นายกฯนั่งหัวโต๊ะระดมสมอง
ถกครม.ศก.นัดแรก
เร่งแก้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าคาด
‘ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ’ร่วมวงด้วย
บอร์ดการเงินเคาะเพิ่มงบ’67
1.22แสนล.โปะดิจิทัลวอลเล็ต
นายกฯนั่งหัวโต๊ะถกคกก.นโยบายการเงินการคลังของรัฐ เห็นชอบปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลางรอบใหม่ โดยจัดทำร่างพ.ร.บ.งบปี’67 เพิ่มอีก 1.22 แสนล้าน โดยมาจากการกู้ขาดดุลเพิ่ม 1.12 แสนล้านบาท และรัฐบาลมีรายได้เพิ่ม 1 หมื่นล้านบาทรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ชงครม.พิจารณา 28 พ.ค. นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องกระตุ้นศก.ระยะสั้น ขณะที่ 28-29 พ.ค.นายกฯบินโชว์วิสัยทัศน์ดูดนักลงทุนที่ฮ่องกง ส่วนผู้ว่าฯธปท.โผล่ร่วมถกครม.เศรษฐกิจ “เศรษฐา”ขอระดมความเห็น หาทางออกศก. หลังตัวเลขเศรษฐกิจต่ำกว่าประมาณการณ์มาก แต่ยังไม่เรียกเข้าภาวะถดถอย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 พฤษภาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ครั้งที่ 3/2567 มีวาระประชุมที่น่าสนใจคือ พิจารณาปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลาง หลังรัฐบาลจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
เคาะรื้อแผนการคลังระยะปานกลาง
ทั้งนี้ ในการหารือแผนการคลังระยะปานกลาง มีการทบทวนรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 ไปจนถึงปีงบประมาณ 2571 ทั้งกรอบวงเงินรายได้ วงเงินรายจ่ายแต่ละปีงบประมาณ การขาดดุลงบประมาณ กรอบวงเงินกู้สูงสุด และตัวเลขหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP หลังคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเห็นชอบการปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลางเสร็จสิ้น จากนั้นจะนำรายละเอียดทั้งหมดเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป ในวันที่ 28 พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า การประชุมครั้งนี้ไม่พบว่ามี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมด้วย
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเปิดเผยว่า การประชุมเป็นไปด้วยดี โดยจะนำมาตรการต่างๆเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 พฤษภาคม เป็นไปตามแผนที่วางไว้
เห็นชอบงบ67เพิ่ม1.22แสนล.โป๊ะดิจิทัล
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ครั้งที่ 3/2567 ที่นายกฯเป็นประธานประชุมว่า การจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท เพื่อมาใช้ดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ที่ประชุมเห็นชอบอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท แบ่งออกเป็น การกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณปี 2567 วงเงิน 1.12 แสนล้านบาท และจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 พฤษภาคม
ทั้งนี้ กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมทั้งหมด 1.22 แสนล้านบาท จะนำไปใช้ในโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ในส่วนการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายปี’67 วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท สำหรับการอนุมัติกรอบกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณปี 2567 วงเงิน 1.12 แสนล้านบาทจะส่งผลให้กรอบการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 0.14% ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 68% แต่ไม่เกินกรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดเพดานหนี้สาธารณะไว้ที่ 70% ต่อจีดีพี
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า ที่มาของรายได้ที่เพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท ไม่ใช่รายได้ที่จัดเก็บเพิ่ม แต่เป็นรายได้ที่รัฐบาลมีอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดต้องรอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาวันที่ 28 พฤษภาคมก่อน
หนุนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐว่า เป็นการทบทวนแผนการคลังระยะปานกลางให้เข้ากับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า จำเป็นมากที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเพื่อเศรษฐกิจโตขึ้นกว่านี้และโตต่อเนื่อง โดยต้องอยู่กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และต้องเพิ่มศักยภาพทางการคลังด้วยการจัดลำดับความสำคัญของรายจ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านการคลังของประเทศด้วย
นายกฯขออย่าเรียกครม.เศรษฐกิจ
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ครม. เศรษฐกิจ ที่ทำเนียบฯช่วงเย็นวันนี้ โดยยอมรับเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมได้รับประทานอาหารกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯรัฐมนตรี และรมว.คลังเตรียมความพร้อมจะพูดคุยเรื่องใดบ้าง วันนี้ไม่ได้มาสั่งการ แต่เป็นการพูดคุยว่าแต่ละคน มีข้อคิดเห็นอย่างไร มีข้อเสนอแนะอย่างไร ส่วนจะเป็นมาตรการระยะสั้นก่อนหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมวันนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และไม่อยากใช้คำว่า ครม.เศรษฐกิจ แต่เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมย้ำว่า ขอฟังความคิดเห็นก่อน ยังไม่แน่ใจว่าจะออกมาเป็นมาตรการหรือไม่
ผู้ว่าฯธปท.ร่วมถกครม.ศก.นัดแรก
ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุม ครม.เศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 มีรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลัง ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ประธานผู้แทนการค้าไทย นายนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เข้าประชุมด้วย
ตัวเลขศก.ไทยต่ำมากแต่ยังไม่ถดถอย
นายกฯกล่าวเปิดประชุมตอนหนึ่งว่า อย่างที่เราทราบกันดีว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาต่ำกว่าประมาณการค่อนข้างมาก แต่ยังไม่เรียกภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะยังมีเรื่องการท่องเที่ยวช่วย แต่ก็ยังเดินหน้าไม่เต็มที่ และที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจไม่ค่อยดีมายาวนานต่อเนื่อง รวมถึงยังมีปัญหาอีกหลายเรื่อง เช่น ปัญหาเศรษฐกิจโลกโตช้า กำลังซื้ออ่อนตัว โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก รวมถึงสภาพการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ และปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น สังคมสูงวัย ความสามารถแข่งขัน หนี้ครัวเรือน และหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้( NPL) ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ต้องการการแก้ไข โดยการปรับโครงสร้าง และรากฐานเศรษฐกิจ แต่อีกหลายเรื่องภาครัฐทำได้เลย เช่น เร่งการเบิกจ่ายภาครัฐ กระตุ้นกำลังซื้อ ท่องเที่ยว แน่นอนว่าเราทำกันอยู่ แต่วันนี้มาคุยเรื่องรายละเอียดว่าจะทำกันอย่างไร เพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยเร็ว จึงนัดประชุมครม.เศรษฐกิจระดมความคิดหาทางออก ช่วยให้เศรษฐกิจโตได้ตามศักยภาพ ขอให้ทุกคนใช้เวทีนี้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย อะไรทำได้หรือทำไม่ได้
28-29พค.นายกฯบินฮ่องกงโชว์วิชั่น
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมงาน UBS Asian Investment Conference (AIC) 2024 ระหว่างวันที่ 28-29 พฤษภาคม 2567 ตามคำเชิญของผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ UBS ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการธนาคาร การเงิน และการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ดำเนินกิจการมาต่อเนื่องมากว่า 160 ปี และดำเนินงานในไทยตั้งแต่ปี 2538 ทั้งนี้ งาน UBS Asian Investment Conference เป็นเวทีสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่สำคัญทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,000 ราย และมีบริษัทจากเอเชีย-แปซิฟิก กว่า 300 บริษัท มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ การลงทุน รวมถึงนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่ออนาคต นอกจากนี้ นายกฯจะพบผู้บริหารบริษัท SF Holding ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในจีนและอันดับ 4 ของโลก ซึ่งจดทะเบียนในไทยในชื่อ SF Express และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Kerry Express ประเทศไทย ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะได้แสดงวิสัยทัศน์ ศักยภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต รวมถึงใช้โอกาสนี้ย้ำความพร้อมของไทยที่พร้อมเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมทั้งนำเสนอนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี