สั่งอสส.ส่งพยานหลักฐานคดียุบเพื่อไทย

ศาลรธน.ขีดเส้น15วัน

ปมร้อง‘ทักษิณ’ครอบงำพรรค

‘ภูมิธรรม’ย้ำจุดยืนรัฐบาล

แก้ไขรธน.ไม่แตะหมวด1-2

‘เฉลิมชัย’ยันปชป.ไม่แก้ม.112

ศาลรธน.ถกคำร้อง “ธีรยุทธ” 6 ประเด็น “ทักษิณ-เพื่อไทย”ล้มล้างการปกครองสั่งอสส.ส่งหนังสือตอบกลับ“การดำเนินการ-รวบรวมพยานหลักฐาน” ส่งภายใน 15 วัน ปมร้องยุบเพื่อไทย-กล่าวหา“ทักษิณ”ครอบงำ“ภูมิธรรม”แกนนำเพื่อไทยย้ำจุดยืนพรรคร่วมรัฐบาลชัด ไม่แตะ “ม.112 พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” จะเห็นเหมือนหรือเห็นต่าง ต้องว่ากันในรายละเอียด“เฉลิมชัย”ย้ำจุดยืนปชป.ชัดไม่แตะ ม.112 “วราวุธ” ไม่กังวลสอบยุบ6พรรคร่วม เชื่อแต่ละพรรคแจงได้ ยันไม่มีใครครอบงำได้ ชี้นิรโทษฯทุกพรรคหาทางออกได้ ย้ำจุดยืนไม่รวมคดี112–คดีโกง ‘ทวี’เชื่อไม่ใช่ชี้นำ-ครอบงำ เหตุกม.ล็อกทุกด้าน

เมื่อวันที่ 22ตุลาคม2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมพิจารณาคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 อ้างว่านายทักษิณ ชินวัตร(ผู้ถูกร้องที่ 1)และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่2)ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น ดังนี้

1.นายทักษิณ สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์และรพ.ตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 รพ.ตำรวจในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต2.นายทักษิณ สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าชธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา 3. ผู้ถูกร้องที่ 1สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่2ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิมที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้าง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

4.นายทักษิณ สั่งการแทนพรรคเพื่อไทยโดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ 5.นายทักษิณ สั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล 6.นายทักษิณ สั่งการให้พรรคเพื่อไทย นำนโยบายของนายทักษิณ ที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา

ศาลฯสั่งอสส.ส่งผลสอบใน15วัน

ทั้งนี้นายธีรยุทธ ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน2567 ขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสังการให้นายทักษิณเลิกกระทำการดังกล่าวและให้พรรคเพื่อไทย เลิกยินยอมให้นายทักษิณใช้เป็นเครื่องมือกระทำการดังกล่าว

ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอขอทราบว่า ได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไรและรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

จุดยืนรัฐบาลชัดนิรโทษฯไม่แตะ112

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมว่า ต้องไปดูที่สภาฯเมื่อวานนี้(21ต.ค.67)นายกรัฐมนตรีได้ตอบไปแล้ว ไม่ต้องถามซ้ำ โดยนายกรัฐมนตรีบอกว่า ทุกพรรคเห็นเหมือนกัน คือไม่เอามาตรา 112 เพราะเป็นเงื่อนไขในการตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่ากรณีที่บอกว่าแยกหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารกับฝ่ายสภาฯหมายความว่าอย่างไร แสดงว่าไม่ต้องเห็นตรงกันก็ได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่ใช่ ฝ่ายบริหารก็ร่วมมือกันทำงาน ในส่วนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนก็พยายามแก้ไขปัญหาพูดคุยกัน เมื่อวานได้รับประทานอาหารด้วยกันก็ถือว่าได้พูดคุยกัน อะไรที่เป็นวิธีทำงานที่ทุกคนร่วมมือกันได้ก็ทำกัน ส่วนฝ่ายสภาฯก็มีวิปดูแลที่ต้องดำเนินการในกฎหมายแต่ละฉบับ จะเห็นเหมือนหรือเห็นต่างก็มาว่ากันในรายละเอียด ดังนั้น2อำนาจนี้ได้แยกกันชัดเจน หากเอาปัญหากฎหมายมาถามรัฐบาลมันก็คนละเรื่องกัน

ย้ำคำพูดนายกฯเป็นเรื่องเซนซิทีฟ

“ขณะนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลร่วมมือกันทุกอย่างโดยจะเห็นเหมือน หรือเห็นต่าง นายกฯก็ตอบแล้วว่า เริ่มต้นมาก็ได้คุยทั้งสิ่งที่เห็นเหมือน และเห็นต่าง ซึ่งเรื่องของพรรค พรรคก็ไปคุย โดยจริง ๆ อาจจะดูเป็นเหมือนเรื่องเดียวกัน แต่มันแยกบทบาท” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า พอจะบอกได้หรือไม่ว่าเรื่องที่เห็นต่างมีอะไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟ ตามที่นายกรัฐมนตรีบอก ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องพูดคุยกันและเพื่อที่จะต้องทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น นายกฯก็ได้บอกแล้วว่าจะเชิญแต่ละพรรคมาพูดคุยกันเป็นประจำ เพราะมีปัญหาที่หลากหลาย

‘เฉลิมชัย’ย้ำจุดยืนปชป.ไม่แตะ112

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆก่อนเข้าร่วมประชุมครม.ถึงการดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อคืน21ต.ค.ได้พูดคุยอะไรบ้างว่า“ท่านนายกฯตอบไปหมดแล้ว”เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกฎหมายนิรโทษกรรมพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนอย่างไรนายเฉลิมชัย ตอบย้ำว่า“จุดยืนเราไม่แตะ 112”

ชี้วงดินเนอร์โยนนิรโทษฯเรื่องสภา

นายวราวุธศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการรับประทานอาหารเย็นกับพรรคร่วมรัฐบาลวันที่21ต.ค.ว่ามีการพูดถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน อย่างที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯบอกว่าจะมีการพบปะพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมหรืออาจจะเป็นลักษณะการคุยกันแบบสองต่อสองและอาจจะมีการพูดคุยถึงบทบาทภารกิจของแต่ละกระทรวง บางทีแต่ละกระทรวงเสนอมา กว่าจะถึงนายกฯอาจจะต้องใช้เวลา จึงต้องมีการพูดคุยกันก่อนจะได้มีความสนิทสนมกัน โดยตนยังพูดแซวนายกรัฐมนตรีว่าคงไม่ใช่เป็นการเข้าห้องพบอาจารย์ใหญ่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ใช่ แต่จะเป็นการทำงานให้เกิดความต่อเนื่องถ้ามีปัญหาอะไรจะได้หารือพูดคุยกัน ทั้งงานบริหารรัฐบาลและงานการเมืองด้วย

ชทพ.ย้ำจุดยืนไม่รวม112-คดีโกง

นายวราวุธยอมรับว่าในที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนิรโทษกรรม แต่บอกว่าเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติและงานของสภา แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนามีท่าทีชัดเจนว่าจะไม่รวมผู้ที่มีคดีในมาตรา 112 ไม่รวมเรื่องของการทุจริต ถือเป็นจุดยืนของพรรคมาแต่แรก ทุกพรรคจะมีแนวทางคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะต้องมีการตั้งทีมงานและดำเนินการตามกรอบของสภา

ชี้แก้รธน.ทุกพรรคหาทางออกได้

เมื่อถามถึงเรื่องทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติในส่วนพรรคชทพ.มีแนวทางอย่างไร นายวราวุธย้ำว่าพรรคเราชัดเจนตั้งแต่ต้น ทราบว่าขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาแล้ว โดยมีตัวแทนจาก สส.และสว. โดยทางพรรคชทพ.ได้ส่งนายนิกร จำนง ผอ.พรรค ไปเป็นกรรมาธิการร่วม ซึ่งแนวทางของแต่ละพรรคก็จะเหมือนกันบางส่วน หรืออาจจะมีแนวทางคล้ายกันแต่อาจจะไม่ตรงกันสักทีเดียวนัก เชื่อว่าเมื่อได้นั่งพูดคุยกันมากขึ้นอาจจะมีการรอมชอมหรือสามารถเจรจาตกลงกันได้เชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่าจุดยืนพรรคชทพ.ควรแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่นายวราวุธตอบว่าเราเคยพูดตั้งแต่แรกช่วงหาเสียงว่าเราเชื่อในแนวทางของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) เหมือนสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯทำ แต่เราต้องดูเสียงส่วนใหญ่ด้วยว่าโหวตไปทางใด อันไหนทำได้ เราต้องคำนึงถึงเงื่อนเวลาด้วยเหมือนกัน

ยันไม่มีใครครอบงำ-เชื่อทุกพรรคแจงได้

ส่วนที่มีการยื่นกกต.ให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทยและ6พรรคร่วมรัฐบาลเดิมซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้นนายวราวุธ ยืนยันว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีความกังวล เนื่องจากถือเป็นสิทธิ์ของผู้ร้อง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับกกต.ที่จะวินิจฉัย ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา มองว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เมื่อมีการสอบถามมาก็จะชี้แจงไป จึงไม่น่ากังวลส่วนที่มองว่าการยื่นยุบพรรคเป็นเรื่องที่ง่ายเกินไปใช่หรือไม่นั้นนายวราวุธเห็นว่าเมื่อมีกรณีตัวอย่างให้เห็นก็ถือเป็นชนวนให้คนบางกลุ่มนำหลายเรื่องมาปะติดปะต่อกันเพื่อยื่นยุบพรรคก็เป็นหน้าที่แต่ละพรรคจะชี้แจง

นายวราวุธยืนยันอีกว่าพรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีเรื่องการครอบงำแน่นอน ขณะที่ตัวเองพูดคุยภายในพรรค ก็ไม่สามารถที่จะครอบงำใครด้ แม้จะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะพรรคชาติไทยพัฒนามีผู้หลักผู้ใหญ่ คนรุ่นใหม่ ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันเปรียบเหมือนญาติพี่น้อง แต่ใครจะมาครอบงำไม่ได้

‘ทวี’ยันไม่ใช่ชี้นำ-ครอบงำพรรคร่วมฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่21 ต.ค.กรณีหลังกกต.รับพิจารณาคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ6พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯครอบงำว่า ไม่มีข้อเท็จจริงตามที่เขากล่าวอ้างในประเด็นที่ว่าครอบงำคงไม่ใช่ เพราะทุกพรรคที่มาร่วมรัฐบาลหรือแม้แต่นายกฯเองก่อนจะมีการเลือกเราก็มาประชุมกัน แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเราคาดไม่ถึงว่า นายเศรษฐา ทวีสิน จะหลุดเก้าอี้นายกฯตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

“ในฐานะที่เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็มีการพบปะคุยกันและไม่มีใครมาชี้นำ หรือมาครอบงำ เพราะทุกอย่างมีกฎหมายล็อคเอาไว้หมด”พ.ต.อ.ทวี ระบุ

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายทักษิณเชิญทุกพรรคไปพูดคุยหรือไปหากันเองพ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่ทราบถึงประเด็นนี้ ส่วนใหญ่ตนจะอยู่กับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ และหลังจากนั้นก็มีคนโทรศัพท์มา

รทสช.หนุนนายกฯจุดยืนนิรโทษ-แก้รธน.

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวว่า ถือเป็นข้อสรุปที่ชัดเจน หลังจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำรัฐบาลร่วมพูดคุยรับประทานอาหารค่ำกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรคเมื่อค่ำวานนี้ (21ต.ค.)โดยนายกฯพูดชัดเจน เรื่องประเด็นการนิรโทษกรรม ไม่แตะมาตรา 112รวมถึงหากจะแก้รัฐธรรมนูญไม่แตะหมวด1-2 นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่รัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทยยืนยันจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้การลดทอนกฎหมายสำคัญในการปกป้องประมุขของชาติ ศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะหากปล่อยประละเลยให้มีการแก้ไขมาตราดังกล่าว หรือนิรโทษกรรมผู้ที่กระทำความผิดในมาตรานี้ อาจจะส่งผลกระทบสร้างความแตกแยกขัดแย้งคนภายในชาติได้ สิ่งที่นายกฯได้พูดชัดเจนแล้ว เป็นการส่งสัญญาณที่ดีเพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาล เดินหน้าทำงานพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

และเชื่อว่าการประชุมสภาสภาผู้แทนราษฎรในวันที่24 ตุลาคมนี้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จะเห็นไปในทิศทางเดียวกัน เรื่องรายงานผลการศึกษาพ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่รวมคดีมาตรา112

ฝากเร่งเครื่องเต็มที่กระตุ้นศก.ปลายปี

นายธนกรกล่าว่าขอฝากรัฐบาลเร่งเครื่องเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วน คือภัยพิบัติและเศรษฐกิจปากท้องเพราะประชาชนมีความเดือดร้อนหนักมากในหลายเรื่อง จะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วแม้รัฐบาลจะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ 2 เดือน แต่เจอกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่จำเป็นที่จะต้องทำงานแข่งกับเวลา ต่อสู้ทำสงครามกับความยากจนพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นตามที่เราได้หาเสียงไว้ สิ่งสำคัญคือเอาความเดือดร้อนประชาชนเป็นที่ตั้ง จะต้องเร่งแก้ไข เร่งช่วยเหลือควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจวางรากฐานในอนาคตอีกหลายมิติ แม้รัฐบาลจะเพิ่งเข้ามาทำงานแค่ 2 เดือนแต่ปัญหามีมากขอให้เร่งเครื่องทำให้เห็นผลงานเป็นรูปธรรมจำเป็นที่ต้องมาพร้อมกับความร่วมมือสามัคคีกันในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างดียิ่ง เชื่อว่าเราจะทำงานให้ประชาชนได้สำเร็จตามเป้าหมาย

‘อิ๊งค์’เร่งถ่ายรูปทรัพย์สินแจงป.ป.ช.

ที่ทำเนียบรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า ในการเตรียมข้อมูลการโอนหุ้นในบริษัทต่างๆก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ว่าตอนนี้ทางบริษัทช่วยกันดูอยู่ว่า มีอะไรอย่างไรซึ่งจะต้องให้เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง เมื่อถามว่า จะยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ทันในวันที่ 6 พ.ย.หรือไม่นายกฯกล่าวว่าจริงๆมีเวลาถึง 3 เดือน เขาให้เวลาประมาณ 3 เดือน และไม่น่าจะใช่วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ เท่าที่เช็คจากทีมกฎหมาย น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หรือต้นธันวาคม เดี๋ยวขอบอกอีกครั้งหนึ่ง แต่ทีมกฎหมายเพิ่งบอกมาซึ่งระยะเวลาในตอนนี้ ก็ถ่ายรูปทรัพย์สินทุกสิ่งทุกอย่างอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรหน้าหนักใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า“กลัวไม่ครบค่ะ แต่จริงๆก็เต็มที่และได้ปรึกษารองนายกฯหลายท่านว่าทำอย่างไรกันบ้างก็อยากจะให้ถูกต้องแค่นั้นเอง ไม่ได้มีเรื่องอะไร”

เผย‘ทักษิณ’ไม่มีแพลนบินไปตปท.

เวลา 12.50น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์อีกครั้งระหว่างเดินจากตึกบัญชาการ 1 ภายหลังแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะมีการยื่นศาลอาญารอบ2ขอเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อพูดคุยธุรกิจว่า“ยังไม่มีแพลนเลย”เมื่อถามว่าบริษัทประไหมสุหรีพร้อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด เป็นการขายหุ้น หรือโอนให้พี่สาว น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวให้รายละเอียดอีกครั้ง เพราะมันมีเยอะ

ไร้สรุปเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

เมื่อถามอีกว่าในการรับประทานกับพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21ต.ค.ได้มีการพูดคุยเรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่นายกฯกล่าวว่าคุยหลายเรื่องมีหลายเรื่อง

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ามีเรื่องดังกล่าวด้วยใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า“มีเยอะ”เมื่อถามอีกว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่สรุปเลย