ยันช่วยชีวิต‘บุ้ง ทะลุวัง’เต็มที่
กรมคุกโต้ทนาย
ยึดตามมาตรฐานวิชาชีพชั้นสูง
‘พิธา’โต้ก.ก.ไม่ได้ฉวยโอกาส
อย่าโยงอดอาหารกับแก้ม.112
กรมราชทัณฑ์โต้“ทนายด่าง”ยันช่วยชีวิต“บุ้ง ทะลุวัง”ตามมาตรฐานวิชาชีพชั้นสูง โยนถามผลชันสูตรศพ จากรพ.ธรรมศาสตร์ฯ พร้อมมอบประวัติการรักษาให้ครอบครัว ด้าน “พิธา” ปัดก้าวไกลฉวยโอกาสโหน“บุ้ง” ปัดอดอาหารกับแก้ม.112 คนละเรื่อง อย่านำมาโยงกันฝาก 5 ข้อถอนฟืนจากไฟการเมืองดักคอพรรคจ้องดูดสส. ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้เรื่อง ยัน‘ก้าวไกล’มีเจตนาดีแก้ม.112 หวังสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างปชช.กับสถาบันฯไม่ได้ล้มล้างการปกครอง
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม กรมราชทัณฑ์เผยแพร่เอกสารข่าว “ราชทัณฑ์ขอยืนยันบุคลากรทางการแพทย์ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ให้การรักษาและช่วยชีวิต บุ้ง ตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเต็มที่เต็มกำลัง”มีสาระสำคัญว่า ตามที่นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือ ทนายด่าง ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนกล่าวพาดพิงถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทำการรักษาและการช่วยชีวิตนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง อย่างผิดวิธีจึงอาจเป็นสาเหตุทำให้ น.ส.เนติพรฯ เสียชีวิตนั้น
ราชทัณฑ์โต้ทนายด่างยันช่วยบุ้งเต็มที่
จากกรณีดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ชี้แจงกระบวนการรักษา และการช่วยชีวิตนางสาวเนติพรเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมว่าทีมบุคลากรทางการแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ช่วยชีวิตนางสาวเนติพรฯ ในภาวะวิกฤตตามมาตรฐานการรักษาพยาบาล โดยมีแพทย์ดำเนินการใส่ท่อช่วยหายใจ ได้นวดหัวใจพร้อมให้ยากระตุ้นหัวใจ ยากระตุ้นความดันโลหิตตามมาตรฐานการช่วยชีวิตขั้นสูง และทีมบุคลากรทางการแพทย์ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงเวลา จนส่งตัวผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
พร้อมส่งข้อมูลรักษาให้พ่อแม่
กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยังคงให้การดูแลรักษาผู้ต้องขังทุกรายตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการช่วยชีวิตผู้ป่วย ล้วนแล้วแต่ได้มาตรฐานถูกต้องทุกประการ ตลอดจนกระบวนการการรักษาที่เป็นไปตามหลักวิชาชีพ ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ขอให้ติดตามข้อมูลทางการแพทย์ และผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมเกียรติ เพื่อเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ต่อไป สำหรับประวัติการรักษาพยาบาลของนางสาวเนติพร ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้เตรียมพร้อมให้ญาติหรือทนายความที่ได้รับมอบอำนาจมารับเอกสารในวันเปิดทำการ
พิธารอฟังข้อมูลจากหมอรักษาบุ้ง
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีทนายความของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากมีการใส่ท่อช่วยหายใจผิดว่า อยากให้รอฟังความชัดเจนจากแพทย์ผู้ให้การรักษา ซึ่งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม บอกว่าวันจันทร์นี้ (20 พฤษภาคม) จะให้ข้อมูลกับครอบครัวในเรื่องนี้ ขอให้สังคมตั้งสติและรอฟังข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์
อย่าโยงอดอาหารกับแก้ม.112
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเสียชีวิตของน.ส.เนติพร ที่ถูกนำไปโยงกับคดีมาตรา 112 นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกกัน เพราะการแก้มาตรา 112 กับการปฏิรูปสถาบันก็เป็นสิ่งที่ น.ส.เนติพร เรียกร้อง แต่การที่ต้องอดอาหารเวลานาน เป็นการเรียกร้องสิทธิการประกันตัว เพราะการถูกฝากขังยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงได้ตัดสินใจอดอาหารประท้วง
ถามต่อว่า น.ส.เนติพรเคยได้รับสิทธิ์การประกันตัวแล้ว แต่กระทำผิดซ้ำในคดีทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาล จึงถูกถอดสิทธิ์การประกันตัว นายพิธากล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนได้ เพราะน.ส.เนติพร เสียชีวิตไปแล้ว แต่ถ้าจะให้เดาเชื่อว่า น.ส.เนติพร ไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองเพียงคนเดียว แต่ต่อสู้เพื่อเพื่อนและเสรีชนที่มีความคิดแบบเดียวกันว่า ทุกคนเสมอภาคตามกฎหมาย และการขังคน 2-3 เดือน โดยที่เขาไม่มีความผิดเป็นเรื่องที่เขาติดใจและเรียกร้อง ไม่ใช่เพื่อตัวเองคนเดียว แต่เพื่อคนไทยทุกคน
โต้ก้าวไกลฉวยโอกาสโหน
เมื่อถามถึงเหตุผลที่สส.พรรคก้าวไกล ไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่น.ส.เนติพร ออกมาเรียกร้อง แต่กลับมาแสดงความเห็นช่วงที่เสียชีวิตไปแล้ว ถือเป็นการฉกฉวยหรือไม่ นายพิธากล่าวทันทีว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวของเยาวชนมีอิสระเป็นของตัวเอง ไม่ได้ยึดโยงพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่พรรคก้าวไกลเชื่อในหลักนิติรัฐนิติธรรม เชื่อในสิทธิ์การประกันตัว และสิทธิ์การเข้าถึงทนาย แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคก้าวไกลกับกลุ่มเยาวชนเห็นไปในทิศทางเดียวกันทุกเรื่อง
“หากฝั่งตรงข้ามถูกฝากขัง เราก็จะออกมาพูดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่การฉกฉวยผลประโยชน์ทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่มีเรื่องนั้นอยู่ในหัว เป็นการให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า” นายพิธา กล่าว
ชง5ข้อถอนฟืนออกจากกองไฟการเมือง
และว่า ส่วนตัวมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อคือ 1.ความโปร่งใสชัดเจนจากทางราชทัณฑ์ 2.กระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ อย่างอัยการและตำรวจ 3.รัฐบาลสามารถมอบนโยบาย ไม่เอาผิดผู้เห็นต่างทางการเมืองได้ 4.ประมุข 3 เสาหลังของประเทศ น่าจะพูดคุยกันเพื่อหาทางออกเรื่องนี้ 5.สุดท้ายการนิรโทษกรรม ต้องรีบผลักดันให้ออกมาเร็ว และไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ควรผลักอนาคตของชาติออกไป จนไม่มีพื้นที่เหลือและต้องเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ ตนหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเชื่อว่าหากต้นทางถึงปลายทาง เห็นตรงกัน เราจะหยิบถอนฟืนออกจากกองไฟทางการเมืองได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคก้าวไกลจะเข้าไปพูดคุยกับบุคคลที่ยังอดอาหารหรือไม่หลังสูญเสีย น.ส.เนติพร ไปแล้ว 1 คน นายพิธากล่าวว่า พยายามพูดคุยมาตลอด 3ปีที่ผ่านมาว่าไม่อยากให้เอาชีวิตไปเสี่ยง แต่ก็ไม่สามารถก้าวก่ายความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว และจิตใจของเขาได้ เพราะตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่หากมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยม ก็จะบอกว่าให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อนการต่อสู้ เพราะยังอีกยาวนาน แต่จะฟังหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะบางครั้งการเลือกทำแบบนี้ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเรียกร้อง
ส่วนอีกคนที่น่าเป็นห่วงคือ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์นั้น เท่าที่ทราบขณะนี้ถูกย้ายตัวมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ แล้ว ซึ่งอยากให้ทานตะวัน คิดถึงภาพรวม ซึ่งตนทราบดีว่าตอนนี้เสียใจกับการสูญเสีย แต่ชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทานตะวันไว้ด้วย
เตรียมใจพร้อมสู้ยุบพรรค
นายพิธา ยังกล่าวถึงกระแสยุบพรรคก้าวไกลว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ขยายเวลาการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายในต้นเดือนมิถุนายนก็พร้อมจะยื่น เตรียมเอกสารไว้แล้ว ในทางการต่อสู้ต้องแก้ข้อกล่าวหามาตรา 91 และมาตรา 92 ขณะเดียวกันต้องใช้หลักฐานจากภายนอก ซึ่งข้อกล่าวหาคำร้องคดีนี้แตกต่างจากคำร้องคดีล้มล้างการปกครองเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า ได้เตรียมใจตั้งแต่วันแรกตั้งแต่เป็นนักการเมืองที่จะรองรับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญหน้า แต่ว่าเราอย่าเอาเวลาไปกังวลให้มากจนเกินไปในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ต้องทำสิ่งที่อยู่ต่อหน้าปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวันนี้มี Policy Fest เดินทางไปเกาหลีใต้ และวันที่ 18 มิ.ย.นี้ มีอภิปรายกฎหมายประชามติที่จะได้อภิปรายด้วย รวมถึงกฎหมายงบประมาณยังคงทำหน้าที่ทุกวัน ยังไม่ถึงเวลาพูดถึงพรรคสำรอง ขอโฟกัสเรื่องงาน แม้จะมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลมั่นใจว่า สส.ในพรรคกว่า 150 คนจะคงไปสังกัดพรรคใหม่ ยืนยันว่า จะทำทุกอย่างให้ทุกคนได้ไปอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่คนที่รอดหรือไม่รอด โดยไม่ห่วงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยโดนดูดสส.อย่างตอนยุบพรรคอนาคตใหม่
ดักคอพรรคจ้องดูดสส.ไปต่อรอง
”ผมฟังแต่ยังไม่เชื่อ ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าพรรคไหนต้องการที่จะได้ไป เพื่อให้มีโควตา สส.เอาไว้ต่อรองใน ครม. หรืออาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น อย่าง 2-3 วันที่ผ่านมาก็รับฟังทุกเรื่อง ขณะเดียวกันเป็นการบ่อนเซาะทำลายความเชื่อมั่นของพรรคในช่วงที่แย่ ซึ่งก็ได้เตือนผ่านหัวหน้าพรรค และช่วยพูดกับคนในพรรคว่ายังคงฟังซึ่งกันและกัน จะไม่ล่าแม่มดหรือกล่าวหาว่าเป็นใครในพรรคหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นในพรรคหายไป และทำให้การ ดูดสส.ง่ายขึ้น ขอให้ทุกคนหนักแน่นกับพรรคก้าวไกล พรรคเข้มแข็งหนักแน่นในอุดมการณ์ และต้องถามตัวเองบ่อยๆว่ามาเป็นนักการเมืองและสส.พรรคก้าวไกลทำไม“ นายพิธา กล่าว
แก้ม.112ไม่มีเจตนาล้มการปกครอง
และว่า หากให้อธิบายเรื่องข้อกฎหมายต่อศาลว่าพรรคก้าวไกลไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครอง เพราะการล้มล้างคือการทำรัฐประหาร การร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศการแบ่งแยกแผ่นดินหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง โดยยืนยันว่า สิ่งที่พรรคทำมีเจตนาดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันในประเทศไทยผ่านนิติรัฐ นิติธรรม และความศรัทธา
นายพิธาย้ำว่า คดียุบพรรคไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ ไม่ว่าจะมีคำสั่งใดออกมายังเตรียมอภิปรายแก้ไขร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้นช่วงวันที่ 18 มิถุนายน โดยช่วงเย็นวันนี้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะขึ้นพูดถึงอนาคตการเมืองไทยและอนาคตของพรรคก้าวไกลด้วย
‘ไทยภักดี’แถลงการณ์สวน‘ก้าวไกล’
วันเดียวกัน พรรคไทยภักดี ออกแถลงการณ์คัดค้านข้อเสนอพรรคก้าวไกล ต่อรัฐบาลประเด็นผู้ต้องหา มาตรา 112 เหตุเป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีการเมืองอย่างที่พยายามบิดเบือนว่า จากแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ประเด็น “บุ้ง ทะลุวัง”ฉบับที่ 2 ที่เสนอแนวทาง 4 ข้อต่อรัฐบาล มีรายละเอียดดังนี้ 1.ข้อเสนอต่อการดำเนินการของตำรวจ ให้ชะลอดำเนินคดีทางการเมืองจนกว่าการจัดทำพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะชัดเจน 2.ข้อเสนอต่อองค์กรอัยการ ให้คณะรัฐมนตรีมีมติครม.เสนอไปยังอัยการสูงสุดให้พิจารณาสั่งไม่ฟ้องหรือถอนฟ้องตามมาตรา21 พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 ประกอบข้อ7 ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่ไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ พ.ศ.2554 3.ข้อเสนอต่อคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลยุติธรรม ให้นายกรัฐมนตรีปรึกษาหารือกับประธานศาลฎีกาถึงความเป็นไปได้ในการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกันตัว และเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองให้กับประชาชน การชะลอคดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง 4.การนิรโทษกรรมมีความจำเป็นเร่งด่วน
ค้านนิรโทษกรรมผู้ต้องหาม.112
“พรรคไทยภักดีขอคัดค้านข้อเสนอของพรรคก้าวไกลทั้ง 4 ข้อ เนื่องจากคดีความตามมาตรา112 เป็นความอาญาที่มีสาเหตุจากการละเมิด”องค์พระประมุขแห่งรัฐ” ละเมิดกฎหมาย”ความมั่นคงแห่งรัฐ” ไม่ใช่คดีทางการเมืองแบบที่พรรคก้าวไกลพยายามที่บิดเบือนแต่อย่างใด ยิ่งการนำผู้ต้องหาจากคดี มาตรา112 มาปะปนกับผู้ต้องหาจากคดีความทางการเมืองอื่น เพื่อที่จะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยิ่งเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายความมั่นคงแห่งรัฐ สร้างความขัดแย้งแตกแยกของประชาชนในชาติให้เพิ่มขึ้นไปอีก ไม่ใช่การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของชนในชาติ ไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน ตามที่พรรคก้าวไกลกล่าวอ้าง”แถลงการณ์พรรคไทยภักดี ระบุและยืนยันสนับสนุนการบังคับใช้บทบัญญัติตามกฎหมายมาตรา112 อย่างเด็ดขาดเข้มแข็ง เพื่อจัดการกับขบวนการที่มุ่งกร่อนเซาะบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ จัดการกับเสี้ยนหนามแผ่นดินที่สร้างความขัดแย้งแตกแยกในบ้านเมืองที่แท้จริง เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศ ดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เสาหลักการปกครองของประเทศ ให้มั่นคงแข็งแรงดำรงอยู่คู่ประเทศไทยสืบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี