ฝนโปรย!‘ครม.’ย้ายถ่ายภาพหมู่ในตึกสันติไมตรีแทน ‘เศรษฐา’เตรียมแบ่งงานรองนายกฯ-รมต.วันนี้ กาง KPI ใหม่ ไม่ยึดกรอบ 6-7 เดือนปรับครม. เน้นเนื้องานเป็นหลัก น้อมรับเสียงสะท้อน หลังผลโพลให้คะแนนรัฐบาลน้อย
7 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการนัดหมาย ครม. ภาพหมู่ทั้งคณะ หน้าตึกไทยคู่ฟ้า เวลา 09.30 น. โดยในเวลา 08.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มาตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณจุดถ่ายภาพ แต่เนื่องจากมีฝนตกลง ทำให้มีการเปลี่ยนสถานที่ถ่ายภาพหมู่ไปใช้ในตึกสันติไมตรีแทน
นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม ครม.วันเดียวกันจะมีการแบ่งงานรองนายกฯ และรัฐมนตรีใหม่ รวมถึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเพิ่มเติมได้มีการแบ่งงานภายในกระทรวงด้วย โดยจะแบ่งตามความเหมาะสม ความสามารถ และจะเน้นย้ำไปยังรัฐมนตรีเดิมว่าใครที่มีงานค้างเกี่ยวกับงานดูแลประชาชนก็ต้องดำเนินการต่อ
เมื่อถามย้ำว่า จะเน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ตนเน้นย้ำทุกเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ จะทำให้การทำงานขับเคลื่อนไปได้ดีหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบกลับมา ว่า นั่นคือจุดหมายหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่าอันเก่าขับเคลื่อนไม่ได้ ตนเคยเรียนไว้ว่าช่วงเวลา 8-9 เดือนที่ผ่านมามีความต้องการในภาคส่วนต่างๆ ที่ต่างกัน อย่างในรัฐสภามีการเสริมแกร่งให้ฝ่ายนิติบัญญัติ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นใน ครม.ชุดใหม่นี้อย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ความเชื่อมั่นมากับผลงาน การพูดถือเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความคาดหวัง แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงาน จึงอยากขอความยุติธรรมด้วยว่ามีหลายนโยบายที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป เช่น เรื่องการลงทุน เรื่องปากท้องประชาชน เรื่องสิทธิเสรีภาพ การเลือกเพศสภาพ เหล่านี้ที่เราได้เริ่มต้นทำไปแล้ว
เมื่อถามว่า จะมีการกำหนด KPI รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ ว่าต้องเห็นผลงานภายในกี่เดือน นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยกันว่าบางเรื่องต้องเสร็จเมื่อไหร่ และบางเรื่องเราพูดถึงสิ่งที่อยากเห็นได้ แต่พอถึงเวลาก็มีตัวแปรอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่ง KPI เหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนได้
เมื่อถามย้ำว่า มาตรฐานเดิมยังวางไว้ที่ 6-7 เดือนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยว มันแล้วแต่ความ ถ้าความบางอย่างต้องจบใน 2 สัปดาห์ ก็ต้องจบใน 2 สัปดาห์ บางเรื่อง 2-3 ปีก็มี มันมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการอยู่ เพราะแต่ละเรื่องต้องใช้เวลาต่างกัน เช่น การลงทุนที่ต้องประสานงานกับทุกฝ่าย ต้องเห็นใจฝ่ายที่มาลงทุนด้วย หากเขาต้องใช้เวลานานก็ต้องนาน เนื่องจากการลงทุนเป็นแสนล้าน เราต้องให้ความเป็นธรรมกับคณะทำงานด้วย ตนมั่นใจ ครม.ชุดใหม่ให้ความสำคัญกับปัญหาประชาชน
เมื่อถามว่า 6-7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลมีจุดอ่อนและต้องเติมเต็มตรงไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหามันเยอะเหลือเกิน สะสมมาเยอะ ทุกๆ ด้าน เศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ยังมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่อีก
เมื่อถามถึงกรณีมีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อผลงานรัฐบาลในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ยังให้คะแนนเพียง 6-7 คะแนน เมื่อปรับ ครม.แล้ว จะขับเคลื่อนการทำงานให้ได้รับคะแนนความนิยมมากกว่านี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการให้คะแนนถือเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่ง การมาอยู่ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่จะต้องฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน จะได้กี่ 6 7 5 4 หรือ 9 คะแนน ก็ยังไม่เต็มสิบอยู่ดี ดังนั้น การพยายามทำงานต่อไปถือเป็นเรื่องสำคัญ และต้องมานั่งดูว่าส่วนไหนที่ยังทำไม่ได้ดี ตรงไหนที่ทำมาแล้ว แต่ระบบยังไม่สามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคณะทำงานด้วยเหมือนกัน แต่ถือว่าเข้าใจได้
เมื่อถามว่า ระบบราชการในปัจจุบัน มีการปรับเปลี่ยนและสอดรับกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่มีปัญหา ข้าราชการเป็นภาคส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนนโยบาย และได้พูดคุยโดยเอาเนื้องานเป็นหลัก เชื่อว่าทุกกระทรวง ทบวง กรม มีส่วนในการผลักดันนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าปัญหาที่มีมันใหญ่เหลือเกิน เพราะเมื่อปัญหามันใหญ่มากๆ ต้องใช้ทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี