‘อุ๊งอิ๊ง’ยันเดินหน้าประเทศไทย
ตั้งรบ.ให้เร็วที่สุด
พท.รับตรวจเข้มรมต.ใหม่
ป้องกันซ้ำรอยรมต.ถุงขนม
รทสช.ปัดโดนยึดพลังงาน
หึ่ง‘พิมพ์ภัทรา’หลุดเก้าอี้
“แพทองธาร” ว่าที่นายกฯ โพสต์ขอบคุณ สส.โหวตให้เป็นนายกฯ เป็นเกียรติสูงสุด ลั่นการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นเร็วที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ ด้านเพื่อไทย
ระบุระมัดระวังในการจัดตั้งรัฐมนตรีให้มากกว่าเดิม ไม่อยากให้เกิดซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต ฝ่าย รทสช.ปัดโดนยึดเก้าอี้พลังงาน อ้างโควตาทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่ “พิมพ์ภัทรา” หลุดรมว.อุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับเสียงโหวตจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย
นางสาวแพทองธาร ได้โพสต์ ข้อความผ่าน X ระบุว่า“ดิฉันขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ที่มอบความไว้วางใจให้ดิฉันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติสูงสุดในฐานะประชาชนคนไทย
หลังจากนี้ การจัดตั้งรัฐบาลจะดำเนินการตามกระบวนการ และจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ ดิฉัน พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนพร้อมทำงาน ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคนค่ะ แพทองธาร ชินวัตร”
จุฬาฯโพสต์ยินดี‘แพทองธาร’
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.)ได้โพสต์แสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นศิษย์เก่าจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรมีลงมติเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของไทย โดยระบุว่า ขอแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับตําแหน่งใหม่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ต่อจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากไปกว่านั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย และที่สําคัญ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่ได้นายกรัฐมนตรีซึ่งสําเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“ทางเราก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าท่านนายกฯคนใหม่จะทุ่มเทแรงกาย แรงใจ หยาดเหงื่อ และจะพยายามอย่างยิ่งที่พาชาติไทยรํ่ารวยมั่งคั่ง และที่สําคัญคือจะเป็นความหวังของประชาชนและพวกเรานิสิตจุฬาฯ สู่อนาคตที่ดี”
พท.ชี้ปรับโควตารอฟัง‘ภูมิธรรม’
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายหลังหลังจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้รับการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ถึงโควตารัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่าอาจจะมีการพูดคุยโควตากันใหม่ว่าขอให้ฟังจากนายภูมิธรรมเป็นหลักเพราะเรื่องของฝ่ายบริหาร ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวตอนนี้ ซึ่งคาดว่าน.ส.แพทองธาร คงจะต้องแจ้งมาอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าสำหรับรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะในขณะนี้ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯก่อน ให้ น.ส.แพทองธารเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างสมบูรณ์ก่อน แล้วค่อยกลับมาพูดถึงฝ่ายบริหาร
ตั้งครม.ใหม่ต้องระมัดระวังมากขึ้น
เมื่อถามอีกว่ามีหลายคนมองว่าการที่ น.ส.แพทองธารมาจากตระกูลชินวัตร แล้วในอนาคตอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอย่างที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยจะมีวิธีการอย่างไรหากมีเหตุเกิดขึ้นจริง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าส่วนตัวมองว่า อย่าให้เกิดขึ้นดีกว่า ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯทำให้หลายฝ่ายต้องระมัดระวัง จากที่ตนได้พูดคุยมาไม่ใช่เพียงฝ่ายการเมืองเท่านั้น แม้กระทั่งฝ่ายข้าราชการประจำก็รู้สึกว่าต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะเมื่อการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาค่อนข้างที่จะกว้างเพราะเมื่อตีความคุณสมบัติ และมีคำว่าจริยธรรมเข้ามา จึงมองว่าการที่จะจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมาในตอนนี้หลายฝ่ายจะต้องวิเคราะห์ให้ดี และอาจจะต้องมีการส่งตีความรายบุคคลเพื่อป้องกัน และอาจจะต้องส่งให้กฤษฎีกาช่วยตรวจสอบและมีการออกเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะจากกรณีนายเศรษฐาที่แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นเพียงการสอบถามไป โดยไม่มีลายลักษณ์อักษรจึงต้องมีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
จัดตั้งรบ.ช้าแต่ชัวร์/ผวามีปัญหา
เมื่อถามต่อว่าหากต้องมีการตีความคุณสมบัติเป็นรายบุคคล ก็จะทำให้การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีความล่าช้าเกิดขึ้น นายสรวงศ์ กล่าวว่าหากการจัดตั้งล่าช้าแต่ชัวร์ ก็จะไม่เกิดปัญหา ดีกว่ารีบตั้งแล้วมีปัญหาตามหลัง เพราะเมื่อมีปัญหาแล้วการบริหารประเทศก็จะชะงัก อย่างเช่นกรณีเมื่อวาน(16ส.ค.)ภายหลังเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วเสร็จ ทางฝ่ายสภาก็มีการแก้ไขเอกสารหลายรอบซึ่งฝ่ายราชการเองก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะเป็นผู้เสนอชื่อ เนื่องจากมีบทเรียนในครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าผู้เสนอชื่อจะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรแต่ในส่วนของข้าราชการก็กลัวว่าหากเกิดอะไรขึ้นมา ก็จะได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย ดังนั้น ทุกคนจึงต้องระมัดระวัง และมองว่าช้าแต่ชัวร์จะดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไรขณะนี้ประเทศไทย ก็มีรัฐบาลรักษาการอยู่
ขอโอกาส‘อิ๊ง’ทำงานก่อน
เมื่อถามย้ำว่าน.ส. แพทองธารได้มีการพูดคุยกับสส.อย่างไรภายหลังได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์กล่าวว่า น.ส.แพทองธารได้ขอบคุณ สส. ที่โหวตเลือกตนให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยส่วนตัวของน.ส.แพทองธาร เป็นคนทำงานเป็นทีมอยู่แล้ว และมั่นใจว่ามีทีมที่ดี ไม่ว่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค คนรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นน้องในพรรค น.ส.แพทองธาร ก็มองว่าทุกคนคือทีมเดียวกัน ซึ่งก็ต้องมองไปข้างหน้าว่าการบริหารประเทศจะเป็นอย่างไร และต้องพูดตามตรงว่าคนภายนอกที่มองเข้ามากับคนที่ปฏิบัติอยู่หน้างานจริงก็มีมุมที่มองต่างกัน ซึ่งตนในฐานะเลขาธิการพรรค ขอให้ประชาชนให้โอกาส น.ส.แพทองธารในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
สานต่อเศรษฐกิจฐานราก
ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” และการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ภาคใต้ จัดโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) โดยมี นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านจากทุกอำเภอในภาคใต้ เข้าร่วม
นางสาวจิราพรกล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เป็นนโยบายที่ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ในรัฐบาลภายใต้การนำของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อเป็นแหล่งเงินให้พี่น้องประชาชนใช้ในการสร้างงาน สร้างอาชีพ ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กองทุนหมู่บ้านยังคงมุ่งลดความเหลื่อมล้ำของครัวเรือนอย่างยั่งยืน ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มเปี่ยมจะสานต่องาน และสร้างความสำเร็จใหม่ให้แก่นโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนซึ่งกำลังก้าวสู่ปีที่ 23 โดยเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจฐานราก บนหลักการประชาธิปไตย เปิดพื้นที่ให้ ‘ประชาชนคิด ประชาชนใช้ ประชาชนจัดการ’ สร้างกระบวนการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ สร้างความกินดี อยู่ดี ให้กับชุมชนต่อไป
นางสาวจิราพรกล่าวว่า กิจกรรมนี้ได้จัดขึ้นใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ สะท้อนว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้ถือเป็นพื้นที่แรกที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เลือกลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน และได้กลับมาลงพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ กิจกรรม “กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” ณ จังหวัดสงขลา เป็นกิจกรรมที่สามหลังจากที่จัดมาแล้วสองครั้ง ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่งจากสมาชิกกองทุน โดยหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมในภาคกลางที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้
รทสช.ยึดโควตาเดิม/อาจเปลี่ยนคน
ในซีกพรรคร่วมรัฐบาล นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงโควตารัฐมนตรีในส่วนของพรรครทสช.ภายหลังน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีว่าในที่ประชุมสมาชิกพรรคครั้งล่าสุดก่อนที่จะมีการโหวตเลือกน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯซึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช.ยืนยันว่า ทุกตำแหน่งในโควตารัฐมนตรี ยังเป็นโครงสร้างเหมือนเดิมหมดทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม
นายอัครเดช กล่าวว่า ส่วนผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคได้มีมติ ให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งนายพีระพันธุ์ คงจะปรึกษากับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสม ดังนั้นจะเป็นบุคคลเดิมหรือไม่ ก็เป็นอำนาจการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค รวมถึงโควตารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ยังว่าง เนื่องจากนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออก ก็ต้องหาคนใหม่เช่นกัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า จะมีการริบโควตากระทรวงพลังงาน คืนจากพรรค รทสช. นายอัครเดช กล่าวว่า ไม่มี หัวหน้าพรรคยังยืนยันว่า ที่ตกลงกันล่าสุด ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหมด
“พิมพ์ภัทรา”หลุดเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา มีมติโหวตเลือกน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31
โดยในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรครทสช.มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาโควตารัฐมนตรีในส่วนของพรรค ตามโควตาเดิม คือรัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง โดยจะมีการปรับเปลี่ยนเพียง 1 ตำแหน่งคือตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม แทน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล และตำแหน่งรมช.ที่ยังว่างอยู่ ซึ่งพรรคกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นบุคคลภายในหรือบุคคลภายนอก
ส่วนตำแหน่งรมว.พลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงดำรงตำแหน่งเดิม ขณะที่ตำแหน่งรมช.พาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น ยังคงดำรงตำแหน่งตามเดิมเช่นกัน
‘สุวิทย์’ฝากสร้างรัฐที่น่าเชื่อถือ
ในส่วนของมุมมองหลังน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเสียงโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย น.ส.ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โพสต์เฟชบุ๊กในหัวข้อ รัฐบาลชุดใหม่ กับ การสร้าง “รัฐที่น่าเชื่อถือ”ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเมืองไทยติดอยู่ในวงจรอุบาทว์ของการปฏิวัติรัฐประหารกับการเลือกตั้ง ไม่สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้ คือ การขาดซึ่ง “รัฐที่น่าเชื่อถือ”(Credible Government) “รัฐน่าเชื่อถือ” คือ รัฐที่มาด้วยความชอบธรรม (Legitimacy) บริหารราชการแผ่นดินโดยยึดคุณธรรมจริยธรรม (Integrity) เป็นที่ตั้ง และมีความรู้ความสามารถ (Capability) ในการขับเคลื่อนประเทศ
“การไม่มีรัฐที่น่าเชื่อถือ ส่งผลให้ 1.นิติรัฐ นิติธรรมบกพร่อง 2. เกิดความขัดแย้งที่เรื้อรังและรุนแรง
3. คอร์รัปชั่นเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า 4. นโยบายที่เป็นการปรับเปลี่ยนระดับฐานราก หรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว จะไม่ถูกผลักดัน แต่จะถูกแทนที่ด้วยนโยบายประชานิยมอย่างเข้ม 5. ขาดพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน”อดีต รมว.การอุดมศึกษาฯระบุ
และว่าจอห์น เอฟ เคเนดี อดีตประธานาธิบดีอเมริกา เคยกล่าวไว้ว่าการเป็น“ผู้นำประเทศ”ที่ดีนั้น ต้องสามารถตอบคำถามตัวเองใน 4 ข้อดังต่อไปนี้ 1. Am I a man of Integrity ? มีความซื่อตรงต่อตนเองหรือไม่ 2. Am a man of Courage ? มีความกล้าหาญในการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆของบ้านเมืองหรือไม่ 3. Am I a man of Justice ? มีความเที่ยงธรรมมากน้อยแค่ไหน 4. Am I a man of Dedication ? มีความเสียสละเพื่อประเทศชาติมากน้อยเพียงใด นี่คือ Political Mentality ที่แตกต่างของผู้นำที่เป็น“รัฐบุรุษ”กับ“นักการเมือง” ต้องขอฝากนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ในการสร้าง “รัฐที่น่าเชื่อถือ” เพราะรัฐที่น่าเชื่อถือเท่านั้น ที่จะสร้างความมั่นใจ (Confidence) และได้รับความไว้วางใจ (Trust) จากประชาชนและประชาคมโลก
นักวิชาการผ่าจุดอ่อน-จุดแข็ง‘อุ๊งอิ๊ง’
ด้าน นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่31ว่าเป็นการมาตามกติกา แต่ถือเป็นไฟลต์บังคับ ไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งจุดอ่อนคืออายุน้อย ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่จุดแข็งคืออยู่ในพรรคที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ และการมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นพ่อ ก็ถือเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง การให้คำแนะนำ ก็ปฏิเสธไม่ได้ในฐานะพ่อ-ลูก และอดีตนายกฯที่ควรรับฟัง แต่มองว่านายทักษิณ ต้องไม่ฉายรัศมีทับน.ส.แพทองธาร โดยต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
มีเป็นงานหนักรอ ต้องทำงานชัดเจน
นางสิริพรรณ มองอีกว่าจุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้ามาทำงาน คือ ต้องมีคำขอโทษ หรือคำอธิบายในการที่ไม่สามารถรักษาสัญญาในการหาเสียงได้ ที่จับมือกับพรรคการเมืองที่ทำรัฐประหาร ขณะที่การทำงานในแต่ละเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่นโยบายยังไม่เป็นรูปธรรมในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาจึงต้องมีทีมยุทธศาสตร์ มาดูแลเฉพาะแต่ละเรื่องและต้องเป็นทีมที่มีประสบการณ์มาแสดงฝีมือ ทำผลงานให้เกิดความชัดเจน รวมถึงการสื่อสารต้องตรงไปตรงมาและจริงใจกับสังคมและประชาชน เช่นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตจะไปต่อหรือไม่หรือจะตัดสินใจอย่างไร ต้องรวดเร็ว หากไม่เดินหน้าต่อ ก็ต้องมีนโยบายมาทดแทน ก็ต้องเร่งด่วน
ทั้งนี้ การได้น.ส.แพทองธาร มาเป็นนายกฯก็ทำให้การเมืองกลับมาสู่จุดเดิม แต่ในบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม ส่วน น.ส.แพทองธาร จะรับมือไหวหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่หนักแน่นอน เพราะเป็นงานใหม่ ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์เป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน
ห่วงรสร้างเงื่อนไขกลับไปสู่รัฐประหาร
“แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว และเป็นคนที่มาจากการเลือกตั้งประชาชนก็เลือกมาโดยอ้อมในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค จริงๆก็ตรงกว่าคุณเศรษฐาหรือคุณชัยเกษมด้วยซ้ำก็ถือว่าเขาได้เลือกทางนี้ การแบกภาระทั้งหลายก็เป็นหน้าที่ เราก็คงได้แต่เฝ้ามอง และถ้าไม่ไหว ก็คงยุบสภาเอง เพราะเป็นอำนาจที่อยู่ในมืออยู่แล้วแต่ที่ไม่อยากเห็นเลยก็คือการแช่งหรือหาช่องทางปูไปสู่การรัฐประหารในอนาคต นี่คือ สิ่งที่ไม่อยากเห็น พอคุณแพทองธารเข้ามาในเงื่อนไขใหม่ สิ่งที่เราต้องระวังที่สุด คือ การไม่ไปสร้างเงื่อนไขเดิมที่จะย้อนกลับไปอันนี้คือสิ่งที่ต้องระวัง“ นางสิริพรรณ ย้ำทิ้งท้าย
อดีตบิ๊กข่าวกรองชี้ทำไมต้อง’อุ๊งอิ๊ง’
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเรื่อง “ทำไมต้อง อุ๊งอิ๊ง” ระบุว่า การเจรจาโต๊ะกลมที่บ้านจันทร์สิ่งหล้า ชื่อแรกที่โผล่มาคือ ชัยเกษม แต่ไม่ทันข้ามวัน ชัยเกษมถูกตียับ สารพัดเรื่องถูกขุดขึ้นมา ชัยเกษมเป็นเหยื่อตัวล่อชั้นดี ไม่เชื่อแต่แรกแล้วว่า ชัยเกษมจะใช่ เพราะไม่ใช่โคตรเหง้าตระกูลชิน สมัครคือบทเรียน เข็ดขยาด สั่งไม่ได้
ความจริง ชัยเกษมมีคุณสมบัติที่ดีมาก เคยเป็นอดีตอสส.มีประสบการณ์ รู้งานเคยเป็นมาหมด รองนายกรัฐมนตรีไม่ต้องมีพี่เลี้ยง ไม่ต้องมีคนคอยกระซิบ จุดอ่อนชัยเกษมคือ แม่นกฎหมายมากไปรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรที่เสี่ยงคุก ให้เสี่ยงทำอะไรที่ผิด ไม่เอาด้วยแน่นอน สู้ตั้ง อุ๊งอิ๊งดีกว่า สืบทอดมรดกตระกูล พ่อก็เป็นแล้ว.อาก็แล้ว. ลูกอีกสักคน ให้ประวัติศาสตร์จารึกกันไปเลย เป็นนายกกันทั้งตระกูล ปลื้มปริ่มกันไป ใครจะทำไม
‘นิพิฏฐ์’ชี้’ทักษิณ’แอบยิ้มมุมปาก?
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก จากกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า “พรรคการเมืองบางพรรค สู้กับคุณพ่อมาตลอด วันนี้เมื่อคุณลูกเป็นนายกรัฐมนตรี กลับเห็นชอบ หรือ งดออกเสียง คุณพ่อแอบยิ้มที่มุมปากอยู่นะ”
คนเกลียดพ่อพาลเกลียดลูกสาว
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก ภายหลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า
“น่าสงสาร ตอนนี้คนเกลียดพ่อไม่แยกแยะเลยพาลเกลียดลูกสาวไปด้วย”
ปชป.เร่งชวนสมัครสมาชิกทั่วปท.
ผศ.ดร.เจนจิรา รัตนเพียร รองโฆษกประชาธิปัตย์(ปชป.)กล่าวว่าจากการประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.)ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญ เรื่องการเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรคฯเพื่อให้พรรคเดินหน้าทำงานร่วมกับสมาชิกพรรคได้อย่างเข้มแข็ง และมีพลังมากขึ้น เพราะการขับเคลื่อนกิจกรรมของพรรคจำเป็นจะต้องมีสมาชิกในแต่ละจังหวัด เข้ามาช่วยคิด ช่วยทำ เพื่อให้แนวทางการทำงานของพรรค เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะมุ่งเน้น เรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ การขจัดความขัดแย้ง และพุ่งเป้าไปยังการสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียม ให้เกิดขึ้นกับประชาชน แม้พรรคประชาธิปัตย์มี สส. 25คน แต่ทุกคนพร้อมทำงานหนัก เพื่อจะสร้างสังคมให้มีความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้น ดังนั้นที่ประชุม กก.บห.จึงให้ผู้บริหารพรรค สส. ประธานสาขาพรรค ตัวแทนประจำจังหวัด ตลอดจนสมาชิกพรรคที่มีศักยภาพ ช่วยสื่อสารกับประชาชน ออกรณรงค์รับสมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ
รับสมัคร2ครั้งปชช.ตื่นตัวกันมากขึ้น
รองโฆษกประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ช่วงต้นเดือนสิงหาคม พรรคปชป.ได้เริ่มดำเนินการรับสมัครสมาชิกแบบเคาะประตูบ้าน ที่ จ.สงขลา โดยมีน.ต.สุธรรม ระหงษ์ รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรค นำคณะเจ้าหน้าที่พรรคลงพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอรัตภูมิ อำเภอควนเนียง และอำเภอสิงหนคร ไปพบปะประชาชนรับเรื่องราวร้องทุกข์และรับสมัครสมาชิกใหม่ โดยมีผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคแบบรายปี มาสมัครเป็นสมาชิกตลอดชีพ เป็นจำนวนมาก และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคร่วมกับนายพินิจ กาญจนชูศักดิ์และบรรดาสก.ในสังกัดพรรคพร้อมดีตผู้สมัครกทม.หลายเขตได้รับสมัครเป็นสมาชิกพรรคที่เขตสัมพันธวงศ์ ได้รับความสนใจจากชาวกรุงเทพเกินความคาดหมาย จากการออกรับสมัครสมาชิกพรรคทั้ง 2ครั้ง พบประชาชน ตื่นตัวกับการเป็นส่วนหนึ่งกับพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น
ขอโอกาสพร้อมขับเคลื่อนไปด้วยกัน
“พรรคได้ตั้งเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนในการเปิดรับสมาชิกพรรคจากทั่วประเทศ พร้อมจะขับเคลื่อนพรรคไปด้วยกัน จึงได้มีการปรับวิธีการรับสมัครสมาชิกให้มีความสะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ตรวจสอบได้ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพราะสมาชิกพรรค เป็นหัวใจของพรรคและด้วยความเป็นสถาบันทางการเมือง พวกเราจึงมีความพร้อมในการทำงานอย่างเต็มที่ในทุกหน้าที่ ขอโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาความศรัทธาจากพี่น้องประชาชนอีกครั้ง เพื่อให้พวกเราได้มาสร้างประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นหลักสืบไป”ผศ.ดร.เจนจิราย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี