ห้ามเหมาเข่งม.112
พท.เผยนิรโทษกรรมยังไม่จบ
โยนแต่ละพรรคเสนอร่างเอง
“นพดล” แจงยิบ ยัน “ชูศักดิ์” ไม่น้อยใจ ถูกคว่ำข้อสังเกต แต่สภาฯรายงานมีผลตามกฎหมายแล้ว ต่อนี้ไปเป็นเรื่องแต่ละพรรคที่จะไปพิจารณาเสนอก.ม.นิรโทษกรรม ยืนยัน “เพื่อไทย”จะไม่นิรโทษฯความผิดตาม ม.112“ศักดา” อดีตนปช.ชี้เดินหน้าก.ม.นิรโทษฯ หรือไม่ อยู่กับสภา-ครม.ซัดพท.หวั่นไหวเกินเหตุคว่ำข้อสังเกตเจอพรรคร่วมฯขี่คอจนไม่กล้าขยับ-หวังเป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษ์
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่สภาผู้แทนราษฎรโหวตไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรมซึ่งมีคนวิจารณ์ว่าญัตตินี้เสนอโดยพรรคเพื่อไทยะมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานแต่ทำไมส.ส.พรรคเพื่อไทยโหวตไม่เห็นด้วยข้อสังเกตของกมธ.และบางคนแสดงความคิดเห็นไปว่า นายชูศักดิ์อาจจะน้อยใจในเรื่องนี้ หรือไม่และพรรคเพื่อไทยยอมตามพรรคร่วมรัฐบาลเกินไปหรือไม่
โดยนายนภดลได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในแต่ละประเด็นเป็นข้อๆเพื่อความชัดเจนดังนี้1.รายงานผลการศึกษาของคณะกมธ.นั้น แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือ ตัวรายงาน และส่วนที่สองคือข้อสังเกตของคณะกมธ.ซึ่งส่วนที่หนึ่งเป็นตัวรายงานนั้นสภาผู้แทนราษฎรเพียงแค่รับทราบโดยไม่ต้องลงมติ ในขณะที่ส่วนที่สองซึ่งเป็นข้อสังเกตนั้นต้องมีการลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่ แม้สภาโหวตไม่เห็นชอบกับส่วนที่สองซึ่งเป็นข้อสังเกต ตัวรายงานส่วนที่หนึ่งนั้น ถูกรับทราบโดยสภาไปแล้วตามกฎหมาย 2.พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติให้ส.ส.ของพรรคโหวตไปทางหนึ่งทางใด ซึ่งผลปรากฏว่ามีสมาชิกประมาณ 115 คนโหวตไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกต ซึ่งก็เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ละคน ซึ่งมีเหตุผลแตกต่างกันไป นายชูศักดิ์เป็นผู้อาวุโส ไม่ได้น้อยใจใดๆ
โยนนิรโทษเป็นเรื่องแต่ละพรรค
3. แม้สมมุติว่าสภาเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกมธ.เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม)ไปพิจารณาผลการลงมติของสภา ก็ไม่สามารถไปบังคับครม.และรัฐบาลให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้อยู่ดี ดังนั้น ผลในทางปฏิบัติจึงไม่เกิดขึ้น ส่วนครม.จะขับเคลื่อนการนิรโทษกรรมอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ครม.หรือรัฐบาลจะไปพิจารณาร่วมกัน ซึ่งไม่ต้องผูกมัดกับมติของสภาผู้แทนราษฎร 4. ต่อไปนี้เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะไปพิจารณาว่าจะเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ และถ้าเสนอจะนิรโทษความผิดใดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะรับผิดชอบทางกฎหมายและทางการเมืองของตนเอง
พท.ไม่นิรโทษความผิดคดี110-112
5.พรรคเพื่อไทย ยืนยันอย่างหนักแน่นมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบาย และแนวคิดที่จะรวมความผิดตามมาตรา 110 และ 112 เพื่อนิรโทษกรรม พรรคเพื่อไทย จะไม่เสนอนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และ มาตรา 112
“การนิรโทษกรรมทางการเมืองนั้นจะต้องนำไปสู่ความปรองดองและสมานฉันท์ในชาติและไม่ควรนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต หวังว่า ทุกฝ่ายจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และนำประเทศสู่ความมั่นคงทางการเมืองต่อไป”นายนภดล กล่าว
อดีตนปช.สับเพื่อไทยไม่กล้าขยับ
ด้าน นายศักดา นพสิทธิ์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรมและอดีตแกนนำนปช.กล่าวถึงกรณีสภารับทราบรายงานนิรโทษกรรมแต่โหวตคว่ำของสังเกตของกมธ.ว่า การประชุมสภา เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นวาระรับทราบรายงานของกมธ.ตามที่สภาได้ตั้งขึ้นมาแล้ว หลักการ คือ สภารับฟังรายงานผลการศึกษา แต่เนื่องจากกมธ.มีข้อสังเกตเพิ่มเติมเข้ามาด้วย โดยเฉพาะในประเด็นมาตรา112โดยแยกจากรายงานผลการศึกษา จึงต้องมีการลงมติ
“ในทางการเมืองเมื่อกมธ.ได้ศึกษาเรื่องนี้โดยลงรายละเอียดรอบด้านในข้อเท็จจริงต่างๆแล้วแม้ข้อสังเกตจะไม่ผ่านการพิจารณาของสภาแต่รายงานถูกเสนอต่อสภาแล้วจึงขึ้นอยู่กับสภาและครม.ว่าจะเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรมอย่างไรหรือไม่ซึ่งกมธ.ศึกษาฯก็เป็นพรรคเพื่อไทยที่เสนอให้ตั้งขึ้นมาเอง หากในอนาคตสภาและรัฐบาลเห็นว่า ควรเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรมก็อาจมีการตั้งกมธ.ขึ้นมาร่างกฎหมาย ส่วนจะรับข้อเสนอและข้อมูลของกมธ.ศึกษาฯไปดำเนินการมากน้อยเพียงใดก็เป็นอำนาจของกมธ.ที่อาจจะมีการตั้งขึ้นมาในอนาคต”นายศักดาย้ำ
ถูกพรรคร่วมรัฐบาลขี่คอ
นายศักดากล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนตั้งข้อสังเกตการคว่ำข้อสังเกตของรายงานกมธ.ศึกษาฯเป็นความหวั่นไหวของพรรคเพื่อไทยจนเกินไป กลัวว่าจะไปกระทบกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะท่าทีของทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ เขามีท่าทีทางการเมืองกับประเด็นมาตรา112มาตั้งแต่ต้น พรรคเพื่อไทยเกรงจะมีปัญหาในการทำงานกับพรรคร่วมจึงต้องกลับลำรวมทั้งการตระบัดสัตย์กับอดีตพรรคก้าวไกลในการร่วมรัฐบาลก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นคือพรรคเพื่อไทยแสดงให้อำนาจทางการเมืองนอกระบบรัฐสภาเห็นว่า สามารถเป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้ เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจในการเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป หรืออาจได้รับสัญญาณโดยตรงว่าห้ามแตะมาตรา 112 จึงทำให้ผล ออกมาตามที่ปรากฏ
‘เทพไท’อัดตระบัดสัตย์ซ้ำซาก
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์บุ๊กว่า เพื่อไทย ตระบัดสัตย์ ซ้ำซาก มีหลายคนรู้สึกแปลกใจกับผลการลงมติวาระรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการออกพรบ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นญัตติของพรรคเพื่อไทย มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯชุดนี้ในตอนเช้าของวันลงมติ มีแกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาสัมภาษณ์ว่าพรรคเพื่อไทยมีมติรับรายงานผลการศึกษาพรบ.นิรโทษกรรมทำให้หลายคนคิดว่า ถ้าหากพรรคเพื่อไทย มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อรวมกับคะแนนเสียงของพรรคประชาชนก็สามารถทำให้ผลการศึกษารายงานฉบับนี้ ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรไปได้
“แต่เมื่อมีการลงมติในข้อสังเกตของรายงานผลการศึกษาฯปรากฏว่าส.ส.พรรคเพื่อไทย ลงมติในลักษณะฟรีโหวต โดยส.ส.ส่วนใหญ่โหวตไม่เห็นด้วย 115 คน เห็นด้วย 11 คน งดออกเสียง 4 คน ไม่อยู่ 12 คน แม้กระทั่งเจ้าของญัตติ ก็ยังงดออกเสียง ทำให้เห็นธาตุแท้ของพรรคเพื่อไทย ได้ชัดเจนว่าไม่เคารพมติพรรค เป็นไม้หลักปักขี้เลน พูดอย่างทำอย่าง สับขาหลอก หลังจากการลงมติแล้ว ยังมีหน้ามาตะแบงว่าพรรคไม่ได้มีมติรับข้อสังเกตและเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ละคนที่จะโหวตได้อย่างอิสระ ถือว่าเป็นธรรมดาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ห่วงคะแนนเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีมติโหวตไม่รับรายงานข้อสังเกต ถ้าหากพรรคเพื่อไทยโหวตรับรายงานข้อสังเกตนี้ก็เป็นการโหวตสวนกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆจึงถนอมน้ำใจพรรคร่วมรัฐบาล ยอมตระบัดสัตย์ โหวตตามพรรคร่วมรัฐบาลไป แม้ว่าจะผิดคำพูด ไม่ทำตามมติพรรค ยอมตระบัดสัตย์ซ้ำซาก ก็จำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลมากกว่าสิ่งอื่นใด”นายเทพไท ระบุ
‘วรงค์’ชี้เป้าหลอกดันประชามติชั้นเดียว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภีกดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยกเว้นหมวดหนึ่ง และหมวดสอง เป็นแค่เป้าหลอก การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยอ้างว่าไม่แตะหมวด1และหมวด 2 ดูเหมือนจะดี เพราะไม่แตะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่หัวใจที่ประชาชน ต้องตามให้ทันนักการเมืองพวกนี้คือ การแก้กฏหมายประชามติ จากใช้หลักเสียงข้างมากสองชั้น มาเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียวนั่นคือจุดอันตราย เพราะหากมีการแก้ประชามติ เหลือเสียงข้างมากชั้นเดียว จะทำให้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะทำได้ง่ายมากและทำได้ตลอด เพราะไม่ต้องใช้คนออกเสียงมากถึงครึ่งผู้มีสิทธิ์ มาแค่ไหนก็ได้ ขอให้เป็นเสียงข้างมาก ก็สามารถร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันที
เตือนสิ้นชาติ ถ้ารื้อแก้รธน.ทั้งฉบับ
“ในอนาคตใครจะไปรู้ว่าถ้าพรรคแดงจับมือพรรคส้ม ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แก้ทุกอย่างในรัฐธรรมนูญ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะขนาดที่เขาเคยบอกกับประชาชนว่า ปิดสวิตช์สามปอ สุดท้ายยังยอมตระบัดสัตย์ ดังนั้นหัวใจเบื้องต้นที่เขาต้องการ คือแก้กฎหมายประชามติ ต้องเตือนสติพรรคการเมืองทุกพรรค อย่าไปหลงกลว่าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ไม่แก้หมวด1และหมวด 2 จะไม่มีปัญหา เพราะจะนำไปสู่สิ้นชาติได้ ที่สำคัญพรรคการเมืองบางพรรค ไม่ใช่อ้างแต่ปกป้องหมวด1หมวด2เท่านั้น ท่านต้องร่วมปกป้องรัฐธรรมนูญปราบโกงด้วย”นพ.วรงค์ย้ำ
กมธ.ร่วมประชามตินัดถก30ต.ค.
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.)ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมกมธ.นัดแรกว่าตนยังไม่เห็นหนังสือเชิญแต่ทราบข่าวมา เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นช่วงเช้าของวันที่ 30 ต.ค.นี้ ส่วนเรื่องกรอบจะมีการพูดคุยกันครั้งแรกนั้นตนไม่แน่ใจว่าจะมีการวางกรอบอย่างไรแต่ประเด็นที่เห็นต่างกันระหว่างสส.และสว.มีแค่ประเด็นเดียว คือ เกณฑ์การใช้เสียงในการทำประชามติว่า จะเป็นเสียงข้างมากหนึ่งชั้น หรือ สองชั้น
เมื่อถามว่า คาดว่าจะใช้เวลาในการประชุมเท่าไหร่จึงจะสามารถสรุปจบได้ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าประเด็นที่ทั้งสองสภาฯ ยังมีมุมมองต่างกันมีแค่ประเด็นเดียวคือ เกณฑ์การใช้เสียงในการทำประชามติ ตนจึงคาดการณ์ว่าการพูดคุยไม่ควรประชุมหลายครั้งมากนั้น เพราะมีแค่ประเด็นเดียวที่ต้องหาข้อสรุป ซึ่งหากเรายังยึดตามเงื่อนไขของรัฐบาล ว่าจะไม่จัดประชามติรอบแรกจนกว่าจะมีการแก้ไขเรื่อง พ.ร.บ.ประชามติ ก็ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว ฉะนั้น ด้วยเหตุผลสองอย่างนี้ คิดว่าไม่ควรใช้เวลานาน ส่วนจะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯหลังจากที่เปิดสมัยประชุมในเดือนธ.ค.ได้หรือไม่นั้น ต้องดูการประชุมครั้งแรกว่าจะมีวางกรอบระยะเวลาพิจารณาอย่างไรแต่ตนคิดว่าไม่ควรจะใช้เวลานาน
36สส.รทสช.เร่งลงพื้นที่
นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวว่า ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติและนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ได้กำชับทั้ง 36 สส.รวมถึงสมาชิกทุกคน เร่งลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะและข้อมูลจากพี่น้องประชาชนเพื่อนำมาต่อยอดเสนอต่อสภาผู้แทนฯในการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนทั้งปัญหาการว่างงาน เรื่องอาชีพรายได้ของพี่น้องประชาชนที่พบว่ายังคงเดือดร้อน รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ที่จำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนโครงการต่างๆ จากรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี