ศาลเตือน‘ก.ก.’ห้ามชี้นำคดียุบพรรค
นัดพิจารณา12มิ.ย.
ก้าวไกลดิ้นสู้จัดแถลง9มิ.ย.
เมินคำเตือน/อ้างไม่ได้กดดัน
ยันมีแผนรับมือ-ไม่หวั่นงูเห่า
“ศาลรัฐธรรมนูญ”รับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา“ก้าวไกล”ถูกร้องคดียุบพรรค ปมล้มล้างการปกครอง นัดพิจารณาคดีต่อ 12 มิถุนายนนี้ เตือนก่อนวินิจฉัย ห้ามแสดงความเห็นชี้นำสังคม เกี่ยวกับคดียุบพรรค ชี้กระทบการพิจารณาของศาล ด้าน“ก้าวไกล” ดิ้นสู้! ยันเดินหน้าแถลงแนวทาง สู้คดียุบพรรค 9 มิถุนายนนี้เมินคำเตือนศาล รธน. ยันแค่อธิบายให้ประชาชนรู้ ไม่ได้กดดันศาล ย้ำมีแผนรับมือยุบพรรค ไม่หวั่นปัญหา“งูเห่า”
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีการพิจารณาคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐาน อันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคก้าวไกลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ศาลฯรับคำชี้แจง-นัดพิจารณา12มิย.
จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคล ผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการ เมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการ เมือง 2560มาตรา 942 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง
พรรคก้าวไกลคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 3 ครั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาทั้ง 3 ครั้ง ครั้งละ 5 วัน และ จะครบกำหนดยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหา ในวันที่ 2 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ พรรคก้าวไกลจึงยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 มิถุนายน 25667 ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหารวมไว้ในสำนวน ส่งสำเนาคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้คณะกรรมการ การเลือกตั้ง ผู้ร้อง ทราบ และกำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 12 มิถุนายน 2567
เตือน‘ก.ก.’ห้ามชี้นำสังคมก่อนวินิจฉัย
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุด้วยว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คู่กรณีไม่สมควรแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคมอันอาจกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญเตือนไม่ให้แสดงความชี้นำสังคมในคดีล้มล้างการปกครอง ซึ่งพรรคก้าวไกลยังยืนยันว่าจะแถลงเปิดเผยแนวทางทางการต่อสู้คดี ในวันที่ 9 มิ.ย. อยู่หรือไม่ว่า ยืนยันว่า จะยังจะแถลงในวันดังกล่าว ซึ่งเรายืนยันกับพี่น้องประชาชนและศาลรัฐธรรมนูญว่าการแถลงของเราในวันนั้น
เมินศาลเตือนชี้แค่อธิบายปัดกดดัน
“ไม่ได้เป็นการกดดันศาล หรือ ชี้นำความคิดอะไร เป็นเพียงแค่การยืนยัน และอธิบายกับพี่น้องประชาชน ที่อาจจะมีคำถามถึงแนวทางการต่อสู้คดีของพรรค รวมถึงเอกสารที่เราใช้ประกอบการแถลงก็ไม่ได้เป็นเอกสารลับอะไร แต่เป็นเอกสารที่เรายื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าเดินหน้าต่อ และอยากให้ความสบายใจกับพี่น้องประชาชน และศาลรัฐธรรมนูญว่าเราไม่ได้วัตถุประสงค์ในการจะไปกดดัน หรือชี้นำสังคมในทางใดทางหนึ่ง ส่วนรูปแบบในการต่อสู้คดีเป็นอย่างไรนั้น ทุกคนจะได้รู้พร้อมกันในวันที่ 9 มิ.ย. นี้”นายพริษฐ์ ย้ำ
ลุ้นศาลนัดพิจารณาคดีต่อ12มิ.ย.
โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวอีกว่า ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีในวันที่ 12 มิ.ย.นั้น ไม่ได้เป็นการอ่านคำวินิจฉัยในวันดังกล่าวเลย เป็นเพียงการนัดประชุม เพื่อถกกันว่าแนวทางในการวินิจฉัยคดีจะเป็นเช่นไร ดังนั้น ในวันที่ 12 มิ.ย. เราจะเห็นถึงความชัดเจนมากขึ้นถึงขั้นตอนและกรอบเวลา อย่างที่พรรคก้าวไกลเคยศึกษาไว้ว่าเราอยากจะเห็นกระบวนการและวิธีไต่สวนข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติม วันที่ 12 มิ.ย.ก็จะเห็นคำตอบและแนวทางที่ชัดเจนของศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้นว่า ตกลงจะมีแนวทางไต่สวน หรือไม่อย่างไร กรอบระยะเวลาจะเป็นเช่นไร
เมื่อถามว่าต้องมีการเตือนสมาชิกในเรื่องการแสดงความคิดเห็นเพื่อไม่ให้กระทบศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนในพรรคยืนตามแนวทางที่ตนได้กล่าวไป จะไม่มีการแสดงความเห็นที่กระทบต่อศาล
ยันมีแผนรับมือถ้าถูกยุบพรรค
เมื่อถามถึงกรณีที่สว.ออกมาพูดว่าพูดว่าเป็นขบวนการที่จะล้มกระดานทั้งยุบพรรคก้าวไกล และล้มรัฐบาลด้วย นายพริษฐ์ กล่าวว่าต้องแยกเป็นกรณีไป กรณีของพรรคก้าวไกลเราจะทำเต็มที่ในการต่อสู้คดี และมองว่าผลลัพธ์ของคดีนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่ชะตากรรมของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นคดีที่จะสร้างบรรทัดฐานการเมืองไทยในอนาคตด้วยเช่นกัน เราก็จะทำอย่างเต็มที่ในการต่อสู่คดี และปกป้องพรรค เราจะต้องสู้และหวังถึงสถานการณ์หรือฉากทัศน์ที่ดีที่สุดว่าเราก็จะต้องมีแผนรับมือกับฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดเช่นกันเมื่อถามถึงการเตรียมพรรคสำรองและเกรงว่าจะมีงูเห่าเกิดขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป้าหมายเฉพาะหน้าตอนนี้คือ การต่อสู้เพื่อปกป้องพรรคก้าวไกล และบุคลากรของพรรค ดังนั้น เรามีแผนรองรับทุกฉากทัศน์
ย้ำมีเอกภาพ-ไม่หวั่นงูเห่าโผล่
โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวอีกว่าส่วนของข่าวลือ หรือ เรื่องงูเห่าก็ดี ตนยืนยันว่า เท่าที่เห็นรายงานในข่าว ก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ เป็นแค่กระแส ไม่มีข้อมูลอะไรมายืนยัน ดังนั้น ขอยืนยันคำเดิม เชื่อมั่นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรค พวกเราในพรรคก้าวไกล จะเดินหน้าต่ออย่างเป็นเอกภาพ ตนเชื่อว่าเพื่อนๆในพรรครู้ดีและจำได้ดีว่าในวันที่แต่ละคนเดินเข้ามาในพรรคเพื่อเป็นสมาชิก และยื่นใบสมัครในการลงเลือกตั้ง ทุกคนมีอุดมการณ์แบบไหน มีความฝัน ที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในประเทศนี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคก้าวไกล อุดมการณ์และความฝันคือเป้าหมายที่เราจะเดินหน้าต่อร่วมกัน และเชื่อว่าเพื่อนๆ ในพรรครู้ดีถึงความคาดหวังที่พี่น้องประชาชนมอบให้กับเราผ่านคูหาการเลือกตั้ง เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา เราทุกคนก็จะทำงานด้วยความซื่อตรงให้สมกับความคาดหวังที่ประชาชนให้มา
‘ธนกร’ติง‘ชัยธวัช’อย่าก้าวล่วงศาล
ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)กล่าวถึงที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์สื่อถึงคำร้องยุบพรรคก้าวไกล หลังเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่...)พ.ศ.เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยมีการพูดพาดพิงว่ามีปัจจัยทางการเมืองเกือบทั้งหมดมาเกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของศาล ที่จะออกมาว่า ส่วนตัวมองว่า การแสดงความเห็นของนายชัยธวัชในลักษณะนี้ ถือเป็นการกล่าวหาและก้าวล่วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
เชื่อศาลรธน.ยึดข้อกม.-ข้อเท็จจริง
นายธนกรกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ล้วนมีการพิจารณาวินิจฉัยแต่ละคดี ตามหลักข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และมั่นใจว่า คำวินิจฉัยในแต่ละคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมาตามนั้น เป็นไปตามข้อเท็จจริงและตามหลักกฎหมาย ไม่สามารถ ปล่อยให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพื่อกลั่นแกล้งพรรคใดพรรคหนึ่งได้ หากไม่มีมูลความผิด
เหน็บไม่ควรพาลโทษแบบมีอคติ
“ซึ่งคดีนี้จากที่มองพฤติกรรม ก็เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะชนและสื่อมวลชนอยู่แล้วว่าพรรคก้าวไกลเป็นอย่างไร เข้าใจว่านายชัยธวัชมีความกังวล จนพาลโทษคนอื่นไปทั่ว การกล่าวหาว่าปัจจัยการเมืองแทรกแซงคำวินิจฉัยนั้น ถือว่าเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลหรือไม่ และเป็นคำกล่าวหาที่รุนแรง ขอให้นายชัยธวัชยอมรับ หากสุดท้ายคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นคุณ หรือ เป็นโทษก็ตาม ไม่ควรใช้อารมณ์ ความกังวล หรือความกลัวจะถูกยุบพรรคเป็นครั้งที่ 2 มากล่าวหาแบบมีอคติ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง” นายธนกรระบุ
ปปช.ยันสอบ44สส.ก้าวไกลแก้ม.112
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช.กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจกรณีที่มีการร้องเรียนให้สอบจริยธรรม สส. พรรคก้าวไกล 44 คน ที่เคยลงชื่อเสนอกฎหมายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีความคืบหน้าพอสมควร เพราะป.ป.ช.ได้รับคำวินิจฉัยมาแล้ว เรื่องนี้ป.ป.ช.จะต้องมีการตรวจสอบเป็นรายบุคคล ในเรื่องของเจตนาไม่ใช่การพิจารณาแบบเหมาเข่ง โดยจะดูว่า แต่ละคนที่ลงมติรู้หรือไม่รู้ ในเรื่องเหล่านั้น มีการเล็งเห็นผลหรือไม่ เป็นต้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผลการตรวจสอบจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่าทางป.ป.ช มีการตรวจสอบทุกคดี มีตัวชี้วัด มีเป้าหมาย และมีการกำกับติดตามเป็นระยะๆ และรายงานผลทุกสัปดาห์ ดังนั้นยืนยันว่าไม่ล่าช้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี