‘มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี’
‘อิ๊งค์’โปรยยาหอม
แถลง10นโยบายเร่งด่วน
เร่งแก้หนี้/ลุยแจก1หมื่น
ฝ่ายค้าน-สว.รุมสับเละ
นโยบาย‘พ่อคิด.ลูกทำ’
นายกฯ“อิงค์”ร่ายยาว แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ย้ำสารพัดความท้าทายต้องเปลี่ยนแปลง ปัญหาการเมืองไทย ไร้เสถียรภาพมานาน จากรัฐประหาร-ขัดแย้งแบ่งขั้ว-เปลี่ยนรบ.ลั่นดัน10นโยบายเร่งด่วน‘ดิจิทัลวอลเล็ต-สถานบันเทิงครบวงจร-แก้ยาเสพติด’ระยะกลาง-ยาว‘ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์-โครงสร้างพื้นฐาน-ปฏิรูปภาษี-เร่งทำรธน.ใหม่‘ฉบับปชช.’ยันพิทักษ์รักษาสถาบันฯย้ำรูปธรรม‘มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี’ขณะที่‘ฝ่ายค้าน’อัด 1ปีผ่านสูญเปล่านโยบายไร้รูปธรรม ท้าพิสูจน์3ปีจากนี้จะเจ๊าหรือเจ๊ง สับ‘สารพัดเรือธง’เอื้อ‘3นาย’ติง‘อิ๊งค์’ออกนอกสคริปต์โชว์ภาวะผู้นำ‘แก้รธน.-ปฏิรูประบบราชการ-ภาษี’
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.30น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นได้สักการะศาลพระภูมิและศาลตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นการส่วนตัว โดยเตรียมเครื่องสักการะมาเองก่อนที่นายกฯได้เข้าไปนั่งบนตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้นเวลา 08.30น.นายกรัฐมนตรีเดินทางมายังอาคารรัฐสภาเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำรัฐสภาได้แก่พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระภูมิชัยมงคลและศาลตายายประจำรัฐสภา เพื่อความเป็นสิริมงคล และสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7)โดยมีรัฐมนตรีและสส.พรรคเพื่อไทย ร่วมด้วย
นายกฯ‘อิงค์’แถลงนโยบายรัฐสภา
เวลา09.30 น.ที่รัฐสภาได้มีการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมซึ่งพิจารณา เรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ซึ่งสมาชิกรัฐสภาทั้ง สส.และสมาชิกวุฒิสภา(สว.)เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาตอนหนึ่งว่านโยบายของรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างความสามัคคี ปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทยและจะนำไปสู่ความร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของชาวไทยทุกคน ประเทศไทยเผชิญความท้าทายอยู่หลายประการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่โตน้อยกว่าศักยภาพจริง ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมและการเมือง ทั้งหมดนี้รัฐบาลพร้อมจะประสานพลังกับทุกภาคส่วนเปลี่ยนความท้าทาย ให้กลายเป็นความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมของคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม รัฐบาลพร้อมเสริมศักยภาพ สร้างโอกาสให้ประชาชนทั้งบทบาทและสิทธิเพื่อพลิกฟื้นประเทศจากปัญหาที่รุมเร้าและนำพาให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ชี้สารพัดความท้าทายต้องเปลี่ยนแปลง
น.ส.แพทองธารหยิบยกความท้าทายของประเทศที่รัฐบาล ต้องทำการเปลี่ยนแปลงหลายประการ อาทิ ความเป็นอยู่ของประชาชาที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย,หนี้สินครัวเรือน,การเข้าสู่สังคมสูงวัย,ความมั่นคง ปลอดภัยของสังคมที่ถูกจากการแพร่ระบาดของยาเสพติด,วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง,การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก,ระบบราชการแบบรวมศูนย์ตอบสนองประชาชนไม่เต็มที่ โดยเฉพาะในประเด็นที่ประเทศไทยเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองมาอย่างยาวนาน อันเป็นผลที่มาจากการรัฐประหาร ความขัดแย้งแบ่งขั้วที่รุนแรง รวมถึงการถอดถอนรัฐบาลออกจากอำนาจแบบคาดเดาไม่ได้ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และการลงทุนในประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เป็นต้น
ลั่นดัน10 นโยบายเร่งด่วนทำทันที
น.ส.แพทองธารกล่าวว่ารัฐบาลตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งปัญหาหนี้สิน รายได้ ค่าครองชีพรวมถึงความมั่นคงและปลอดภัยในสังคม คือปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ นำความหวังคนไทย กลับมาเร็วที่สุด
โดยมีนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันทีดังนี้ 1.การผลักดันปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบ โดยไม่ขัดต่อวินัยการเงิน ไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรมของผู้มีภาระหนี้สิน 2.การดูแลและส่งเสริม พร้อมปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งทางการค้าต่างชาติ เช่น การพักหนี้ การจัดทำMatching Fund หรือการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน เพื่อสร้างกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
เร่งออกมาตรการลดราคาพลังงาน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า3.การเร่งออกมาตรการลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน การปรับปรุงกฎหมาย เช่น ทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรง การพัฒนาระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง การสำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน พร้อมผลักดันการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ รองรับนโยบายค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย ลดภาระค่าเดินทาง 4.สร้างรายได้ใหม่ด้วยนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าร้อยละ 50 ของจีดีพี นำไปจัดสรรสวัสดิการการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค
กระตุ้นศก.-เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต
5.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกและผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล6.ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย ใช้แนวคิด“ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้”นำเทคโนโลยีการเกษตร มาพัฒนาอาชีพด้านการเกษตร ฟื้นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ตอบสนองความต้องการโลกด้านความมั่นคงทางอาหาร
ดันสถานบันเทิงครบวงจร/แก้ยานรก
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า7.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล การแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยวกระจายสู่ผู้ประกอบการภายในประเทศอย่างรวดเร็ว 8.แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร เริ่มตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและการจำหน่าย ร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้า ตัดเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ปราบปรามยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด รวมถึงค้นหาผู้เสพในชุมชนเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา และติดตามดูแลไม่ให้กลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก
เร่งแก้อาชญากรรมออนไลน์-ข้ามชาติ
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า 9.เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพและอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทันท่วงทีโดยผนึกกำลังประเทศเพื่อนบ้าน 10.ส่งเสริมศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางได้แก่คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการของรัฐ
ต่อยอดการพัฒนา/ปรับโครงสร้างศก.
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่าขณะที่นโยบายพัฒนาประเทศระยะกลางระยะยาว จะต่อยอดการพัฒนาภาคผลิตและบริการ สร้างความสามารถการแข่งขัน โดยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ปูพื้นฐานให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม เช่น ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องยนต์สันดาป ไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต
การยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งอาหารท้องถิ่น ผ้าไทย มวยไทย ศิลปะการแสดง ดนตรีไทย สุราชุมชน ยกระดับสินค้าโอทอป ให้ตอบสนองต่อความต้องการผู้บริโภคทั่วโลก ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมในอนาคต อาทิ ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว การต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ และบริการทางการแพทย์ การทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินของโลก
ลงทุนโครงสร้างคมนาคมขนาดใหญ่
ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ ทั้งทางราง ทางน้ำ ทางถนนและทางอากาศอย่างไร้รอยต่อ สร้างรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ยกระดับท่าเรือเพื่อเพิ่มศักยภาพเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า พัฒนาสนามบินและเส้นทางบินใหม่ๆเช่นสนามบินล้านนา สนามบินอันดามัน มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการ ให้ประเทศเป็นศูนย์กลางคมนาคมและขนส่งภูมิภาค จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การเปลี่ยนโครงสร้างทางภาษีครั้งใหญ่ ศึกษาความเป็นไปได้การปฏิรูประบบภาษีไปสู่แบบ Negative Income Tax ที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับเงินภาษีคืนเป็นขั้นบันได การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาจัดการที่ดินรัฐ แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน ยุติความขัดแย้งและแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน ระหว่างหน่วยงานรัฐและประชาชน
ยกระดับสาธารณสุขต่อยอด30บาท
นายกฯกล่าวอีกว่ารัฐบาลจะยกระดับสาธารณสุขให้ดีกว่าเดิม ต่อยอดโครงการ 30บาทรักษาทุกโรค เป็น 30บาทรักษาทุกที่ การส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ความเท่าเทียมกันของชายและหญิงในครอบครัวและที่ทำทำงาน ให้ผู้หญิงไม่ต้องเผชิญการเลือกปฏิบัติ รัฐบาลจะสร้างการมีส่วนร่วมในการรับมือภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาฝุ่นpm2.5 การยกระดับบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ ฟื้นฟู การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
เร่งทำรธน.ฉบับปชช./ปฎิรูประบบรชก.
นายกฯกล่าวว่ารัฐบาลจะพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของคนไทย และต่างชาติด้วยการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็งมีเสถียรภาพ มีนิติธรรม ความโปร่งใส ดังนี้ 1.เร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็ว 2.สร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินยึดมั่นหลักนิติธรรมและความโปร่งใส 3.ปฏิรูประบบราชการและกองทัพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อาทิ การปรับขนาดภาครัฐให้สอดคล้องกับภารกิจ การปรับเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ 4.ยกระดับการบริการภาครัฐให้สนองตอบความต้องการของประชาชน ขณะเดียวกัน จะเสริมสร้างโอกาสให้ประเทศไทยและเกื้อกูลผลประโยชน์ประชาชน จะรักษาจุดยืนกาไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ เดินหน้าสานต่อนโยบายการทูต เศรษฐกิจเชิงรุก
ลั่นมุ่งมั่นจะพิทักษ์รักษาสถาบันฯ
นายกฯ กล่าวต่อว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่น ที่จะพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริรวมทั้งส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจังโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
พาคนไทยมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี
“ในนามนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ในนามรัฐบาล ดิฉันขอให้ความมั่นใจ กับรัฐสภาแห่งนี้ว่าจะตั้งใจบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งประสานพลังจากทุกภาคส่วน จากทุกช่วงวัย จากทุกความเชี่ยวชาญ ขับเคลื่อนนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเพื่อตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบันให้สำเร็จ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย และประเทศไทย เพื่อสร้างความหวังและอนาคตที่ดีกว่าให้ประเทศไทย จากวันนี้ไปถึงอนาคต”น.ส.แพทองธารย้ำ
ระหว่างนายกฯแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้พักจิบน้ำเป็นระยะๆใช้เวลาอ่านคำแถลงนโยบายรวม58 นาที
ปชน.อัดยับ1ปีที่ผ่านมาสูญเปล่า
ต่อมา เวลา 10.20น.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะฝ่ายค้านอภิปรายเป็นคนแรกว่า ตนขอตั้งคำถาม มีนโยบายอะไรที่ได้ผลเป็นรูปธรรมบ้าง อาทิ นโยบายด้านสวัสดิการสังคม ไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียง และ นโยบายรัฐบาลชุดที่ผ่านมา เช่น เงินอุดหนุนเด็ก เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินอุดหนุนคนพิการ รวมถึงปัญหายาเสพติด สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยไม่มีความมั่นคงในชีวิต
“หลายปัญหาที่เกิด ไม่ใช่ปัญหาใหม่ ประชาชนคาดหวังรัฐบาลที่เพื่อไทยเป็นแกนนำมาแก้ปัญหา ช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา จากการสำรวจของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ระบุว่า มีข้อสั่งการเทียบเท่ามติครม.193เรื่อง ส่งต่อ251หน่วยงานรัฐ และ162 เรื่องไม่มีกรอบเวลามี10 เรื่อง ที่หน่วยงานรายงานกลับต่อ ครม.คือ รับลูกและเอาด้วย เพราะรัฐบาลขาดอำนาจนำในการบริหารราชการ และสั่งการที่ราชการไม่ปฏิบัติตาม ปัญหาอาจอยู่ที่ไม่เข้าใจระบบราชการ หรือการไม่มีอำนาจ ซึ่งหนึ่งปีของรัฐบาลนั้นสูญเปล่า”นายณัฐพงษ์ กล่าว
ท้าพิสูจน์3ปีรัฐบาล‘จะเจ๊าหรือเจ๊ง’
นายณัฐพงษ์อภิปรายอีกว่า3ปีของรัฐบาลหลังจากนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าจะเจ๊าหรือเจ๊งซึ่งมีความท้าทายในประเด็น เรื่องการศึกษารวมถึงการแก้ปัญหาอาชญากรรมออมไลน์รวมไปถึงประเด็นค่าแรงขณะปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ประเด็นปัญหาดังกล่าวบรรจุในนโยบายรัฐบาล แต่สิ่งที่ต้องการเห็นคือ รายละเอียดที่ต้องการให้ครม.ตอบ โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ต้องมีรายละเอียดพร้อมปฏิบัติได้ทันที
สับแหลก‘สารพัดเรือธง’เอื้อ‘3นาย’
“นโยบายเรือธงของรัฐบาล มีเป้าหมายของประชาชนอยู่ตรงไหนคือเป็น นโยบายเรือธง ให้ 3 นาย คือ นายใหญ่ นายหน้า หรือ นายทุน เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่เป็นนโยบายเรือธงให้นายใหญ่ได้ขึ้น นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีข้อสงสัยถึงการเปิดกว้างหรือล็อกการประมูล เพื่อเอื้อนายทุน และโครงการแลนบริดจ์ในการใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเวนคืน เอื้อให้นายหน้าค้าที่ดินหรือไม่” นายณัฐพงษ์ อภิปราย
อัด1ปีรัฐบาลล้มเหลวแก้ยาเสพติด
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกอภิปรายว่าในการแก้ปัญหายาเสพติด ยังไม่เห็นความชัดเจน ทั้งในแง่การจัดสรรงบประมาณและปฏิบัติอย่างครบวงจร ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว จนถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไม่มีความชัดเจนในแง่นโยบาย ทั้งนี้รัฐบาลบอกว่าจะแก้ปัญหาภายใน 90 วัน แต่ผ่านมา 84 วัน พบว่าสารวนแก้กฎกระทรวง สั่งการฝ่ายกฎหมายและจ่ายค่าแทน
“หากรัฐบาลไม่คลาย 3 ปม จะแก้ไม่ได้ แต่ทำให้ปัญหาฝังรากลึกต่อสังคมที่ยากแก้ไข คือ 1.ต้องจับตัวการใหญ่ และยึดทรัพย์ 2.เร่งการดำเนินการฟื้นฟูผู้เสพแบบสมัครใจรวมถึงสนับสนุนด้านงบประมาณให้ชุมชนมีส่วนร่วมติดตามบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาในชุมชนอย่างต่อเนื่องรวมถึงให้งบประมาณของสถานฟื้นฟูระยะยาวต่อเนื่อง นอกจากนั้นควรให้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่เพื่อใช้กับผู้บำบัดยาเสพติดด้วย 3.เร่งรัดการจับยึดทรัพย์ผู้ค้ารายใหญ่”นายวิโรจน์ กล่าวและว่า การจับตัวเล็กต้องเป็นไปเพื่อขยายผลต่อตัวการใหญ่ อาจจะจับผู้ครองครองเพื่อเสพมากขึ้นการจับผู้เสพขังคุกเป็นการส่งเสริมการค้าแบบเครือข่ายและเรือนจำกลายเป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซ จะทำให้เด็กเดินยากลายเป็นอายุน้อยร้อยเม็ดทันที
ฉะนโยบายการเมือง/ทวงแก้รธน.
น.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายตอนหนึ่งนโนยายการเมืองเรื่องปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลว่า ปัญหาเหล่านี้ชัดเจนจนจะทิ่มตา แต่รัฐบาลยังไม่กล้าเอ่ยถึงการแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งการแก้ปัญหาทางการเมืองจะขาดคามกล้าหาญทางการเมืองไม่ได้ แค่การพูดถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมายังไม่กล้า ในนโยบายการแก้รัฐธรรมนูญหลายคนอาจจะดีใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด แต่มันไม่ใช่ เพราะนโยบายนี้กลับไปอยู่หลังหมวดระยะกลางและระยะยาวได้อย่างไร
ปลุกผีเสื้อแดง/คืนความยุติธรรม
ฝากถึงรัฐบาลและนายกฯว่าได้โปรดอย่าเอาเรื่องหลักนิติธรรมและความยุติธรรมไปผูกไว้กับเรื่องเศรษฐกิจและการหารายได้ มันเป็นคนละเรื่องกันเห็นความพยายามของรัฐบาลในการก้าวข้ามความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานยังมีคนอีกจำนวนมากที่รอคอยความยุติธรรมอยู่ ยกตัวอย่าง เหตุการณ์ล้อมปราบผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 มีคดีจำนวนมากยังค้างคาอยู่ในศาลทหาร มีประชาชนตายด้วยอาวุธสงครามของเจ้าหน้าที่รัฐแต่ไม่มีใครหน้าไหนได้รับโทษเลย
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของประชาชนที่สูญเสียพรรคเพื่อไทยน่าจะเข้าใจดี โดยเฉพาะนายกฯที่ได้พูดเองว่าเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องเสื้อแดงดี ความยุติธรรมยังไม่มีให้กับประชาชน แล้วรัฐบาลนี้จะเดินหน้าสร้างเสถียรภาพทางการเมืองได้อย่างไรวันนี้พวกท่านจะคืนความยุติธรรม ให้กับประชาชนคนอื่นๆได้หรือไม่และผู้ที่ได้ผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อเป็นหลักประกันให้กับสังคมเราในอนาคต รวมถึงจะทวงถามความคืบหน้าการนิรโทษกรรมด้วยรัฐบาลต้องตอบคำถามให้ชัดเจนว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร และเมื่อไร อย่าให้ 3 ปีต่อจากนี้เป็นเหมือน 1 ปีที่สูญเปล่าอย่างที่ผ่านมา
สว.ซัดนโยบายรบ.‘คุณพ่อคิด คุณลูกทำ’
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกขึ้นอภิปรายว่าขอตั้งชื่อ นโยบายรัฐบาลว่า“นโยบายคุณพ่อคิด คุณลูกทำ” พร้อมอภิปรายเน้นย้ำไปที่นโยบายเกี่ยวกับการดูแลผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะSMEsซึ่งได้เสนอแนะให้เปลี่ยนกลยุทธ์จากการกีดกันต่างชาติเป็นการพลิกแพลง เปลี่ยนจากคู่แข่งเป็นคู่ค้าเช่นกำหนดแพลตฟอร์มต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจค้าขายกับคนไทย ให้จดทะเบียนบริษัทให้ถูกต้องเพื่อการจัดเก็บภาษี และควบคุมคุณภาพสินค้า และเสนอปรับปรุงกฎหมายให้เกิดความรวดเร็วฉับไว
หวังพิทักษ์สถาบันฯอย่าให้ใครเซาะกร่อน
นายพิสิษฐ์อภิปรายถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติว่าตนต้องการเห็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ใดกระทำการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันเป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมโทรมเข้าลักษณะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเอาไว้เพื่อการป้องกันความแตกแยกและความสามัคคีของคนในชาติ หวังว่ารัฐบาลจะยึดยึดมั่นในคำแถลงนโยบายเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันไว้อย่างเคร่งครัด ไม่แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในฐานะพสกนิกรไม่ยินยอมอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี