ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของนายกฯ-ภริยา รวย 1,020 ล้านยื่นรายการทรัพย์สินเพิ่มเป็น “โทเคนดิจิทัล-เงินฝาก” รวม 199,956 บาท ฝากไว้ที่ บ.อีอาร์เอ็กซ์ ด้าน “พีระพันธุ์”แจ้ง ป.ป.ช.ถือหุ้น เพิ่ม 4 แห่ง “ศุภมาส” ถือหุ้น 2 บริษัท
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) เปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเพิ่มเติมของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 โดยนายกรัฐมนตรียื่นเพิ่มเติมว่า ตนและพ.ญ.พักตร์พิไล ทวีสินคู่สมรสมีทรัพย์ สินรวม ทั้งหมด 1,020,668,683 บาท และมีหนี้สิน 10,182,549 บาท
โดยเป็นทรัพย์สินของนายเศรษฐา 659,591,567 บาท แบ่งเป็นเงินสด 1 ล้านบาท เงินฝาก 68,986,558 บาทเงินลงทุน 1,501,624 บาท ที่ดิน 158,400,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 156,423,120 บาท ยานพาหนะ 50 ล้านบาท สิทธิ์และสัมปทาน 87,539,563 บาทและมีทรัพย์สินอื่นมูลค่า 135,740,700 บาท ขณะที่ทรัพย์สินของพญ.พักตร์พิไล รวม 361,077,116 บาท ประกอบไปด้วยเงินสด 1.8 ล้านบาท เงินฝาก 47,023,391 บาท เงินลงทุน 52,352,913 บาท ยานพาหนะ 2,800,000 บาท สิทธิ์และสัมปทาน 845,511 บาท ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 253,255,300 บาท และมีหนี้สิน 449,970 เป็นเงินเบิกเกินบัญชี
การยื่นเพิ่มเติมของนายเศรษฐา มีรายการหนังสือมอบอำนาจ 3 ฉบับ และแบบคำขอและเอกสารประกอบพร้อมสำเนา 14 ฉบับ เนื่องจากเพิ่งทราบว่ามีทรัพย์สินเป็นดิจิทัลประเภทโทเคนดิจิทัลชื่อ SriHubAจำนวน 310 หน่วย มูลค่า 2,907 บาท และเงินฝาก 197,048 บาท รวมทั้งสิ้น 199,956 บาท โดยเก็บไว้ที่ศูนย์ซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัลชื่อ บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด จึงทำให้บัญชีทรัพย์ สินและหนี้สินที่เคลื่อนไหว ก่อนหน้านี้ยังไม่มีรายการทั้งสองแสดงไว้ จึงยื่นเพิ่มเติมเพื่อเกิดความถูกต้องครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายเศรษฐาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,020,468,727 บาท และครั้งนี้มีทรัพย์สินเพิ่มเป็นเงินดิจิทัลโทเคน 310 หน่วย มูลค่า 2,907 บาท และเงินอีกจำนวนกว่า 197,048 บาท
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานยื่นเอกสารสัญญาการจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการโอนหุ้นที่เกิน 5% โดยมอบให้บริษัทดูแลบริหารจัดการแทน ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด 588,500 หุ้น บริษัทพี แอนด์เอส แลนด์ แอนด์ วีเวลเลอปเม้นท์ จำกัด 46,500 หุ้น บริษัทรพีโสภาค จำกัด 22,000 หุ้น และบริษัทโสภา คอลเล็คชั่นส์ จำกัด 1,000 หุ้น
ขณะที่ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ยื่นเพิ่มเติมหุ้น บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) 50,000,000 หุ้น และบริษัทบีเคดี โฮลดิัง จำกัด 447,150 หุ้น ส่วนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ยื่นเพิ่มเติมหุ้นบริษัทอุดมธุรกิจ จำกัด 700 หุ้น
วันเดียวกัน ป.ป.ช.ยังเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของนายสุเมธ รอยกุลเจริญ กรณีเข้ารับตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 19 มีนาคม 2560 นายสุเมธและนางสุวรดา เหมเภรตรา รอยกุลเจริญ คู่สมรส ซึ่งเป็นอัยการอาวุโส แจ้งมีบัญชีทรัพย์สินหนี้สินรวม 86,717,201 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นทรัพย์สินของนายสุเมธ 35,021,119 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 6 บัญชี 8,745,523 บาท เงินลงทุนในหุ้นสหกรณ์และกองทุนเปิด4,977,482 บาท ที่ดินสองแปลงในเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯรวม 3 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1.5 ล้านบาท รถ BMW มูลค่า 2,799,000 บาทสิทธิและสัมปทาน 267,113 บาททรัพย์สินอื่น 13,732,000 บาท
ส่วนทรัพย์สินของนางสุวรดา 51,696,082 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 7 บัญชี 495,147 บาทเงินลงทุนในหุ้นสหกรณ์และกองทุนเปิดต่างๆ 8,424,780 บาท ที่ดิน 3 แปลงในเขตตลิ่งชันกรุงเทพฯรวม 8 ล้านบาทโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 9,112,500 บาท ที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอ.ปากเกร็ดจ.นนทบุรี รถเบนซ์ 2 คันมูลค่า 600,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 7,937,634 บาท ทรัพย์สินอื่น 17,126,021 บาท ที่น่าสนใจเป็นพระบูชา 433 รายการมูลค่า 3,597,000 บาท พระเครื่อง เหรียญคณาจารย์ 653 รายการมูลค่า 3,0 35,000 บาท สร้อยคอทองคำเครื่องประดับ 46 รายการมูลค่า 7.1 ล้านบาท เครื่องประดับอัญมณีและพระเครื่อง 371 รายการรวมมูลค่า 17,126,021 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี