จะเหมือนกันทั้งหมด อีกทั้งยืนยันว่าโครงการดังกล่าวไม่ขัดต่อ พ.ร.บ. เงินตรา อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลมีแหล่งเงินชัดเจนและมีเม็ดเงินครบทั้ง 5 แสนล้านบาทในการรองรับการดำเนินการอยู่แล้ว
เกลี่ยงบประจำมาเติม
ส่วนเม็ดเงินของโครงการที่จะใช้จากงบประมาณปี 2567 จำนวน 1.75 แสนล้านบาทนั้น สำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างการพิจารณาดูว่า มีโครงการใดของหน่วยงานใดบ้างที่อาจจะดำเนินการใช้ไม่ทัน ผูกพันไม่ทัน ก็จะดึงกลับมา ขณะเดียวกันก็ยังมีงบกลางปี 2567 อีกราว 9 หมื่นล้านบาท โดยต้องยอมรับว่างบประมาณปี 2567 ไม่ปกติ เริ่มบังคับใช้ล่าช้า และทำให้เหลือเวลาใช้อีกราว 5 เดือนเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ก็ต้องไปเกลี่ยดู โดยคาดว่าราว 1- 1 เดือนครึ่งก็น่าจะเริ่มเห็นความชัดเจน และหลังจากนั้นก็จะมีการออก พ.ร.บ. โอนงบประมาณในส่วนนี้มาเพื่อรองรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต
ชี้ครม.แค่ไฟเหลือง
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า แจกเงินดิจิทัล 10,000 แก่คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปที่รายได้น้อยกว่า 840,000 หรือเงินเก็บไม่เกิน 500,000 บาท ยังมีคำถามมากมาย ทำไมต้องแจกแบบไม่แยกแยะยากดีมีจน ทำไมไม่แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือ ที่จะทำให้ใช้เงินลดลงจาก 500,000 ล้านมาเป็นเพียง 150,000 เท่านั้นมีเงินแล้วแจกพอรับได้ แต่ไม่มีเงินแล้วไปกู้มาแจกมันเหมาะสมแล้วหรือ มันเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนตกเขียวหาเสียงหรือเปล่า
ทั้งนี้เห็นว่าเงื่อนไขการใช้เงินก็ลำบากทั้งร้านค้าและคนซื้อคนไม่เดือดร้อน ได้รับไป เขาก็เอาไปใช้แทนเงินของเขาที่มีอยู่ แล้วเก็บเงินของเขาไว้ หรือเอาไปใช้ในเรื่องที่โครงการนี้ห้ามแบบนี้มันจะสะพัดเพิ่มได้สักเท่าไหร่ คงไม่ถึง 1%คนอาศัยอยู่นอกภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน (มีมากกว่า 6 ล้านคน) จะต้องใช้เงินเดินทางกลับภูมิลำเนา ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายคนคุก คนทำงานต่างประเทศ พระสงฆ์ ได้ด้วยไหม แล้วถ้าเขามีสิทธิ์จะได้ เมื่อได้ไปแล้ว ใช้จ่ายไม่ได้ เงินจะไปไหนยังมีคำถามมากมายที่ยังตอบไม่ได้ หรือตอบไม่ชัด หรือตอบแล้ว หลายฝ่ายไม่ยอมรับ ก็ยังจะทำให้ได้ มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่
เสียงทักท้วงจากผู้รู้มีมากมาย เป็นเหตุเป็นผล เข้าใจได้ง่ายว่าได้ไม่คุ้มเสีย เสี่ยงทำผิดกฎหมาย ทำไมจึงไม่ฟัง จะดันทุรังทำไมพรรคร่วมใน ครม. เห็นชอบหลักการ แต่ก็มีข้อแม้ว่าจะต้องถามกฤษฎีกาว่าตามกฎหมายแล้วทำได้หรือไม่ ดังนั้นตอนนี้แค่ไฟเหลือง ยังไม่ใช่ไฟเขียวนะคะ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี