‘เศรษฐา’ยกหูกล่อม/ให้เวลาคิด1คืน
แตะเบรก‘กฤษฎา’ไขก๊อก
สาเหตุแบ่งงานในกระทรวง
เจ้าตัวหัวเราะ‘ขอคิดดูก่อน’
‘สุพัฒนพงษ์’ลาออกรทสช.
อ้างไปประกอบธุรกิจส่วนตัว
“กฤษฎา จีนะวิจารณะ” รมช.คลัง ไขก๊อกพ้น “รมช.คลัง” โควตารทสช.ไม่พอใจการแบ่งงาน ด้าน“สุพัฒนพงษ์”ยื่นพ้นสมาชิกพรรค รทสช.ขณะที่สมาคมเศรษฐศาสตร์ฯเคลื่อนไหวแล้ว ล่าชื่อเตรียมออกแถลงการณ์ปม “ความขัดแย้งระหว่างธปท.กับฝ่ายการเมือง’เหตุสังคมยังเข้าใจค่อนข้างน้อยเรื่องความจำเป็นที่ธนาคารกลางต้องเป็นอิสระ‘ภูมิธรรม’จ่อเดินสายพบ‘ผบ.เหล่าทัพ’ยึดหลักไม่เป็นเจ้านายสั่งการ แต่พร้อมจะรับฟัง-ตัดสินใจร่วมรับผิดชอบ บอกไม่ไดร์ฟกอล์ฟ เหตุเอ็นเปื่อยยุ่ย
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 รายงานข่าวจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลัง กับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีกระแสข่าวว่า น้อยใจหลังจากได้กำกับดูแลส่วนราชการเพียงหน่วยงานเดียว คือ คือ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพียงเท่านั้น ส่วนรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐในกำกับของกระทรวงการคลัง ที่นายกฤษฎา ดูแล ได้แก่ การยาสูบแห่งประเทศไทย สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)และสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ.พร้อมมีรายงานว่า เป็นการลาออกภายหลังการแบ่งงานในกำกับดูแลในสัดส่วนของรัฐมนตรีช่วย ที่ไม่ได้รับผิดชอบหน่วยงานหลักและได้เป็นรัฐมนตรีช่วยลำดับสุดท้าย ลำดับที่ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8พฤษภาคม นายกฤษฎา ได้ให้คนขับรถนำรถประจำตำแหน่ง มาคืนที่กระทรวงการคลัง โดยที่ตัวนายกฤษฎา ไม่ได้เข้ามาทำงานที่กระทรวงการคลัง
นายกฯเบรก’กฤษฎา’ลาออกรมช.คลัง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้โทรศัพท์หานายกฤษดา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ที่ได้ยื่นหนังสือลาออก โดยขอเบรกใบลาออกไว้ก่อน ซึ่ง นายกฤษฎาหัวเราะพร้อมระบุว่า ขอคิดดูก่อนครับ ตอนนี้ถือว่า เป็นการเบรกการลาออกของ นายกฤษดา ไว้ก่อน โดยให้เวลากลับไปคิด 1คืน สำหรับเหตุผลในการลาออกเบื้องต้น ตนคิดว่าคงเป็นเรื่องการแบ่งงาน ส่วนจะเข้าไปแบ่งงานใหม่หรือไม่นั้น ตนก็ต้องให้เกียรติรัฐมนตรี แต่ก็มีงานเพิ่มอีกมาก เพราะงานบางอย่างไม่ได้ระบุไว้ทั้งหมดและตนเชื่อว่ารัฐมนตรีเหลือขอบเขตการแบ่งงานไว้สำหรับรัฐมนตรีช่วยฯ ซึ่งก็เป็นอดีตปลัด จึงคิดว่าน่าจะผลักดันนโยบายต่างๆ ได้ดี
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเคยบอกว่าจะต้องมีการคุยภายในหลังมีการปรับ ครม. เพราะอาจมีบางคนแอบน้อยใจอยู่แต่ไม่ออกอาการนั้น นายเศรษฐา เผยว่า อย่างที่บอก มีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีการตัดสินใจออกไป โดยต้องยึดโยงกับงานและที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกันตลอด พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน รัฐมนตรีที่มีการลาออกไปก่อนหน้านี้ก็มีการแต่งตั้งใหม่มาทดแทนแล้ว เมื่อถามว่าจะต้องมีการเคลียร์ใจกับนายกฤษฎาหรือไม่เพราะเหมือนเป็นการลดลงไปเป็นรัฐมนตรีช่วยอันดับ 3 นายเศรษฐา ระบุว่า ตนได้โทรไปหาเรียบร้อยแล้ว จึงจะขอรอคำตอบในวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็หวังว่าผลการเบรคจะสำเร็จ เพราะตนกับนายกฤษฎา รู้จักกันมานาน
‘สุพัฒนพงษ์’ไขก๊อกสมาชิก’รทสช.’
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ ถึงข่าวนายกฤษฎา ออกจาก รมช.คลัง ว่า ทางพรรคยังไม่ได้ทราบถึงเรื่องดังกล่าวและไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการอะไรดังนั้น จึงยังถือว่า เป็นข่าวลือ แต่ที่ชัดเจนและเป็นทางการคือวันเดียวกันนี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว โดยต้องการเปิดทางให้บุคลากรท่านอื่นเข้ามาทำหน้าที่แทน เนื่องจากท่านจะไปประกอบธุรกิจ
‘พีระพันธ์’ยันยังเป็นโควตา’รทสช.’
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะและการลาออกจากพรรค รทสช.ของ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ว่า ก็คงเป็นกระแสข่าว ตนพึ่งประชุมเสร็จเดี๋ยวนี้เอง ยังไม่ได้เห็น ไม่ได้มีการมาปรึกษาใดๆ ส่วนถ้าหากมีการลาออกจริง ก็หาคนอื่นแทนแค่นั้น แต่ยังเป็นโควตาพรรค รทสช.อยู่
เมื่อถามว่า จะมีการยับยั้งการลาออกของนายกฎษฎาไว้ก่อนหรือไม่ นายพีระพันธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่อง เพิ่งประชุมเสร็จ ออกมาก็โดนสัมภาษณ์ตรงนี้เลย เมื่อถามว่า เมื่อทราบข่าวแล้วตกใจหรือไม่ นายพีระพันธ์กล่าวว่า ไม่ตกใจ เพราะทางการเมืองก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อถามถึง กรณีข่าวการลาออกจากพรรครทสช.ของ นายสุพัฒนพงษ์ อีกด้วย นายพีระพันธ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบเหมือนกัน แต่ละคนก็มีภารกิจส่วนตัวเขา เราจะไปยุ่งเขาได้อย่างไร ใครจะอยู่ใครจะไปใครจะทำอะไรแต่ละคนก็ตัดสินใจของเขาเอง เมื่อถามว่า จะทำให้เกิดปัญหาระหว่างพรรคร่วมกับการทำงานรัฐบาลหรือไม่ นายพีระพันธ์กล่าวว่า ไม่มี เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก เมื่อถามว่า ในพรรครทสช.มีคนลาออกถึงสองคนแบบนี้จะมีปัญหาคลื่นใต้น้ำหรือไม่ นายพีระพันธ์กล่าวว่าไม่ทราบ ตนทำงานมาก็ไม่เคยมีปัญหา
ส.เศรษฐศาสตร์จ่อหย่าศึกธปท.-รบ.
ด้าน ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยTDRI ในฐานะนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยและนายวิศาล บุปผเวส เลขาธิการสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย รวบรวมรายชื่อเตรียมออกแถลงการณ์เรื่อง ความขัดแย้งระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับ ฝ่ายการเมือง ดังนี้ แถลงการณ์เรื่องความขัดแย้งระหว่าง ธปท.กับ ฝ่ายการเมือง ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีการตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะจากฝ่ายการเมือง ว่าเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหรือไม่ จนนำไปสู่วิวาทะระหว่างฝ่ายที่ต้องการปกป้องความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย กับฝ่ายที่สนับสนุนความเห็นของภาคการเมือง เนื่องจากวิวาทะเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งต่อการดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน
ยก2เหตุผลธปท.ต้องเป็นอิสระแท้จริง
คณะผู้แถลงการณ์จึงขอแสดงความเห็น ดังนี้ 1.ความเป็นอิสระของธนาคารกลางมีความจำเป็นด้วยเหตุผลอย่างน้อย 2เหตุผล 1.ธนาคารกลางควรมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมืองในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้การดำเนินนโยบายการเงินเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองระยะสั้น ที่อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพด้านราคา เสถียรภาพของระบบการเงิน และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน หากอำนาจกำหนดปริมาณเงิน หรืออัตราดอกเบี้ยอยู่ในมือรัฐบาลผู้ใช้เงินก็จะเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะรัฐบาลมีแรงจูงใจที่จะให้ต้นทุนการใช้เงินหรืออัตราดอกเบี้ยต่ำลง 2.การดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ (inflation targeting) จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อสาธารณชน ตลาดการเงิน ตลาดทุน ตลาดเงินตราระหว่างประเทศ มีความเชื่อใจธนาคารกลางว่าจะแน่วแน่ในการรักษาเสถียรภาพสามประการที่กล่าวถึงก่อนหน้า จนทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อ (inflation expectation) อยู่ในกรอบเป้าหมายจริง ซึ่งจะส่งผลให้พฤติกรรมการใช้จ่าย การลงทุน ปริมาณและการหมุนเวียนของเงิน การสร้างสินทรัพย์ทางการเงิน เป็นไปในทิศทางที่เอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพจริง ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว หากความเชื่อมั่นดังกล่าวถูกทำลายไป หน่วยเศรษฐกิจก็จะมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไป จนอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ฟองสบู่ อันจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในที่สุด ดังตัวอย่างประเทศตุรกีในปัจจุบัน
เชิญชวนลงชื่อ-ร่วมเวทีแสดงความคิดเห็น
แถลงการณ์เชิญชวนลงชื่อระบุว่าเรียนเพื่อนนักเศรษฐศาสตร์ทุกท่าน สิ่งที่ส่งมาด้วย แถลงการณ์เรื่องความขัดแย้งระหว่างธปท.กับฝ่ายการเมืองและใบร่วมลงนาม ตามที่มีความขัดแย้งระหว่างธปท. และฝ่ายการเมืองเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ผมและเพื่อนนักเศรษฐศาสตร์บางคนมีความเป็นห่วงกังวลมาก และต้องการระดมสมองหาทางออกให้สังคม จึงตกลงร่วมกันดำเนินการ2เรื่อง คือ 1.ออกแถลงการณ์ขอให้“ผู้รับผิดชอบนโยบายการเงินและนโยบายการคลังร่วมมือกันในการรักษาเสถียรภาพในด้านที่ตัวเองรับผิดชอบ และทำการประสานเชิงนโยบายอย่างเหมาะสม ผ่านการพูดคุยถกเถียงที่ตั้งอยู่บนฐานวิชาการ และมีข้อมูลสนับสนุน พร้อมกับการรักษาระดับความอิสระของธนาคารกลางอย่างที่ควรเป็น” ถ้าท่านเห็นด้วยกับแถลงการณ์นี้ กรุณาลงนามร่วมกันครับ
2.เพื่อนนักเศรษฐศาสตร์ที่เป็นกรรมการสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยและผมในฐานะนายกสมาคมฯ ตกลงจะจัดการเสวนาหาทางออกด้านการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลาง/ระยะยาว เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคง และยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทย โดยการระดมความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ทุกรุ่น ในเร็วๆนี้ เบื้องต้นกำหนดจัดการเสวนาในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00-17.00น.ที่ศูนย์เรียนรู้ ธปท.สมาคมฯจะconfirm วันเวลาที่แน่นอนภายในสัปดาห์นี้และจะรีบประกาศให้ทราบเพื่อให้นักเศรษฐศาสตร์ทุกรุ่นมีโอกาสร่วมแสดงความเห็นเพื่อหาทางออกให้ประเทศ จึงเรียนมาเพื่อขอความกรุณาลงนามในแถลงการณ์ (หากท่านเห็นด้วย) และกรุณาส่งใบร่วมลงนาม มายัง คุณนุชนารถ nuch@tdri.or.th โทร.081-442-0052 ภายในวันที่ 11พฤษภาคม2567
‘ภูมิธรรม’จ่อเดินสายพบผบ.เหล่าทัพ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีถูกมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานด้านความมั่นคง จะมอบนโยบายอย่างไร ว่า หลังจากนี้จะหาเวลาที่เหมาะสม และดูรายละเอียด พร้อมกับไปเยี่ยมเหล่าเหล่าทัพ ซึ่งวันนี้ได้มีการเริ่มพูดคุยกับบางคนแล้ว ว่าจะต้องดำเนินงานอย่างไร การดำเนินงานจะต้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ตนในฐานะรองนายกฯก็จะรับฟัง ประสานงาน พร้อมตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ เชื่อว่าตนเองที่ได้บริหารกระทรวง และหน่วยงานต่างๆที่ผ่านมา ก็อยู่บนพื้นฐานรับฟังความคิดเห็น รวมถึงฟังฝ่ายปฏิบัติและนำนโยบายที่มีใบกำกับ ยืนยันไม่หลีกหนีเมื่อตัดสินใจแล้วก็รับผิดชอบ ซึ่งตนบริหารงานเช่นนี้โดยไม่มีปัญหากับกระทรวงใดๆ เนื่องจากมีการรับฟังทุกฝ่าย
ไม่เป็นเจ้านายสั่งการแต่พร้อมรับฟัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าหารือหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ตนอาจเดินทางไปพบเอง แต่ขอเวลาเคลียร์รายละเอียดต่างๆก่อน เมื่อถามว่า จำเป็นต้องไปไดร์ฟกอล์ฟ ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า“เดี๋ยวนี้ไม่ตีแล้ว เพราะแขนเอ็นขาด ตั้งแต่เอ็นขาดก็แขวนมา 6 เดือน รักษาตัวมาจนนิ่ง แต่ยังไม่กล้าขยับ เพราะเอ็นมันยุ่ยแล้ว เดี๋ยวกลัวเป็นปัญหาอีกจะลำบาก ปัญหาตามมา เดี๋ยวจะหาว่าผมดราม่าอีก”เมื่อถามว่า จะสามารถดูแลงานเหล่าทัพได้ดีหรือไม่ เพราะจะมีการเสนอจัดซื้อยุทโธปกรณ์ รวมถึงการแต่งตั้งต่างๆ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่างที่บอก ไม่ได้คิดจะมาเป็นเจ้าเป็นนาย มาสั่งการ แต่คิดว่าหารือช่วยกันแก้ปัญหาประเทศชาติ เพราะฉะนั้น ปัญหาทุกอย่างที่ทำไป ก็มาดูว่ายังดีหรือไม่ ปัจจุบันใช่หรือไม่ มีใครวิจารณ์เหล่าทัพอย่างไร ตนเชื่อว่า ผบ.เหล่าทัพ รู้ดี เข้าใจดีมากที่สุด
ยังไม่ยุ่งแก้กม.ป้องกันรัฐประหาร
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการผลักดันแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เพื่อสกัดการรัฐประหาร นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ อย่าเพิ่งคิดไกลไปหลายๆ เรื่องเลย เพราะตนยังไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียด จึงขอดูรายละเอียด และปรึกษาหารือกับ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมก่อน เมื่อถามว่านายกฯ ได้มอบหมายให้ดูแลงานตำรวจด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไร นายกฯ ยังคงนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการข้าราชการราชการตำรวจ (ก.ตร.) และยังไม่ได้มอบอะไร
‘สุทิน’พลิกกห.จากใช้เงินเป็น’หาเงิน’
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวขณะเดินทางเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมงาน Defence Service Asia 2024 (DSA) ระหว่างวันที่ 5-7พฤษภาคม 2567 ว่า บทบาทของกระทรวงกลาโหมขณะนี้จำเป็นต้องปรับตัว จากเดิมที่เคยเป็นผู้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินในภารกิจของกองทัพ และความมั่นคงนั้น มาเป็นการหารายได้เข้าประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจตลอดจนเกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในชาติ ผ่านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ตนไม่แน่ใจว่ารัฐให้ความสำคัญมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้ายุครัฐบาลที่มีรัฐมนตรีกลาโหมชื่อสุทิน จะต้องทำเรื่องนี้ให้เต็มที่ และถ้าทำได้ดี การส่งออกอุตสาหกรรมประเภทนี้ จะนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ อาจจะมากกว่าการส่งออกด้านเกษตรกรรม หรืออื่นๆด้วยซ้ำไป”
‘พิชิต’ปรับเป็นศูนย์’ทำเนียบช่วยได้’
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบาย หลังเข้ารับตำแหน่งที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันบริบทสังคมเปลี่ยนแปลงไป มีภาคเอกชนและหลายหน่วยงานที่ร่วมกันตรวจสอบและรับเรื่องราวร้องทุกข์ และหลายหน่วยงานกำลังทำการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เข้ามากำกับ แต่เข้ามาเสมือนเป็นเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่ตนพูดต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องตำหนิ ขอขีดเส้นใต้ 100ครั้งว่าไม่ใช่การตำหนิ ท่านทำดีอยู่แล้ว แต่เราจะมาทำให้ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาลเป็น “ทำเนียบช่วยได้”ตนจะเป็นมือไม้ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพราะปัญหาของประชาชนมีมาก ดังนั้นเราจะทำให้ศูนย์นี้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน อยากให้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่พึ่งพาได้ ส่วนภาคเอกชนที่มีการรับเรื่องราวมาตรวจสอบก็ให้เขาทำไป
รับร้องทุกเรื่อง-ต้มตุ๋นพนันออนไลน์
นายพิชิต กล่าวอีกว่า วัตถุประสงค์ของตนนอกจากจะเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์แล้ว ยังจะเป็นศูนย์รับข้อมูลการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทุกประเภทที่พัฒนาขึ้น ทั้งเว็บพนันออนไลน์และสื่อโซเชียลต่างๆที่หลอกลวงด้วย ตนมีจิตใจมุ่งมั่นทำงาน แต่จะทำอย่างไรภายใน 30วัน ให้สื่อมวลชนและประชาชนได้เห็นเป็นรูปธรรม โดยจะมีขั้นตอน ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ จะตั้งโฆษกของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อสื่อสารกับสื่อมวลชนและประชาชนว่า เราได้รับเรื่อง ร้องทุกข์อะไรไป ถึงแม้จะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด100% ในวันนี้เดือนนี้ ปีนี้ แต่ต้องรู้ว่าปลายทางติดขัดอะไรและจะนำปัญหาที่ติดขัดเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประสานสั่งการไปยังทุกหน่วยงานของภาครัฐ ตนขอเป็นบุรุษไปรษณีย์ ที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วง เพื่อให้เกิดความสุขของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี