ข้าว10ปีพิรุธอื้อ
กมธ.จี้พณ.เคลียร์ก่อนประมูล
“สมชาย”ประธาน“กมธ.สิทธิฯ วุฒิสภา”ไม่ท้อลุยสอบปม “ข้าวสต๊อก 10 ปี” บี้“รมว.พาณิชย์” เร่งเคลียร์ก่อนเปิดประมูลขาย-ทำหนังสือขอเข้าตรวจสอบสภาพ-คุณภาพในโกดังรับจำนำ ชี้พิรุธบานเบอะในโกดังที่จะนำไปประมูล ขอข้อมูล “หมอวรงค์” เจอที่นำไปจำนำจากหอมมะลิเป็นข้าวขาว
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบโครงการรรับจำนำข้าว กรณีรัฐบาลเตรียมเปิดประมูลข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/2557 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ซึ่งได้เชิญหลายหน่วยงานเข้าให้ข้อมูล อาทิ องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรมวิทยาศาสตร์การแพททย์ สภาองค์กรผู้บริโภค และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดีว่า จากการรับฟังข้อมูลของหน่วยงานที่ชี้แจง พบประเด็นข้อพิรุธในหลายประเด็นคือ กรณีจะนำข้าวในโกดัง ที่นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ระบุว่านำไปประมูลคือ โกดังกิตติชัย และ บจก.พูนผลเทรดดิ้ง ได้เคลียร์ข้อกฎหมายให้ลุล่วงแล้วหรือไม่ หลังจากที่พบมีคดีฟ้องร้อง เช่น โกดังกิตติชัย ที่เปิดประมูลไป 2.9 หมื่นตันและบริษัทที่ได้ประมูลคือ ส.ชัยเจริญ รับข้าวไปเพียง 439 ตัน ส่วนที่เหลือนั้นไม่รับข้าว เนื่องจากพบว่าเป็นข้าวขาว ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ เป็นคดีอยู่ในศาลชั้นต้น
“ตอนรับจำนำระบุในบัญชีข้าวว่าจำนำเป็นข้าวหอมมะลิ แต่เมื่อขาออกพบเป็นข้าวขาว ซึ่งราคาของชนิดข้าวนั้นแตกต่างกัน ซึ่งผมสงสัยว่าจะมีค่าส่วนต่างหรือไม่ ซึ่งโกดังกิตติชัยนั้นเปิดประมูลไป 3 รอบ ซึ่งแต่ละรอบนั้นมีราคาที่ต่างกัน ครั้งแรกกิโลกรัมละ 23 บาท ครั้งที่สองขายราคา กิโลกรัมละ 11 บาทให้กับบริษัทยโสธรอินเตอร์เทรดไรซ์ และครั้งที่สามราคากิโลกรัมละ 23 บาท” นายสมชาย กล่าว
และว่า ในโกดังบจก.พูนผลเทรดดิ้งที่พบว่า บจก.พูนผลเทรดดิ้งเป็นผู้ประมูลข้าวออกจากโกดังของตนเอง แต่พบว่าเมื่อประมูลได้แล้วกลับทิ้งข้าว ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นของศาลปกครองกลาง ประเด็นของ บจก.พูนผลเทรดดิ้ง ตนมองว่ามีพิรุธ เพราะปัจจุบัน อคส.ยังต้องจ่ายค่าเช่าโกดังให้เจ้าของ
ทั้งนี้ ในการชี้แจง กมธ.ได้ขอเอกสารและรายละเอียดจาก อคส. ฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง พร้อมเตรียมทำหนังสือไปยังรมว.พาณิชย์ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ชี้แจงในประเด็นข้อสงสัย เช่น จำนวนข้าวที่คงเหลือตามโครงการรับจำนำปี 2556/2557 ว่า คงเหลืออีกจำนวนเท่าใด และอยู่ในโกดังใดบ้าง อย่างไรก็ดี สตง.ได้ชี้แจงต่อบัญชีข้าวที่ลงนามรับรองในปี 2566 ว่าคงเหลือ 693 ล้านบาท แต่ไม่ทราบจำนวนข้าวที่ค้างทั้งหมด
นายสมชายกล่าวด้วยว่า ก่อนที่ รมว.พาณิชย์ จะเปิดประมูลขายข้าวในโครงการรับจำนำ ควรเคลียร์ประเด็นข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อนประมูล ว่า กรณีที่ 2 โกดังนั้นมีการฟ้องร้องกันในชั้นศาลจะสามารถนำข้าวออกมาประมูลขายได้หรือไม่
สำหรับคุณภาพของข้าว นายสมชายกล่าวว่า ที่แม้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะตรวจและระบุว่าข้าวรับประทานได้ แต่กมธ. ขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยกมธ.จะทำหนังสือเพื่อขอเข้าร่วมตรวจสอบครั้งใหม่ด้วย เพราะกรณีที่นำข้าวให้ตรวจสอบรอบแรกนั้น ไม่มีรายละเอียด อีกทั้ง จากข้อมูลที่ได้รับหลังกระทรวงพาณิชย์พานักข่าวไปตรวจสอบ พบสภาพของกระสอบข้าวที่ไม่ตีตรา ซึ่งมีข้อสงสัยว่าได้เปลี่ยนกระสอบหรือนำข้าวจากที่อื่นมาหรือไม่
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและการขายไปยังต่างประเทศ ที่ขณะนี้พบว่าทูตแอฟริกาประท้วงกรณีรัฐบาลไทยเตรียมส่งข้าวในโครงการรับจำนำออกขาย ดังนั้นควรสุ่มตรวจอีกครั้ง ไม่ใช่สุ่มข้าวเฉพาะกระสอบใหม่
“จากโกดังที่รมว.พาณิชย์เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีการจัดแสดง จัดเรียงข้าวใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 มีภาพที่ยืนยันได้ว่ากองข้าวนั้นมีสภาพแตก และกองข้าวล้ม ไม่ได้จัดเรียงให้เป็นระเบียบตามที่มีภาพออกสื่อ อีกทั้ง อคส.ยังระบุว่า ก่อนที่รมว.พาณิชย์จะเข้าไปตรวจสอบ พบการว่าจ้างให้เข้าไปทำความสะอาด วงเงินรวม 1.8 แสนบาท ทั้งที่ควรเป็นความรับผิดชอบของโกดังที่ให้เช่า และจากข้อมูลที่ได้รับคือ ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน โกดังที่รับจำนำข้าวนั้นไม่มีการปรับปรุง เมื่อมีการประมูลจะประมูลตามสภาพ” นายสมชาย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี