ข้อเท็จจริงมันชัดไปแล้ว! ‘อ.คมสัน’ชี้คำโต้แย้ง‘ก้าวไกล’น้ำหนักน้อย ส่วน‘กกต.’จะถูกฟ้องก็อีกเรื่องหนึ่ง
วันที่ 6 สิงหาคม 2567 นายคมสัน โพธิ์คง อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 เมื่อเดือน ม.ค. 2567 ที่ระบุว่า นโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ว่า ในเรื่องข้อเท็จจริงคือจบแล้ว ขณะนี้เหลือแต่เรื่องข้อกฎหมาย
ซึ่งเหตุที่มาของคำวินิจฉัยกรณีแก้ไข ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง กกต. ไมได้เป็นคนร้องศาลรัฐธรรมนูญ แต่มีภาคประชาชนไปร้อง แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กกต. ก็อยู่เฉยไม่ได้เพราะจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม กระบวนการของ กกต. ก็จ้องมีเรื่องของการให้สิทธิต่างๆ ซึ่งการที่ กกต. ไม่ได้ให้โอกาสพรรคก้าวไกลชี้แจง กกต. ผิดแน่ แต่ที่ผ่านมาเรื่องนี้ศาลไทยไม่ค่อยซีเรียสมากนัก
หรือแม้แต่ศาลสหรัฐอเมริกา ในอดีตจะซีเรียสมากกับหลัก Due Process of Law ซึ่งหมายถึงการที่ไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด สามารถเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องหรือไม่รับฟ้องได้ แต่เมื่อเจอปัญหาก็ทำให้ระยะหลังๆ ศาลสหรัฐฯ ผ่อนคลายหลักดังกล่าวลง ซึ่งในประเทศไทยไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้ แต่มองว่าศาลสามารถให้ความเป็นธรรมได้ ให้โอกาสชี้แจงได้
ดังนั้นประเด็นที่ กกต. ไม่ได้ให้ชี้แจง ศาลรัฐธรรมนูญอาจมองว่าพรรคก้าวไกลได้ชี้แจงในชั้นศาลแล้ว ส่วน กกต. ก็อาจมีความผิดเป็นการส่วนตัว คืออาจถูกคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลไปยื่นฟ้องเป็นคดีอาญาในภายหลัง ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะถือว่ากระทำผิดเงื่อนไขกฎหมายของตนเอง ส่วนกรณีที่ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ หนึ่งในที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. ไปเป็นพยานให้พรรคก้าวไกล โดยกล่าวว่ากระบวนการของ กกต. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะมีน้ำหนักมาก-น้อยเพียงใด
เรื่องนี้ตนเห็นว่า ศาลไม่ได้ให้ ศ.ดร.สุรพล ไปชี้แจงอะไร ก็คงไม่มีน้ำหนักอะไรมาก ศาลอาจจะฟังเฉยๆ แต่สุดท้ายศาลก็คงมีคำตอบอยู่ในตัวว่าเหตุใดจึงดำเนินการไปแบบนั้น แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องตอบให้ครบทุกประเด็นที่พรรคก้าวไกลโต้แย้ง เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีประเด็นออกไปสู่สาธารณะอีก เช่น เรื่องนี้ตอบไมได้ หรือเหตุผลไม่ชอบธรรม ส่วนที่พรรคก้าวไกลบอกว่า ความผิดเรื่อง ม.112 เป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง ตนมองว่า มาถึงขั้นนี้คงอ้างแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะช้อเท็จจริงถูกชี้ไปตั้งแต่คำวินิจฉัยเมื่อเดือน ม.ค. 2567 แล้ว
“กระบวนการตามรัฐธรรมนูญแก้ไขได้ แต่แก้ไขในเชิงที่ทำให้สถานะเสื่อมค่าลงขององค์พระมหากษัตริย์ อันนี้โดยหลักการก็เป็นการแก้ไขที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพราะว่าหลักการของรัฐธรรมนูญวางหลักว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะบุคคลใดจะล่วงละเมิดมิได้ เขาวางหลักการเหล่านี้ แต่ว่าการแก้ไขของก้าวไกล มันส่งผลทำให้กลายเป็นที่ล่วงละเมิดได้ เมื่อส่งผลให้มีการล่วงละเมิดได้ มันก็ส่งผลไปต่อการปกครองว่าความประสงค์ของการแก้ไขนั้น วัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพียงแค่แก้ไขในเรื่องประเด็นทางการเมือง หรือมุ่งไปสู่ประเด็นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอันนี้ผมว่าศาลรัฐธรรมนูญได้ให้เหตุผลไว้แล้ว” นายคมสัน กล่าว
นายคมสัน กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่พรรคก้าวไกลอ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจกำหนดระยะเวลาตัดสิทธิ์ทางการเมือง และหากจะตัดสิทธิ์ก็ต้องทำเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเท่านั้น เรื่องนี้ตนมองว่า เรื่องตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเงื่อนไขที่ตามมาจากการยุบพรรค ซึ่งมีกฎหมายกำหนดว่าเพิกถอนได้ไม่เกินระยะเวลาเท่าใด ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขให้ตัดสิทธิ์ได้เฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องตัดสิทธิ์ทั้งคณะ การโต้แย้งประเด็นเหล่านี้จึงเป็นเพียงการโต้แย้งเผื่อเพียงเท่านั้น
ชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=oIGbtQHoN8I
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี