‘ชูศักดิ์’ยันพท.ไม่มีมติรับข้อสังเกต  โวไม่เสียหน้า  เปิดสมัยหน้าเจอ4ร่างนิรโทษของจริง

‘ชูศักดิ์’ยันพท.ไม่มีมติรับข้อสังเกต โวไม่เสียหน้า เปิดสมัยหน้าเจอ4ร่างนิรโทษของจริง

วันเสาร์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

‘ชูศักดิ์’ยันพท.ไม่มีมติรับข้อสังเกต

โวไม่เสียหน้า

เปิดสมัยหน้าเจอ4ร่างนิรโทษของจริง

‘ภูมิธรรม’หย่าศึกพท.ในสภา

เตือนอย่าใช้อารมณ์มากเกินไป

“ชูศักดิ์” ยัน พท.ไม่มีมติรับข้อสังเกตนิรโทษกรรม ยันไม่เสียหน้าไม่เสียใจ บอกหนีไม่พ้น เปิดสภาสมัยหน้าเจอ 4 ร่างก.ม.นิรโทษฯ ของจริง “ภูมิธรรม” มอง “พิเชษฐ์-ชลน่าน” โต้เถียงในสภาฯ มีความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา เตือนอย่าใช้อารมณ์มากเกินไปอยู่ในสถาบันอันทรงเกียรติ ประชาชนจับตาดูอยู่เผยไม่ถึงขั้นต้องเรียกมาเคลียร์ใจ เดี๋ยวไปหาเอง ปัดสะท้อน‘เพื่อไทย’ร้าวเป็นเรื่องของมนุษย์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น พูดชัดจบแล้ว หลังสภาโหวตคว่ำข้อสังเกตร่างแนวทางศึกษานิรโทษกรรม

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตราร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้สัมภาษณ์กรณีสภาฯไม่รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า รายงานดังกล่าว ถือว่าได้รายงานต่อสภาฯ เรียบร้อยแล้ว คณะกรรมาธิการถือว่าทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว รายงานฉบับนี้อยู่ในสภาฯ องค์กรใดเห็นว่าเป็นประโยชน์สามารถนำไปศึกษาได้


‘ชูศักดิ์’ยันพท.ไม่มีมติรับข้อสังเกต

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ขัดมติพรรค ไม่เห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการนายชูศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 24 ต.ค.ส่วนใหญ่เห็นว่าต้องรับรายงานและข้อสังเกต แต่มีบางคนไม่สบายใจ ที่ประชุมจึงขอสงวนไว้ ตนก็บอกว่าแล้วแต่ ก็ให้การลงมติเป็นเอกสิทธิ์ไปเราก็ไม่ว่าอะไร ยืนยันว่าในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ไม่มีมติพรรคในเรื่องนี้ ให้เป็นเรื่องของเอกสิทธิ์

ยืนยันไม่เสียหน้า-ไม่เสียใจ

เมื่อถามว่า ในฐานประธานคณะกรรมาธิการ รู้สึกเสียหน้าหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คงพูดอย่างนั้นไม่ได้ ตนบอกในที่ประชุมว่าญัตตินี้เป็นของพรรคเพื่อไทย ตนเป็นประธานทำรายงานเอง ถ้าจะให้ตนไม่รับมันก็ไม่ได้ ทั้งนี้ ยังดีใจที่คณะกรรมาธิการที่ร่วมทำกันมา ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน ก็รับรายงาน

เมื่อถามอีกว่า การโหวตของพรรคเพื่อไทยไม่รับข้อสังเกตจำนวนมากจะเสียมวลชนหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าส่วนหนึ่งเราไม่ได้ปฏิเสธรายงาน บางส่วนไม่รับรายงานเลย เมื่อวาน (24 ต.ค.) ก็รับรายงาน เพียงแต่ไม่รับข้อสังเกต การไม่รับข้อสังเกตก็หมายความว่า ไม่ส่งไปให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ แค่นั้นเอง

“หลายคนไปฟังกระแสคล้ายๆ ไปตีความกันว่าคนที่เห็นชอบกับข้อสังเกต คือ คนที่จะแก้หรือคนที่จะนิรโทษกรรม ก็ปล่อยกันไปทำนองนี้จึงรู้สึกวิตกกังวล ยืนยันว่ามันไม่ใช่ แต่เป็นเพียงรายงานการศึกษา ไม่เกี่ยวกับการแก้โน้นแก้นี่ แต่เนื่องจากกระแสออกไปทำนองนั้น”นายชูศักดิ์ ย้ำ

เปิดสภาสมัยหน้าเจอ4ร่างนิรโทษ

เมื่อถามว่า ถือเป็นการปิดประตูเรื่องนิรโทษกรรมเลยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะขณะนี้มีร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม 4 ร่าง เป็นของพรรคการเมือง 3 พรรค ของภาคประชาชน 1 ร่าง จ่อเข้าสู่การประชุมสภาฯ ในสมัยประชุมหน้าที่จะเปิดวันที่ 12 ธ.ค.คงต้องไปถกเถียงกันว่าสุดท้ายจะเอาอย่างไร เปิดสมัยประชุมสภาฯสื่อคงได้ทำข่าวกันอีกมากพอสมควร อันนี้แหละคือร่างจริงๆ แล้ว เมื่อถามว่า จากนี้จะเข็ดขยาดกับการเป็นหัวหอกดันเรื่องนิรโทษกรรมหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้เข็ดอะไร ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร เป็นเรื่องธรรมดาที่เราทำหน้าที่ แต่เมื่อเขาเห็นแบบนี้ก็ว่ากันไป”

เมื่อถามว่า ต่อไปหากจะพูดเรื่องนิรโทษกรรม ต้องวางกรอบให้ชัดเจน ไม่ให้แตะ 112 หรือไม่ เพื่อไม่ให้ถูกคว่ำอีก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มันหนีไม่พ้นหรอก ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้เพราะ 4 ร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาฯ ถามว่ามีเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องไปไตร่ตรองกันและตนเชื่อว่ารายงานที่ทำไปครั้งนี้จะเป็นประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม 4 ร่าง ประกอบด้วย ของพรรคการเมือง 3 พรรค คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ , พรรคก้าวไกลเดิม , พรรคครูไทย และร่างของภาคประชาชน

ภูมิธรรมชี้ไม่รับข้อสังเกตถือว่าจบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังสภาผู้แทนราษฎร รับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางการตรากฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยไม่มีการลงมติในส่วนของตัวรายงาน แต่ตีตกข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ว่า จริงๆแล้วไม่ต้องเสนอญัตติใหม่ ทั้งนี้อาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะตอนจบได้มีการถามว่าจะรับหรือไม่รับในส่วนของข้อสังเกต เมื่อไม่รับก็ถือว่าตกไปโดยปริยายเท่านั้นเอง เพราะถ้ารับข้อสังเกตถึงจะกลับมาที่รัฐบาล พอไม่รับข้อสังเกตก็ถือว่าจบเท่านี้ ก็จะเป็นเรื่องของสภา ส่วนตกแล้วจะใช้ได้ใหม่หรือไม่ต้องไปดูในรายละเอียด เมื่อถามอีกว่าจะสามารถเสนอใหม่ได้หรือไม่โดยพรรคการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อาจจะเสนอได้แต่ต้องต่างญัตติ

ชี้ความเห็นต่างเรื่องธรรมดา

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเกิดการโต้แย้งระหว่างนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในการลงมติรับรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทาง การต่อร่างพระราช (พ.ร.บ.) บัญญัตินิรโทษกรรม ถึงขั้นมีการชี้หน้ากันกลางที่ประชุมสภาฯ ว่า ต้องทำความเข้าใจอย่างนี้ ที่จริงเรื่องความขัดแย้งหรือความเห็นต่าง เป็นเรื่องธรรมดาแต่ว่าบางทีผู้ที่อยู่ในความขัดแย้งก็เป็นไปได้ที่จะใช้อารมณ์มากเกินไป ที่จริงแล้วสิ่งที่นายแพทย์ชลน่านพูดก็มีความถูกต้องเพราะเรื่องของรายงานการประชุมไม่จำเป็นต้องมีการโหวตและไม่ต้องเสนอญัตติใหม่ มันเป็นเรื่องที่รายงานให้ทราบเท่านั้น

“สิ่งที่ต้องมาพิจารณาการก็คือข้อสังเกตจะรับหรือไม่รับเท่านั้นจบ แต่นายพิเชษฐ์อาจเข้าใจตรงนี้คาดเคลื่อน หรืออาจมีประเด็นอื่น ตนก็ไม่ทราบขอไปดูในรายละเอียด แต่ว่าการมีปากมีเสียงกัน ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็ต้องทำความเข้าใจกันให้ดีขึ้นและเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะเราเป็นสถาบันที่ทรงเกียรติและมีการเปิดเผยต่อหน้าประชาชนก็ต้องมีความระมัดระวังให้มากขึ้น”นายภูมิธรรม ย้ำ

ไม่ต้องเรียกคุย/เดี๋ยวเจอที่พรรค

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายหลังจากที่คลายจากอารมณ์ความรู้สึกลง ก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและความผิดพลาดก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เป็นเรื่องที่ใหญ่มากที่ต้องมาพิจารณาอะไรกันที่เกินเลยไปตนว่าก็ทำความเข้าใจกันและวางบทบาทแต่ละฝ่ายให้ถูกต้องก็น่าจะโอเค แต่ตนก็ยังไม่ได้เจอทั้งสองท่าน เมื่อถามว่าจะต้องเรียกทั้งสองท่านมาพบเพื่อเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าไม่ต้องเรียกมาเคลียร์ตนไปหาเขาได้ เมื่อเข้าพรรคก็คงมีโอกาสได้เจอกัน

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะสะท้อนถึงปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ร้อง ‘โอ้ว’ ก่อนกล่าวว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเรื่องเดียว นิดเดียว มันไม่สะท้อนอะไรหรอกก็เป็นเรื่องที่สะท้อนมนุษย์แต่ละส่วนแต่ละคนมีความสัมพันธ์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกเพราะฉะนั้นการออกมาของมนุษย์คนหนึ่งไม่ว่าแม้แต่ผมหรือใครก็ตามก็มีได้เพียงแต่ว่าเมื่อมีแล้วต้องเข้าใจและรีบปรับเปลี่ยนเท่านั้นเอง.

‘ประเสริฐ’ชี้2คนแค่กระเซ้าเย้าแหย่

ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเกิดการโต้แย้งระหว่างนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ขณะทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน ในการประชุมสภาเพื่อลงมติรับรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทาง การต่อร่างพระราช (พ.ร.บ.)บัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งมีการโต้เถียงกันถึงขั้นมีการชี้หน้ากันกลางที่ประชุมสภาฯว่า ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน อยู่ในพรรคเพื่อไทยกันมานานทั้งคู่ เชื่อว่าในใจทั้งสองคนไม่น่ามีอะไร ซึ่งในที่ประชุมสภาฯความเห็นระหว่างประธานและสมาชิก เป็นเรื่องธรรมดาและอาจมีการกระเซ้าเย้าแหย่กันบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลที่ติดค้างมาจาก กรณีที่ นพ.ชลน่าน เคยมีรายชื่อจะได้นั่งในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่น่าใช่ประเด็นนั้น คิดว่าน่าจะเป็นการพูดกันด้วยความสนิทสนมส่วนตัว จึงทำให้กล้าพูดออกไปแบบนั้น แต่อาจจะหยอกกันแรงไปหน่อย

ไม่ใช่ความแตกแยกในพรรคพท.

เมื่อถามย้ำว่าแต่ภาพที่ออกมาเหมือนเกิดความขัดแย้งกันเองภายในพรรคเพื่อไทย ดังนั้นแกนนำพรรค หรือหัวหน้าพรรคอย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมีการเรียกทั้งสองคนมาพูดคุย ทำความเข้าใจกันหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเป็นความขัดแย้ง เพราะเรื่องของความคิดเห็นอาจจะมีขัดแย้งกันได้บ้าง เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นเอกสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นของสมาชิก ซึ่งในส่วนของประธานสภา ก็มีหน้าที่ควบคุมการประชุม และเรื่องนี้ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) น่าจะทราบเรื่องนี้ดี และน่าจะทำความเข้าใจกับทั้งสองคนได้ดี

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รุนแรงถึงขั้นชี้หน้ากัน จะทำให้เรื่องบานปลายหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะไม่ได้เป็นสส. จึงไม่ทราบว่ารุนแรงขนาดไหน แต่ได้สอบถามจากลูกชาย คือ นายพชรจันทรรวงทอง ซึ่งเป็น สส.นครราชสีมา และอยู่ในเหตุการณ์ เล่าให้ฟังเพียงว่ามีการโต้ตอบกันในสภาฯจริงแค่นั้น เมื่อถามว่า ทั้ง 2 คนจะต้องเคลียร์กันเป็นการส่วนตัวหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ปกติเขาก็คุยกันอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรที่ขัดแย้งกัน

ผู้สื่อข่าวถามถึง การโหวตรับร่างผลการศึกษาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกรรมาธิการ โดยที่ประชุมพรรคเพื่อไทย มีมติให้โหวตรับร่าง แต่ผลคะแนนออกมาปรากฏว่า สส.ของพรรคเพื่อไทย กว่าร้อยคนไม่เห็นด้วย นาย ประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ไปสอบถามจากประธานวิปรัฐบาล เพราะตนไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงไม่ได้เป็นวิปรัฐบาลด้วย และไม่เห็นเหตุการณ์ชัดๆจึงไม่สามารถตอบได้

โฆษกรทสช.มั่นใจรัฐบาลมีเอกภาพ

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรีโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติและวิปรัฐบาลกล่าวถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้กล่าวว่าการที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมนั้นแสดงถึงความไม่มีเอกภาพของรัฐบาลนั้น ว่า การลงมติไม่เห็นด้วยดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ และมีความมั่นคง จากการที่ปรับพื้นฐานทางความคิดเข้าหากัน จนมีแนวทางเดียวกัน แม้ในอดีตจะมีความเห็นต่างอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันมีพื้นฐานความคิดเดียวกันแล้วย่อมสะท้อนถึงเอกภาพของรัฐบาลในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี ต่อมาการที่หลายพรรคการเมืองมีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตในรายงานฉบับดังกล่าวนั้น ไม่ได้หมายความถึงว่าจะไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมในการกระทำความผิดที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมือง

หนุนนิรโทษการเมือง-ไม่รวมม.112

นายอัครเดช กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติขอยืนยันว่า ทางพรรคเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมือง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศจากวังวนของความขัดแย้ง แต่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดในมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติยังได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …เข้าสู่สภาฯ แล้ว เพื่อนิรโทษกรรมคดีที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพื่อยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยไม่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดในมาตรา 112 ดังนั้นพรรครทสช.จึงเรียกร้องให้พรรคปชนงละทุกภาคส่วนได้เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว เพื่อหาทางออกให้กับสังคมไทยที่ติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นทางออกของประเทศชาติอย่างเเท้จริง ตามที่ทุกฝ่ายปรารถนาอยากเห็นความปรองดองสมานฉันท์ในชาติให้เกิดขึ้น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top