พรรคประชาชนวุ่น
ถูกร้องจี้กกต.สอบ
กรณีรับเงินบริจาค
ผ่านบัญชีคนกลาง
“ราเชน” หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ยื่นร้องปธ.กกต.ขอให้ตรวจสอบ พร้อมชี้แจง-ตอบให้ชัด ปมไฟเขียว“พรรคประชาชน”ใช้“บัญชีคนกลาง”รับบริจาคเงิน ทำได้หรือไม่?หวั่นบุคคลต้องห้าม “ต่างด้าว-อายุ 16”เอี่ยวบริจาค จี้ กกต.ใช้อำนาจเรียกเอกสารสอบเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 นายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อให้ตรวจสอบข้อสงสัยเนื่องจากพรรคประชาชนออกมาแถลงว่ามีการบริจาคเงินผ่าน บัญชีคนกลาง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพรรคการเมือง จะมีบัญชี 3บัญชีคือ บัญชีพรรคการเมือง,บัญชีที่รับบริจาคและบัญชีขอเงินอุดหนุน
โดย นายราเชนทร์ กล่าวว่า ตามปกติหากประชาชนประสงค์ที่จะบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองสามารถบริจาคเข้าโดยตรงกับบัญชีของพรรคการเมืองที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไป เมื่อเปิดบัญชีกับธนาคารพาณิชย์แล้วภายใน 7 วัน พรรคการเมือง จะต้องส่งบัญชีให้กับ กกต.เป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติโดยทั่วไปของพรรคการเมืองอย่างถูกต้องแต่ล่าสุดกรรมการบริหารพรรคประชาชนออกมาแถลงว่าการบริจาคเงินของพรรคประชาชนต้องผ่านบริษัทกลางก่อน หรือบัญชีกลางก่อน แล้วถึงจะบริจาคเงินให้กับบัญชีของพรรค
“ผมจึงตั้งข้อสังเกตและข้อสงสัยว่า ทำไมจึงต้องบริจาคผ่านบัญชีกลางก่อนมีบริษัทกลาง แล้วค่อยนำส่งเงินให้กับบัญชีของพรรคประชาชน ดังนั้น บัญชีที่เป็นบัญชีกลาง จะตรวจสอบการโอนเงินได้อย่างไรและตรวจสอบได้หรือไม่ จึงขอให้กกต.ดำเนินการ อีกทั้งในการตรวจสอบบัญชีสามารถตรวจสอบลงลึกว่ามีบุคคลต้องห้ามในการบริจาคให้กับพรรคการเมืองหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 24 ที่ระบุว่า บุคคลต่างด้าวที่ไม่ใช่สัญชาติไทยถือว่าเป็นข้อห้ามในการที่จะบริจาคให้กับพรรคการเมือง เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินการของพรรคการเมือง”นายราเชน ย้ำ
นายราเชนกล่าวอีกว่าพรรคประชาชนได้ทำหนังสือสอบถามถึงกกต.และกกต.อนุญาตตนจึงตั้งประเด็นนี้เพื่อสอบถามกกต.ว่าถ้าบัญชีแบบนี้สามารถทำได้หรือไม่ และ กกต.อนุญาตได้อย่างไร แล้ววิธีการตรวจสอบ กกต.จะตรวจสอบกับธนาคารพาณิชย์ที่เปิดบัญชีได้อย่างไร หากมีบุคคลต้องห้ามในการบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองแต่เป็นบัญชีที่ถูกกลั่นกรองมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงอยากให้ กกต.ทำความกระจ่างให้กับสาธารณชน โดยการตรวจสอบว่า มีบุคคลต้องห้ามได้บริจาคให้กับพรรคการเมืองหรือไม่ ถ้ามีการบริจาคก็ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นกกต.ต้องเร่งดำเนินการให้กระจ่าง
“ตามที่เขาแถลงบอกว่าได้ทำเรื่องขออนุญาต กกต.แล้ว แต่วิธีปฏิบัติทั่วๆไป ผมเชื่อได้ว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนเขาถาม เพราะปกติแล้วจะโอนให้กับพรรคการเมืองโดยตรงเลย เพราะบัญชีที่เปิดมาทุกบัญชี ไม่ว่าจะเป็นบัญชีอุดหนุน,บัญชีเงินบริจาค และบัญชีสมาชิก เขาจะต้องระบุชัดเจนเลยว่าเปิดบัญชีเพื่ออะไร แล้วทุกเดือนจะต้องไปอัพเดท และทุกปีต้องทำงบดุล แล้วต้องส่งให้กกต.ตรวจสอบทุกเดือนและการที่มีบัญชีกลางแบบนี้ ผมก็เพิ่งทราบว่า มีบัญชีกลางในการรับบริจาคก่อนกรรมการบริหารพรรคประชาชนได้แถลงจึงตั้งข้อสังเกตเพื่อให้ กกต.ดำเนินการอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา เพราะเกรงว่าจะมีบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติในการบริจาคให้กับพรรคการเมืองปะปนอยู่ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีบุคคลที่มีอายุแค่ 16 ปี เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ทั้งที่ตามกฎหมายกำหนด จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ดังนั้น ก็อาจมีประเด็นเหล่านี้หลุดเข้าไปได้เหมือนกันไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ จึงจำเป็นต้องยื่น กกต.ตรวจสอบโดยด่วน” นายราเชน กล่าวว่า
นายราเชน กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ กกต.ชี้แจงว่าพรรคการเมืองมีอำนาจทำได้หรือไม่ตามที่ได้กล่าวอ้าง ถ้าทำได้จริงประเด็นต่อมาคือการจะตรวจสอบบัญชีเหล่านั้นสามารถทำได้หรือไม่ เพราะตอนนี้มีข้อกำหนดว่าจะต้องส่งบัญชีให้ กกต.ตรวจสอบ และ กกต.มีอำนาจทางกฎหมายที่จะเรียกตรวจสอบบัญชีบุคคลภายนอกหรือไม่ และบัญชีกลางสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่ามีบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะสนับสนุนบริจาคให้กับพรรคการเมือง ซึ่งมองว่าทั้ง 2 ประเด็น เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะประเด็นที่มีบุคคลต้องห้ามบริจาคเข้ามาหรือไม่ จึงต้องเร่งตรวจสอบโดยด่วน
เมื่อถามว่าบุคคลที่มีอายุ 16 ปี สามารถบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองได้หรือไม่ นายราเชน กล่าวว่า จะต้องไปตรวจสอบและจะต้องไปดูข้อกฎหมายว่าอายุ 16 ปี สามารถบริจาคเงินได้หรือไม่ โดยบริจาคในลักษณะไหนอย่างไร โดยกฎหมายวางกรอบไว้ค่อนข้างชัดเจนว่าทุกอย่างต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบลงลึกในรายละเอียด กกต.มีกฎหมายว่าจะลงโทษสั่งปรับ โดยมีมาตรการจากเบาไปหาหนักอยู่แล้ว ปรับตั้งแต่ 50,000 บาท หรือวันละ 1,000 บาท จนกว่าจะปรับปรุงให้แล้วเสร็จแล้วแต่ประเด็น
ส่วนจะยุบพรรคหรือไม่ อยู่ที่กฎหมายของ กกต.เรื่องนี้ กกต.จะต้องดำเนินการทันที แล้วต้องตอบคำถามให้กับสังคมภายใน 3 - 7 วันด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องไม่ยาก ก็ขอให้ กกต.ใช้อำนาจเรียกเอกสารแล้วตรวจสอบว่ามีบุคคลต้องห้ามหรือไม่ ถ้ามีบุคคลต้องห้ามต้องดำเนินการทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี