‘ทวี’โยนรพ.ตร.

คุมวงจรปิดรักษา‘เทวดา’

ชิ่งคำถามมี‘คนต้องติดคุก

“ทวี” แจง กรณี ป.ป.ช. ทวงไฟล์ภาพวงจรปิด เป็นหน้าที่ของ รพ.ตำรวจ ราชทัณฑ์ ไม่มีอำนาจไปล้วงลูก ก่อนรีบหนีวงสัมภาษณ์หลังสื่อจี้ถามประเด็นร้อน “เสรีพิศุทธ์” อ้างต้องมีคนติดคุก ด้าน“อดีต สส.วัชระ” ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมคุก”ขอรายชื่อผู้คุมนักโทษเทวดาทั้งหมด

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ กรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดข้อความแชตไลน์ ยืนยันการเข้าพบ “นายทักษิณ ชินวัตร“ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ขณะนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำ ภายหลังจากที่นายทักษิณ เคยปฏิเสธเรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชน โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกมาระบุว่าตนเองได้เข้าพบนายทักษิณถึง 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2566 และอีกครั้งในวันที่ 10 ก.พ. 2567 พร้อมเตรียมเเฉอาการเจ็บป่วยของอดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ก่อนประกาศกร้าวว่าคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จะต้องรับผิดชอบ หรือต้องเข้าคุก ต่อมานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมายืนยันว่าไม่เคยอนุญาตให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าได้มีการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 2 ครั้ง ว่า อาการเบื้องต้นที่มีการชี้แจงมาไม่เป็นความจริงนั้น พ.ต.อ.ทวี เผยว่า กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมพร้อมที่จะรับฟังข้อมูลจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อยู่แล้ว และกระทรวงยุติธรรมก็เปิดกว้าง ซึ่งสิ่งที่สำคัญในตอนนี้กรมราชทัณฑ์ได้ไปชี้แจงกับ ป.ป.ช. และการตอบคำถามสังคมที่ดีที่สุด คือ กระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรมยินดีรับฟังข้อมูล

เมื่อถามว่าการเข้าเยี่ยมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนเองได้มีการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จำนวนทั้งหมด 2 ครั้งนั้น กระบวนการเข้าเยี่ยมเป็นอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตามที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ถ้ามีข้อมูลอะไรก็ขอให้ส่งมาได้ ซึ่งท่านอาจจะไม่ได้ส่งมาที่กระทรวงยุติธรรมก็ได้ อาจจะส่งไปที่สำนักงาน ป.ป.ช.ก็ได้ หรือ ป.ป.ช. อาจจะไปเป็นผู้ซักถามท่านเองก็ได้ แต่ในประเด็นดังกล่าวทราบว่าทางกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของการปฎิบัติ

ต่อข้อถามถึงเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ พ.ต.อ.ทวี แจงว่า ทราบว่าทาง ป.ป.ช. ดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนที่บอกว่า ป.ป.ช. ยังไม่ได้รับไฟล์ภาพนั้น ก็ต้องไปถามทาง ป.ป.ช. กับ รพ.ตำรวจ เพราะเป็นหน่วยงานภายใน และไม่ได้เป็นหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ แม้ผู้ต้องขังจะอยู่ระหว่างการดูแลของกรมราชทัณฑ์ แต่กระทรวงยุติธรรมไม่สามารถไปติดกล้องวงจรปิดในหน่วยงานราชการอื่นได้

นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ออกมาบอกว่าเรื่องดังกล่าวจะต้องมีคนติดคุกนั้น ปรากฏว่า พ.ต.อ.ทวี ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวและเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ในทันที

วันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าวันนี้ได้ยื่นหนังสือถึงนายสหการณ์ เพ็ชรนริทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์

ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็น นช.ทักษิณ ชินวัตร หมายเลขประจำตัว ๖๖๕๐๑๐๒๖๖๘ อ้างว่ามีอาการเจ็บป่วยโดยนายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้อนุญาตให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมีแพทย์หญิง รายหนึ่ง ซึ่งเป็น แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นผู้เซ็นรับรอง นช.ทักษิณฯ จึงได้ไปรักษาตัวอยู่ที่ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งในคืนที่มีการอนุญาตให้ นช.ทักษิณฯ ไปโรงพยาบาลตำรวจมีนายวิษณุ เครืองาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครนั้น

อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ข้าพเจ้านายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ มีความประสงค์สำเนาคำสั่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ /เวรตรวจ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ที่มีอำนาจตรวจราชการเขตเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่เข้าเวรและตรวจเวรควบคุมดูแล นช.ทักษิณ ชินวัตร และสำเนารายงานการปฏิบัติราชการและสำเนาการเบิกเบี้ยเลี้ยงของข้าราชการทั้งหมดและรายชื่อผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาอาการเจ็บป่วยตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง จำนวน ๑ ชุด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการบริหารงานราชทัณฑ์ “รวมพลังขับเคลื่อน ๘ มิติยกระดับสร้างความเปลี่ยนแปลง” คือ มิติที่ ๘ พัฒนาระบบบริหารจัดการเพื่อขับเคลื่อนงานราชทัณฑ์ (บริหารจัดการองค์กรด้วยระบบธรรมาภิบาล ๖ ประการ คือ หลักคุณธรรม หลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักสํานึกรับผิดชอบและหลักความคุ้มค่า) นั้น

ข้าพเจ้าในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีอากรจึงขอใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องขอให้ท่านจัดทำสำเนาข้อมูลข่าวสารโดยด่วนที่สุด

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย หากผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบภายใน ๗ วันด้วย จะขอบคุณยิ่ง นายวัชระ กล่าวในที่สุด

ในบ่ายวันเดียวกันที่กระทรวงยุติธรรม นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสื่อร้องเรียนถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม จากกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ออกมาพูดถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ได้มีอาการป่วย แต่ขอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจและยืนยันว่าไปเยี่ยมนายทักษิณที่ชั้น 14 ถึง 2 ครั้ง โดยมีหลักฐานเป็นข้อความแชทจากคนใกล้ตัวของนายทักษิณว่าด้วยให้ตนเข้าไปพบที่โรงพยาบาล

โดยทนายอั๋น กล่าวว่า ตนเองต้องการมาพบกับ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ถึงการแถลงข่าวของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ที่เข้าไปเยี่ยมนายทักษิณที่ชั้น 14 ปรากฏว่านายทักษิณไม่ได้อยู่ชั้น 14 ตลอดเวลา และไม่มีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์อยู่ด้วย ตนเองจึงมองว่าการแถลงนั้นทำให้สังคมสงสัยจึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงประเด็นที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แถลงในครั้งก่อนว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นจริงก็อยากให้ รมว.ยุติธรรมสั่งการเอาผิดกับตัวรัฐมนตรีเอง และกรมราชทัณฑ์ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคนเพื่อรักษากระบวนการยุติธรรม แต่หากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลของที่แถลงเป็นเท็จก็ขอให้ดำเนินคดีกับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าที่ออกมาเรียกร้องก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือฝ่ายใด