วันอาทิตย์ ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ถกงบฯวันแรกโหวตมาตรา 4  ‘ปชป.’ไม่มีพลิก  โหวตหนุนรบ.ตามมติพรรค

ถกงบฯวันแรกโหวตมาตรา 4 ‘ปชป.’ไม่มีพลิก โหวตหนุนรบ.ตามมติพรรค

วันพุธ ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567, 06.50 น.
Tag :
  •  

ถกงบฯวันแรกโหวตมาตรา 4

‘ปชป.’ไม่มีพลิก

โหวตหนุนรบ.ตามมติพรรค

‘จุรินทร์-บัญญัติ’ยกมือให้

พปชร.หนุน/ค้านฝั่งละ 14 คน

 

ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี’68 วันแรกภาพรวมจืดชืด ไม่มีการประท้วง-ปะทะฝีปาก เช็คเสียงโหวตมาตรา 4 ประชาธิปัตย์ มาแล้ว โหวตหนุนรัฐบาลตามมติพรรค “จุรินทร์-บัญญติ” ค้านหนักมาก่อนหน้าแต่สุดท้ายยกมือให้ ด้าน พลังประชารัฐ เสียงแตกเป็น 2 กลุ่ม “เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ” อย่างละ 14 คน ไม่ลงมติ 12 คน“ลุงป้อม” ตามคาดไม่แสดงตนร่วมประชุม

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระที่ 2 - 3 ที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งในวาระ 2 เป็นการเปิดอภิปรายจากผู้สงวนคำแปรญัตติแบบรายมาตรา และในวาระ 3 เป็นการเห็นชอบทั้งฉบับ โดยการประชุมวันนี้และวันพรุ่งนี้จะเริ่มประชุมในเวลา 09.00 น. ถึง 22.00 น. และวันที่ 5 ก.ย. เริ่มตั้งแต่ 09.00 น. และคาดว่าจะได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่างทั้งฉบับราว 21.00 น.


เน้นผลสัมฤทธิ์ที่ปชช.จะได้รับ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า คณะกรรมาธิการได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 68 ตั้งแต่ 26 มิ.ย.-28 ส.ค. 2567 คณะกรรมาธิการได้ให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ที่ประชาชนจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณที่มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยรับงบประมาณสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความจำเป็นความต้องการในพื้นที่ และแผนพัฒนาพื้นที่ทราบความต้องการของประชาชน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนหน่วยรับงบประมาณภายใต้หลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส และเป็นธรรม โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ปรับลดงบประมาณจำนวน 7,824,398,500 บาทถ้วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมในวันนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการไปมาก เพราะกำหนดการเริ่มประชุมเวลา 09.00 น. แต่เริ่มประชุมจริงในเวลา 09.33 น. เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ

“ศิริกัญญา”จวกตัดงบส่วนที่ไม่ควรตัด

ต่อมา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ขอปรับลดงบประมาณลงอีกราว 2 แสนล้านบาทให้เหลือ 3.5 ล้านบาทเศษ ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐวิสาหกิจถูกปรับลดไปครึ่งหนึ่งจากที่ของบประมาณมาบางหน่วยงานถูกตัดงบจนไม่เหลือเลย เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่ง ธ.ก.ส. ของบประมาณมา 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่อยู่ในแผนบริหารชำระหนี้ไม่ถูกตัดงบ แต่ส่วนของแผนยุทธศาสตร์กลับถูกตัดงบประมาณลงทั้งหมด รวมแล้วรัฐวิสาหกิจที่เป็นธนาคารของรัฐ ถูกตัดงบลงไป 3.5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดงบของหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม ตัดลงไป 7% ในโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟ ประมาณ 120 ล้านบาท, กระทรวงดิจิทัล ตัดงบประมาณของระบบเตือนภัย Cell Broadcast เนื่องจากซ้ำซ้อนกับงบของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของกระทรวงมหาดไทย ประมาณ 200 ล้านบาท ขณะที่สำนักนายกฯตัดงบงวดงาน และงบประมาณในส่วนของโครงการซอฟท์พาวเวอร์ ส่วนกระทรวงกลาโหมถูกตัดงบประมาณน้อยกว่าทุกปี งบบางส่วนที่ไม่ควรตัดกลับถูกตัด เช่น ธนาคารรัฐวิสาหกิจ และยังมีส่วนที่เป็นไขมันและยังรีดได้อีกมาก คือโครงการที่ซ้ำซ้อน ไม่สมเหตุสมผล ยังขาดเป้าหมายวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เช่น โครงการ Anywhere Anytime ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการถกเถียงว่าใช้งบประมาณทำแบบเรียนออนไลน์สูงเกินจริง

ซัดรบ.ชักดาบ5ธนาคาร3.5หมื่นล.

น.ส.ศิริกัญญา อภิปรายถึงนโยบายเติมเงินหมื่นผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ในส่วนของการปรับลดงบประมาณจาก 5 ธนาคาร รวมเป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น มีความประหลาด เพราะในชั้น อนุ กมธ. ไม่มีการปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนที่นำไปชำระหนี้ และเป็นเงินที่ใช้ในส่วนของโครงการค้างเก่า วันนี้เราไม่รู้ว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเดินไปทางไหน เงินที่ได้มาจะพอหรือไม่ หากไม่พอจะทำอย่างไรต่อ เพราะขณะนี้ไม่มีความชัดเจน ต้องรอรัฐบาลใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณตน และแถลงนโยบายก่อน ซึ่งไม่สามารถรู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ขณะนี้พบรายละเอียดที่จะเปลี่ยนเงินดิจิทัลเป็นเงินสด ให้กับ 14.5 ล้านคน ส่วนที่เหลือต้องหาเงินมาอีก 3.05 แสนล้านบาท เพื่อใช้แจกอีก 45 ล้านคน ดังนั้นรัฐบาลชักดาบ 5 ธนาคาร รวม 3.5 หมื่นล้านบาท ยังไม่รู้ว่าจะพอหรือไม่

“วีระ”กังวลรบ.ทำงบขาดดุลเรื้อรัง

นายวีระ ธีระภัทรานนท์ กรรมาธิการวิสามัญฯ ลุกขึ้นอภิปราย มาตรา4 ขอลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่ตั้งไว้ 3,752,700 ล้านบาท เหลือ 3,565,000,000 ล้านบาท โดยระบุว่า งบ2568 มีที่มาจาก 2ทางด้วยกัน ได้แก่ รายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ 287,000 ล้านบาท และมาจากการกู้เงินเพื่อชดเชยรายได้ที่ไม่เพียงพอ 865,000 ล้านบาท

“พูดแบบชาวบ้านก็คือ เงินกูไม่พอ เลยต้องใช้เงินกู้มาเติม ตรงนี้ผมมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจัดงบประมาณขาดดุล แล้วก็กู้เงินชดเชยการขาดดุลงบประมาณมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนทำให้ภาระหนี้สินในรูปของหนี้สาธารณะพอกพูนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การทำงบประมาณแบบขาดดุลเรื้อรังดังกล่าว สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ที่ห่วงใยฐานะการเงินการคลังของประเทศในอนาคตเป็นอันมาก หนึ่งในนั้นคือผม” นายวีระ กล่าว

หนี้สาธารณะพุ่งพรวด

นายวีระ กล่าวต่อว่า การขาดดุลงบประมาณเรื้อรังดังกล่าว ทำให้หนี้สาธารณะที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว สิ้นเดือน มิ.ย. ปี 2567 รัฐบาลมียอดหนี้สาธารณะคงค้างรวมกันทั้งสิ้นมากถึง 11.54 ล้านล้านบาท และเพิ่มเติมด้วยการกู้ขาดดุลงบประมาณ 25668 อีก 865,000 ล้านบาท เท่ากับว่ายอดคงค้างจะทะลุ 12 ล้านล้านบาท และอาจจะถูกสูงถึง 13 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี แต่ก็ยังไม่สำคัญว่าในอนาคตหากการจัดทำงบประมาณขาดดุลเรื้อรังยังดำเนินไปพร้อมกับการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลทุกปีไปเรื่อยๆ แบบนี้ เราจะต้องมีปัญหาทางด้านการเงินการคลังภาครัฐหนักหนาสาหัสอย่างแน่นอน

ชี้ไทยติดกับดักจัดทำงบแล้ว

นายวีระ ย้ำว่า เท่าที่ตนติดตามการทำงบประมาณอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 ปี ตนอยากบอกว่าบัดนี้ ประเทศเราได้ติดกับดักการจัดทำงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ภาระทางการคลังเพิ่มขึ้นทุกปี ถ้าหากดูการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐซึ่งเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ก็จะเข้าใจสิ่งที่ตนตั้งข้อสังเกต

นายวีระ เปิดเผยว่า งบ 2568 มีการตั้งค่าใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐสูงถึง 410,253 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการชำระคืนเงินต้นเพียงแค่ 150,000 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ยังไม่ต้องพูดถึงการชำระคืนนี่ให้สถาบันการเงินของรัฐที่ออกเงินแทนรัฐบาลไปก่อนซึ่งเป็นรายการงบประมาณที่มียอดคงค้างไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท นี่คือการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถานะการเงินการคลังของรัฐ ในปัจจุบันและอนาคตอย่างแท้จริง ถ้าหากไม่ยับยั้งหรือบริหารจัดการแก้ปัญหาเสียตั้งแต่ต้นมือ สิ่งที่เป็นภาระทางการคลังก็จะกลายเป็นความเสี่ยงทางการคลัง และสุดท้ายนำไปสู่วิกฤติการคลังได้ในที่สุด

“รทสช.”หวั่นประเทศขาดเชื่อมั่น

นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลุกขึ้นขอตัดลดงบประมาณ 5% โดยระบุว่า ตนไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก และขอเตือนด้วยความหวังดีว่าถ้าทำถูกก็ต้องชม ทำผิดก็ต้องเตือน วันนี้กรรมาธิการท่านส่งสัญญาณผิด ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพการคลัง ความเชื่อมั่นในประเทศไทยเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เพราะท่านส่งสัญญาณผิด เป็นเรื่องน่าตกใจ คือ กระทรวงการคลังบอกว่าจะไม่มีการแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่องการกำหนดอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และ พ.ร.บ.เงินตรา เหตุการณ์นี้ตกใจกันทั้งเอเชีย และขาดความเชื่อมั่น ที่ส่งสัญญาณผิดอย่างแรกคือท่านกู้มาแจก เพราะการแจกเงินไม่ได้ทำให้หายจนและงบประมาณนี้ที่ทำคือการแจกเงินไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศแม้แต่นิดเดียว รวมถึงขีดความสามารถในการพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งทุกประเทศทำหมด แต่เราทำน้อยมาก

“นอกจากกู้มาแจกแล้ว ท่านยังไม่ชำระหนี้อีก ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณผิดอย่างแน่นอน แม้จะเป็นเรื่องภายในอย่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ท่านจะไม่คืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้เขา ซึ่งทำให้คนต่างประเทศและนักวิเคราะห์ตกใจในพฤติกรรมกับความคิดของรัฐบาลว่าเป็นแบบนี้หรือ ที่ทำให้ความเชื่อมั่นนั้นหายไป” นายจุติ กล่าว และว่า อีกเรื่องหนึ่งคือท่านตัดงบประมาณที่ดูน้อย แต่เหมือนปีศาจซ่อนในรายละเอียด

สส.พท.หนุนงบกลางกระตุ้น ศก.

เวลา 12.20 น. สส.พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายสนับสนุนงบกลางในส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดย นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าให้จีดีพีโต 5% ซึ่งสิ่งที่จะช่วยได้ คือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต

ขณะที่ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนว่าตนไม่ตัดงบกลาง แต่จะขอเพิ่มแต่ทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และไม่รู้จะเอาเพิ่มจากไหน ดังนั้นขอให้ทีมการคลังรีบช่วยนายกฯ และขอให้สภาฯ เห็นชอบผ่านเงินก้อนดังกล่าวเพื่อช่วยประชาชนรากหญ้าและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยไว

นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนงบกลางในส่วนของรายการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากไม่มีเงินก็ต้องกู้ ซึ่งประชาชนรอคอย อีกไม่กี่วันข้างหน้าขอให้เงินไหลสู่ประชาชนภายในเดือนก.ย. ทั้งนี้ไม่ว่าออกมาในรูปแบบไหนขอให้เงินถึงมือประชาชน

“จุลพันธ์”ยันใช้งบ5ธนาคารไม่ผิด ก.ม.

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานกมธ.คนที่ 2 ชี้แจงว่า ในส่วนของบกลางรายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนที่ห่วงในการเปลี่ยนแปลงงบของธนาคารรัฐ 5 แห่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประกาศ ซึ่งได้ตั้งในงบประมาณวาระแรกผ่านมติ ครม. และเสนอต่อสภาฯ ซึ่งได้รับความเห็นชอบในการพิจารณาวาระแรก การเสนอเปลี่ยนแปลงรัฐวิสาหกิจทั้ง 5 แห่ง 3.5หมื่นล้านบาท เพราะได้ทบทวนแล้ว ปรับลดงบที่ชะลอดำเนินการได้เพื่อให้รัฐบาลใช้นโยบายในโครงการเร่งด่วน

“ยืนยันว่าไม่ขัดต่อกฎหมายไม่ได้ปรับลดในมาตรา 40 รายจายเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ แผนบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ซึ่งได้ตั้งไว้ 4.1แสนล้านบาท ซึ่งจำนวนดังกล่าวนั้นมี 2.8หมื่นล้านบาท ในการชำระหนี้ของ ธกส. ไม่ได้ปรับลดจนชำระคืนในสัดส่วนที่ต้องชำระคืน กระบวนการพิจารณาในชั้นกมธ.ในการเปลี่ยนแปลงงบรายจ่ายมาตรา 29 เป็นมาตรา 6 นั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประการ” รมช.คลัง กล่าว

จืดชืด ไร้ประท้วง-ปะทะคารม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วาระที่ 2 ซึ่งพิจารณาแบบรายมาตรา บรรยากาศเป็นไปด้วยความราบเรียบ ยังไม่มีการประท้วงหรือปะทะคารมกันในสภาของทางฝ่ายค้านและรัฐบาล สส.อภิปรายด้วยความเรียบร้อย ส่วนใหญ่มาจากพรรคประชาชนที่ตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการเพิ่มลดงบประมาณที่ไม่คุ้มค่ากับหน่วยรับ โดยพรรคประชาธิปัตย์ที่ก่อนหน้านี้เคยอภิปรายโจมตีเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่ในวันนี้ สส. เช่น นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่เคยอภิปรายดุเดือดจนเกิดวาทะ“งบเป็ดง่อย”และ“งบลูกเป็ดขี้เหร่”ก็ไม่ได้ลุกขึ้นอภิปรายเหมือนครั้งก่อนหน้า ขณะที่นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แม้เป็น สส.พรรคร่วมรัฐบาล แต่กลับขออภิปรายตัดลดงบประมาณ และกล่าวตำหนิว่านอกจากกู้แล้ว ยังไม่ชำระหนี้อีกด้วย

เสียงส่วนใหญ่เป็นไปตามคาด

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบผลการลงมติครั้งแรก ในมาตรา 4 ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยพรรคที่เป็นเอกภาพในการลงมติเห็นชอบได้แก่ พรรคเพื่อไทย , พรรคภูมิใจไทย , พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ โหวตเห็นชอบ ยกเว้นนายจุติที่ลงมติงดออกเสียง เนื่องจากอภิปรายคัดค้าน ส่วนพรรคพลังประชารัฐเสียงแตกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเห็นชอบ 14 คน ซึ่งเป็นกลุ่มก้อนของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส่วนอีกกลุ่มลงมติไม่เห็นชอบ จำนวน 14คนและไม่มาลงมติ 12คน เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ที่มาแสดงตนร่วมเป็นองค์ประชุม ด้านพรรคประชาธิปัตย์ลงมติเห็นชอบ 13 คน มีผู้ที่จุดยืนไม่เห็นด้วย แต่ก็ลงมติเห็นชอบ เช่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ , นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ และไม่ลงมติ 12 คน เช่น นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ

ส่วนพรรคไทยสร้างไทย พรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ก่อนหน้านี้เคยโหวตสวนทางนั้น ปรากฏว่า ลงมติเห็นชอบ 3 คน จากสส.ทั้งหมด 6 คน ได้แก่ นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร,นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี และนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี ที่มีพฤติการณ์โหวตให้ฝั่งรัฐบาลมาโดยตลอด ขณะที่ นายเฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่แสดงตนลงมติ และพรรคประชาชน ลงมติไม่เห็นชอบทั้งพรรค

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • 5 ข้อเปรียบรูปมวย‘โทนี ศิษย์ส่องหล้า-ฎีกา สิงห์สนามหลวง’ ไต่สวน‘ศึกป่วยทิพย์’ 5 ข้อเปรียบรูปมวย‘โทนี ศิษย์ส่องหล้า-ฎีกา สิงห์สนามหลวง’ ไต่สวน‘ศึกป่วยทิพย์’
  • ‘เสธ.หิ’ฟาดเจ็บ! กาง 3 ข้อสวนสส.ตำหนิ‘พีระพันธุ์’ เหมือน‘หนีเรียน แล้วมาด่าครู’ ‘เสธ.หิ’ฟาดเจ็บ! กาง 3 ข้อสวนสส.ตำหนิ‘พีระพันธุ์’ เหมือน‘หนีเรียน แล้วมาด่าครู’
  • ปากดีไปหน่อย! ‘ชัยวัฒน์’แย้มสาเหตุถูก‘ไล่ออก’ ลั่นไม่เคยทุจริต พร้อมรับแรงกระแทก ปากดีไปหน่อย! ‘ชัยวัฒน์’แย้มสาเหตุถูก‘ไล่ออก’ ลั่นไม่เคยทุจริต พร้อมรับแรงกระแทก
  • ‘นิพนธ์’ฟันเปรี้ยงรัฐบาลไปไม่รอด ยุ‘ประชาธิปัตย์’ถอนตัว ฟื้นศรัทธาพรรค ‘นิพนธ์’ฟันเปรี้ยงรัฐบาลไปไม่รอด ยุ‘ประชาธิปัตย์’ถอนตัว ฟื้นศรัทธาพรรค
  • เปิด 5 เรื่องกระทบเสถียรภาพ‘รัฐบาล’ ส่อลุกลามเป็นจุดเปลี่ยนการเมือง เปิด 5 เรื่องกระทบเสถียรภาพ‘รัฐบาล’ ส่อลุกลามเป็นจุดเปลี่ยนการเมือง
  • สะพัดแชทหลุดอ้างเป็นหนึ่งในผู้แทน JBC ฝ่ายไทย ยอมรับแผนที่ฝรั่งเศส หวั่นเสียดินแดน สะพัดแชทหลุดอ้างเป็นหนึ่งในผู้แทน JBC ฝ่ายไทย ยอมรับแผนที่ฝรั่งเศส หวั่นเสียดินแดน
  •  

Breaking News

5 ข้อเปรียบรูปมวย‘โทนี ศิษย์ส่องหล้า-ฎีกา สิงห์สนามหลวง’ ไต่สวน‘ศึกป่วยทิพย์’

‘เสธ.หิ’ฟาดเจ็บ! กาง 3 ข้อสวนสส.ตำหนิ‘พีระพันธุ์’ เหมือน‘หนีเรียน แล้วมาด่าครู’

ปากดีไปหน่อย! ‘ชัยวัฒน์’แย้มสาเหตุถูก‘ไล่ออก’ ลั่นไม่เคยทุจริต พร้อมรับแรงกระแทก

จมทั้งคู่ต่อหน้าเพื่อน! น้าลื่นตกฝาย-หลานโดดช่วย พบวัชพืชใต้น้ำพัน-อีกร่างลอยขึ้นมาเอง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved