สื่อญี่ปุ่นจับตา"ทักษิณ" ฝากแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจถึง"นายกฯอุ๊งอิ๊งค์" เชื่อเลือกตั้งหนหน้า"เพื่อไทย"ไม่แพ้อีกแน่

เมื่อวันที่ 23 สิงหสคม 2567 นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น รายงานข่าว Thailand's Thaksin says U.S. to toughen trade stance after election ระบุว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งได้รับเชิญไปบรรยายในงานของสำนักข่าวท้องถิ่นในประเทศไทย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลไทยควรดำเนินการ อาทิ

1.การรับมือท่าทีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งใกล้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. 2567 แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้รับชัยชนะ สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำอย่างแน่นอนคือทบทวนความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศต่างๆ ใหม่ และไทยเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากค้าขายแล้วเกินดุลสหรัฐฯ

2.การรับมือสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน ปัจจุบันสินค้าจากจีนทะลักเข้าสู่ประเทศไทยผ่านแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์ จนเริ่มมีกระแสโกรธแค้นจากประชาชนชาวไทย นายทักษิณยืนยันว่าไม่ได้รังเกียจสินค้าจีน แต่แนะนำให้ไทยใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ให้ธุรกิจของไทยสามารถแข่งขันได้อย่างไม่ถูกเอาเปรียบ

3.การแก้ปัญหาหนี้สิน ซึ่งหนี้สาธารณะนั้นแก้ไม่ยากหากสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) เติบโต และการขยายฐานภาษี ก็สามารถปรับปรุงอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ได้ แต่ที่เป็นปัญหาอย่างมากคือหนี้ครัวเรือนของประชาชน  ที่มีมูลค่ามากกว่าร้อยละ 90 ของ GDP นายทักษิณ เสนอแนะให้รัฐบาลควรช่วยจ่ายเงินให้ผู้ซื้อหนี้เพื่อชำระหนี้เสียของสถาบันการเงิน เหมือนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นในสมัยที่ตนเป็นนายกฯ เพื่อฟื้นฟูการปล่อยสินเชื่อหลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย (วิกฤติต้มยำกุ้ง) ในช่วงปลายทศวรรษ 1990-ต้นทศวรรษ 2000

4.ต้องพยายามแสวงหาความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือธนาคารกลาง ให้นโยบายการคลังและการเงินเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเคารพความเป็นอิสระของธนาคารกลาง อย่างไรก็ตาม สื่อญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ มีความขัดแย้งกับ ธปท. เนื่องจากธนาคารกลางปฏิเสธที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบประชานิยม

5.นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต หรือการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท จะเป็นประโยชน์แบบยิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 3 ตัว ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ การฝึกให้คนไทยคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล และการสร้างแอปพลิเคชั่นที่สามารถเข้าถึงบริการทุกอย่างของหน่วยงานภาครัฐได้ด้วยแอปฯ เดียว อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของรัฐบาลอาจจะถูกเบิกจ่ายก่อนภายในเดือนกันยายนนี้ ให้กับกลุ่มที่เปราะบางที่สุด 13 ล้านคน รวมถึงผู้พิการอีก 1 ล้านคน เมื่อได้รับเงินงบประมาณเพิ่มเติมแล้ว ผู้ลงทะเบียนใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล 30 ล้านคนตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 จะได้รับเงินเป็นกลุ่มต่อไป

“ชะตากรรมของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นไม่แน่นอนตั้งแต่ที่ เศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเกือบ 1 ปีที่แล้ว และยิ่งไม่แน่นอนยิ่งขึ้นไปอีกตั้งแต่ที่ แพทองธาร ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ต่อจากนายเศรษฐา คำมั่นสัญญาในการหาเสียงดังกล่าวก่อให้เกิดความท้าทายทางกฎหมาย การเงิน และเทคนิคสำหรับพรรครัฐบาล” สื่อญี่ปุ่น ระบุ

6.การใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งและการแข่งขันของ 2 มหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งนายทักษิณ กล่าวถึงอุตสาหกรรมหลายอย่าง เช่น อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ ศูนย์ข้อมูล และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยย้ำว่า ประเทศไทยต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ผลิตชิปและนักออกแบบที่ต้องการขาย ไม่ว่าสหรัฐฯ จีน หรือสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่ต้องมีข้อจำกัดด้านมาตรการกีดกันทางการค้า ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไทยต้องเป็นฐานการผลิตสำคัญของรถยนต์ที่ใช้พวงมาลัยด้านขวา และต้องเริ่มเจรจาเพื่อให้ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศตั้งแต่วันนี้

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อดีตนายกฯ ทักษิณซึ่งดูเหมือนมี “สีหน้าของผู้ชนะ” ได้วินิจฉัยถึงปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในช่วงกว่าทศวรรษครึ่ง นับตั้งแต่ที่เขาหลบหนีออกจากประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตั้งข้อหาหลังจากรัฐบาลของเขาถูกโค่นอำนาจจากการรัฐประหาร ขณะที่ลูกสาววัย 38 ปี ของเขาอย่าง น.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ไม่ได้มาร่วมฟังการบรรยายของผู้เป็นพ่อ ทั้งนี้ นายทักษิณเพิ่งพ้นโทษจากคดีทุจริต หลังจากที่เริ่มกระบวนการรับโทษเมื่อเขาเดินทางกลับสู่ประเทศไทย เมื่อเดือน ส.ค. 2566

ในการบรรยายครั้งนี้ นายทักษิณ ได้กล่าวถึง น.ส.แพทองธาร เพียงเล็กน้อย ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ถูกมองว่าเป็นตัวแทนสืบทอดอำนาจของนายทักษิณ เนื่องจากนายทักษิณไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อีกต่อไปด้วยเหคุที่เคยมีประวัติต้องโทษ ขณะที่พรรคการเมืองในขั้วของนายทักษิณ ยังคงได้รับความนิยมจากประชาชนจากนโยบายที่เคยทำมา เช่น หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค แต่อีกด้านหนึ่ง นโยบายอย่างรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาตลาด ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ได้ช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศ

ในช่วงท้ายของงาน พิธีกรได้ถามเรื่องการแข่งขันทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน หลังพรรคก้าวไกลถูกยุบโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายทักษิณ เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2566 ที่พรรคเพื่อไทยแพ้พรรคก้าวไกล เพราะ น.ส.แพทองธาร ลาคลอดในช่วงท้ายของการหาเสียง และเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะกลับมาชนะได้อย่างแน่นอน รวมถึงชี้ข้อแตกต่างว่า ในขณะที่พรรคก้าวไกล-พรรคประชาชน เน้นเรื่องสถานะ แต่พรรคเพื่อไทยเน้นโอกาส

“พวกเขาคิดว่าทุกคนควรเท่าเทียมกัน แต่ในสังคมไทย เราเคารพอาวุโสและคุณสมบัติ” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ ยังตอบคำถามเรื่องเสียงวิพากษ์วิจารณ์การย้ายขั้วจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในปี 2566 จากการจับมือกับพรรคก้าวไกล ไปร่วมกับพรรคการเมืองในขั้วอนุรักษ์นิยมด้วยว่า ไม่ใช่ว่าตนจำไม่ได้ แต่ตนอยากมองไปสู่อนาคต บางคนบอกว่าตนไม่ใช่คนของเขาอีกต่อไปแล้ว' แต่หากเราไม่มีความสามัคคีกันก็ทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทยสูญเสียการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการสำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้ง ตรงข้ามกับพรรคก้าวไกลได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้น เนื่องจากผู้มีสิทธิออกเสียงเริ่มเชื่อมั่นว่าทักษิณจะข้ามฝั่งไปจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มพรรคอนุรักษ์นิยม

- 006