ดับฝัน “ดิจิทัล วอลเล็ต”! เลขาฯกฤษฎีกาเผยโดยหลักการเมื่อเปลี่ยนนายกฯ“ควรหยุด” ดิจิทัล วอลเล็ต ไม่จำเป็นต้องกลับมาถามกฤษฎีกาอีก“พิชัย”โยน“ครม.รักษาการ”เคาะ“ดิจิทัล วอลเล็ต” ไปต่อหรือพอแค่นี้“วิษณุ” ชี้เดินหน้าหรือหยุด“ดิจิทัล วอลเล็ต” ไม่มีก.ม.ตายตัว โยน“รัฐบาลใหม่”ตัดสินใจ“ประเสริฐ”เชื่อดิจิทัล วอลเล็ตเดินหน้าได้ อ้างรัฐบาลชุดเดิม ชี้ต้องหารือ ‘กฤษฎีกา’ก่อน ‘ภูมิธรรม’ระบุ‘ดิจิทัล’รอความชัดเจนหลังได้รัฐบาลชุดใหม่ ‘จุลพันธ์’เดินหน้า‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ต้องให้ให้เกียรติ‘นายกฯคนใหม่-รัฐบาลใหม่’ตัดสิน
หลังนายกเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากนายกรัฐมนตรีจนมีกระแสข่าวโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต10,000บาท อาจจะสะดุด ทำให้หลายฝ่ายรวมถึงประชาชนในสังคมมีความวิตกกังวลนั้น
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต10,000บาท ที่มีกระแสข่าวอาจจะสะดุด โดยกล่าวว่า “ไม่ใช่ผม เป็นนโยบายรัฐบาล”เมื่อถามย้ำว่าไทม์ไลน์จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนเหมือนเดิมหรือไม่ นายพิชัย ปฏิเสธการตอบคำถามดังกล่าว
‘พิชัย’โยนครม.รักษาการเคาะดิจิทัล
เมื่อถามว่าในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สามารถให้ความชัดเจนถึงโครงการดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังสับสน นายพิชัย ทำมือชี้ขึ้นด้านบน พร้อมกล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล พร้อมกับกล่าวว่า“เดี๋ยวรอการประชุมครม.รักษาการวันนี้”
‘วิษณุ’ชี้เป็นเรื่องรบ.ใหม่ตัดสินดิจิทัล
นายวิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)รักษาการถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้หรือไม่ ว่า ตนไม่มีความเห็น ว่าควร หรือไม่ควร เป็นเรื่องของรัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องพิจารณาต่อไป
เมื่อถามอีกว่าโดยหลักการแล้วตามกฎหมายควรหยุดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า”มันไม่มีหลักการ เป็นเรื่องรัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจเต็ม จะหยุดก็ได้ จะเปลี่ยนแปลงก็ได้ จะเดินต่อก็ได้ เพราะเป็นคนละรัฐบาลกัน
“รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นรัฐบาลชุดที่ 63 รัฐบาลชุดใหม่เป็นชุดที่ 64และต้องแถลงนโยบายใหม่ต่อรัฐสภา ซึ่งต้องดูว่า มีการพูดถึงเรื่องนี้หรือไม่”นายวิษณุ ย้ำ
กฤษฎีกาแนะควรหยุดดิจิทัล
ที่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกโครงการเติมเงิน 10,000 บาท หรือดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ไม่ทราบเมื่อถามว่าเงินที่กู้มาจะทำอย่างไร นายปกรณ์ กล่าวว่า“ต้องถามรักษาการรมว.คลัง”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเมื่อแถลงต่อรัฐสภาเป็นนโยบายแล้วสามารถยกเลิกได้หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า “ผมว่าโดยหลักแล้วมันควรจะหยุดลง และไม่จำเป็นต้องกลับไปถามความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา”
‘ประเสริฐ’เชื่อดิจิทัลเดินหน้าได้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนําพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่างถึงโครงการเติมเงิน1หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเลตจะยังดำเนินการต่อหรือไม่ว่าตนคิดว่ายังสามารถต่อเนื่องไปได้เพราะรัฐบาลยังเป็นชุดเดิมอยู่ส่วนที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแนะว่าโดยหลักการควรหยุดนั้น ตนไม่ทราบ คงต้องหารือกับกฤษฎีกาอีกครั้งเมื่อถามว่าการหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้ามีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยากให้ยุติโครงการ นายประเสริฐกล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ก่อนขึ้นไปประชุมชุมครม.นัดพิเศษ ทันที
ครม.นัดพิเศษตั้งภูมิธรรมรักษาการ
ช่วงบ่าย ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานซึ่งมีรัฐมนตรีเข้าร่วมร่วมพร้อมเพรียง
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษนายภูมิธรรม แถลงว่าครม.จะทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมี ครม.ใหม่จะรับหน้าที่ซึ่งที่ประชุมมีมติให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี แม้สถานะของคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่เรียกว่า รักษาการและได้รับเงินเดือนแต่ยังไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน พร้อมยังมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ให้เกิดประโยชน์สุขของประเทศเท่าที่จำเป็นทุกประการ
‘ภูมิธรรม’ชี้ชัดเจนหลังได้รบ.ใหม่
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท จะทำอย่างไรต่อไปว่า จากนี้ต้องเริ่มจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จส่วนที่เลขาฯกฤษฏีกาให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว โครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็ควรจะหยุดและไม่ควรถามกฤษฏีกาอีกนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นความเห็นของคณะกรรรมการกฤษฏีกา แต่ทั้งหมดต้องรอรัฐบาลใหม่
จุลพันธ์ทุกอย่างยังขับเคลื่อนไปได้
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการคลัง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในการประชุมครม.ในวันนี้ คุยเรื่องกรอบอำนาจหน้าที่การรักษาการของรัฐมนตรี เพราะต้องการความชัดเจนว่ามีอำนาจหน้าที่ใดบ้าง เพื่อให้ทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ และหากในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้อย่างราบรื่น จะเป็นประโยชน์มาก เนื่องจากประเทศไทยไม่ควรว่างเว้นนาน จะกระทบกับเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
ดิจิทัลรอหารือในพท.-พรรคร่วมรบ.
ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่าคาดว่าจะนำเรื่องนี้หารือในพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มติจะเป็นอย่างไรคงจะต้องยึดตามนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้หารือเรื่องนี้กันมากนักในส่วนของงบประมาณปี 67-68 มั่นใจว่ายังคงเป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้แล้วทั้งหมด เนื่องจากเรื่องนี้ได้ผ่านขั้นตอนของฝ่ายบริหารไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือนั้น เป็นไปตามกรอบเวลาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ต้องให้เกียรติ‘นายกฯใหม่’ตัดสิน
ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่าต้องให้เกียรติคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐบาลชุดต่อไป ซึ่งกลไกตามรัฐธรรมนูญกำหนดแล้วว่าเมื่อมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นมาก็ต้องมีการแถลงนโยบายต่อสภาฯอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องให้เกียรติว่าที่นายกรัฐมนตรีคนถัดไป ว่าจะบรรจุนโยบายอะไรเข้ามาบ้าง
“หากมีการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยร่วมด้วยคงจะมีการเสนอนโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาด้วยว่าแต่ละฝ่ายจะมีความคิดเห็นอย่างไร ในฐานะที่ผมเป็นรักษาการรัฐมนตรีมีมติให้เดินหน้าโครงการนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เรายังเดินหน้า ทำทุกอย่างตามกรอบของกฎหมายที่สามารถทำได้ นายจุลพันธ์ ย้ำ
เมื่อถามว่ายังยืนยันใช่หรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยยังนำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายเรือธงเหมือนเดิม นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นำไปหารือในการเจรจาในการร่วมรัฐบาล ซึ่งในการเจรจาแต่ละครั้งจะนำนโยบายมาวางไว้และพูดคุยกัน ว่านโยบายอะไรที่จะสามารถเดินหน้า หรือพิจารณาอย่างไร ซึ่งตนไม่สามารถตอบได้มากกว่านี้
ไม่รู้‘ทักษิณ’สั่งหยุดดิจิทัลไปก่อน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลถึงการจะยกเลิกโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าขณะนี้เศรษฐกิจยังไม่ดี ขอยุติไปก่อน ว่า“ไม่ทราบครับ ต้องเป็นมติ ครม. หากจะเปลี่ยนแปลง และต้องรอการฟอร์มรัฐบาลใหม่และการแถลงนโยบาย ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร”
สำนักงบฯโยนรบ.เคาะดิจิทัล
ด้านนายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลรักษาการสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามปกติหรือไม่ ว่าปกติซึ่งกระทรวงต่างๆก็สามารถเสนอเข้ามาได้ ส่วนกรณีเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลแล้วคิดว่าโครงการดิจิทัลวอลเลตไปต่อได้หรือไม่ โดยหลักการแล้วควรไปต่อหรือไม่ อยู่ที่นโยบายรัฐบาลรักษาการ แต่ถ้าดู พ.ร.บ.งบฯเพิ่มเติม 67ที่ผ่านสภามาแล้วก็ต้องเดินไปตามกระบวนการ แต่นโยบายของรัฐบาลรักษาการจะทำอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลรักษาการ
เมื่อถามย้ำว่าหากจะเดินต่อก็สามารถทำได้ใช่หรือไม่ นายเฉลิมพลกล่าวว่า ต้องรอความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาส่วนกรณีนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการกฤษฎีกา ระบุตามหลักการเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล ควรหยุดโครงการดังกล่าว นายเฉลิมพลย้ำว่า ก็ต้องดูที่กฎหมายเป็นหลัก แต่หากดูความเห็นตามกระบวนการงบประมาณก็ผ่านสภาเรียบร้อยแล้ว
ลุยดิจิทัลต้องใช้งบ67ก่อน30ก.ย.
เมื่อถามว่า ถ้าไม่เดินหน้าโครงการต่อต้องคืนงบประมาณหรือไม่ นายเฉลิมพลกล่าวว่า ถ้าหากไม่สามารถใช้ทันในปีงบประมาณก็คือก่อน 30 ก.ย. 2567 ก็เป็นอันตกไปส่วนจะต้องออกกฎหมายโอนเงินของโครงการดิจิทัลวอลเลตไปใช้โครงการอื่นสามารถทำได้หรือไม่ นายเฉลิมพลกล่าวว่า ที่มาของโครงการดังกล่าวเกิดจากคณะกรรมการดิจิทัลวอลเลตที่เห็นชอบมา จากนั้นครม.เห็นชอบในกรอบของโครงการ เพราะฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย
เมื่อถามอีกว่า สามารถนำเงินไปใช้โครงการอื่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ นายเฉลิมพลกล่าวว่า ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการใช้จ่ายเงิน เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย พร้อมย้ำว่าหากจะดำเนินการต่อก็ต้องใช้งบฯก่อน 30 ก.ย.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี