อสส.ส่งข้อมูลให้ศาลรธน.คดีล้มล้าง
‘ทักษิณ-พท.’ระทึก
ลุ้น 13 พ.ย.ศาลรับวินิจฉัยหรือไม่
‘ภูมิธรรม’ชี้ไร้ปัญหา-ยึดก.ม.
‘แม้ว’เดินสายช่วยหาเสียงได้
‘อนุทิน’พลิ้วไม่ได้กินมาม่า
“ภูมิธรรม” ลั่นไม่มีปัญหา “ทักษิณ” ช่วยเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้ง อบจ.ชี้เป็นผู้ช่วยหาเสียง ทำตามกฎหมาย เหน็บพรรคประชาชนยังทำได้ ด้าน “อนุทิน” พลิ้ว 14 สิงหาคมกลับก่อน ไม่ได้กินมาม่าบ้านจันทร์ฯกับ “ทักษิณ” รับคุยแต่หัวหน้าพรรคร่วม ตามสถานการณ์หลัง “เศรษฐา” หลุดนายกฯ“ธนกร” จี้กกต.คุมเข้มหาเสียงชิงอบจ.หลายจังหวัด แนะทำงานเชิงรุก จับตา“นครศรีธรรมราช” สู้ดุเดือดไม่แพ้ที่อื่น ขอตรวจสอบเข้ม หลังชาวบ้านแจ้งส่อกลิ่นไม่ดี-เรียกเก็บบัตรประชาชนหลายพื้นที่
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.สุรินทร์ ในวันที่ 19พ.ย.ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับ นายทักษิณ ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปนายทักษิณ จะไปช่วยหาเสียงให้กับการเลือกตั้งนายก อบจ.ในหลายพื้นที่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปถามนายทักษิณ แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกฝ่ายและทุกพรรคการเมือง ปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่อนุญาตให้ทำได้ เพราะฉะนั้น กฎหมายอนุญาตอะไร ส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือคนที่มีบทบาท ก็สามารถไปได้
พท.ชี้‘แม้ว’ช่วยหาเสียงทำตามกม.
เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณไปช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรค พท.เป็นการหยั่งกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาก็เป็นแค่ผู้ช่วยหาเสียง ไม่ต้องไปคิดเรื่องยาก ไม่เกี่ยวกับการไปโหนหรือปั่นกระแสอะไร ก็ว่ากันไปตามสภาพ มีการหาเสียงเลือกตั้ง คนที่เป็นสมาชิกหรือผู้ช่วยหาเสียง ก็สามารถทำได้ ทุกพรรคทำได้เหมือนกัน แม้แต่พรรคประชาชน (ปชน.) ก็สามารถทำได้ ตราบใดที่กฎหมายอนุญาตให้ทำ เราก็ทำตามกฎหมาย เมื่อถามว่า ในฐานะแกนนำพรรค พท. ได้ประเมินหรือไม่ว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ดุเดือดมากขึ้น เพราะพรรค ปชน.ก็ส่งแกนนำคนสำคัญลงพื้นที่ด้วยเช่นกัน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ประเมิน เพราะคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เป็นกระบวนการเลือกตั้งตามปกติ
มุ่งสร้างความมั่นใจให้ผู้สมัครพท.
นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งนายกฯ อบจ.หลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกฯ อบจ.อุดรธานี เหมือนพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับเรื่องท้องถิ่นหรือไม่ ว่า ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งจะยังไม่ปรากฎหลายพื้นที่ แต่ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 จะมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยจึงให้ความสำคัญในการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง
แพ้หรือชนะขึ้นกับเสียงประชาชน
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ของนายทักษิณ จะทำให้พรรคเพื่อไทยมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า นายทักษิณ มีเจตนาดีในการลงพื้นที่ ก็จะสร้างความมั่นใจขึ้น สร้างความมั่นใจให้ผู้สมัคร และจังหวัดอุดรธานีถือว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่สำคัญและนายกฯอบจ.คนเก่าก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ก็จะเรียกขวัญและกำลังใจ เมื่อถามต่อว่า พื้นที่ที่ นายทักษิณ ลงจะแพ้ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า จะแพ้หรือชนะ เป็นเรื่องของประชาชน แต่เราก็คาดหวังให้มีชัยชนะ
ประชุมใหญ่19พ.ย.ไม่ปรับโครงสร้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 19พ.ย. พรรค พท.มีกำหนดการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 พรรค เพื่อรับรองผลการดำเนินงานของพรรค ตามกฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ยังไม่มีการปรับโครงสร้างพรรค โดยการประชุมครั้งนี้ พรรคจะจัดประชุมที่อาคารวอยซ์ทีวีเดิม ซึ่งมีการปรับปรุงเป็นที่ทำการพรรคแห่งใหม่เป็นครั้งแรก วันดังกล่าว เวลา 10.00น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯเป็นประธานการประชุม ครม.เวลา 13.00น.นายกฯเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่หนึ่ง1/2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งภายหลังนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรค พท.จะไปเข้าร่วมประชุมพรรคด้วย
‘อนุทิน’พลิ้ว14ส.ค.ไม่ได้กินมาม่า
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14ส.ค.67 ภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และถูกร้องปม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีครอบงำ แต่ นายทักษิณ ระบุไม่ได้ครอบงำ แต่เพียงไปกิน มาม่า กัน ว่า วันที่ 14ส.ค.ตนกินไวไวทุกวัน ชอบรสหมูต้มยำมะนาว เวลาไปเยี่ยม นายทักษิณ บางทีท่านก็เอามาม่ามาเลี้ยง เพราะบางทีไปตอนบ่ายๆ พอหิวก็เอามาม่ามาเลี้ยง แต่วันที่ 14ส.ค. ตนไม่ได้กิน ออกมาก่อน เพราะมีนัด วันดังกล่าว ตนไปคุยกับหัวหน้าพรรคทั้งหลายเพื่อติดตามสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร
‘สนธิญา’ชี้คำพูด‘ทักษิณ’มัดตัวเอง
นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเหตุการณ์เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เข้าไปรับประทานอาหารเย็น เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 ว่าเป็นการไปรับประทานมาม่า ว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีของผู้ร้อง เพราะการที่นายทักษิณกล่าวเช่นนี้ เท่ากับเป็นการยอมรับว่าแกนนำพรรคร่วมไปจริงๆ เมื่อนักการเมือง แกนนำพรรคการเมือง รัฐมนตรีที่ไปร่วม เท่ากับเป็นการยอมให้บุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้าไปครอบงำ ชี้นำและนายทักษิณ ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการครอบงำ ดังนั้น ตนไม่แปลกใจกับคำพูดของนายทักษิณ เพราะเขาเป็นคนพูดเช่นนี้มาตลอด ตนเห็นว่ามันไม่ได้เป็นประโยชน์กับการที่ท่านบอกว่าไปกินมาม่า เพราะมันไม่เป็นเหตุผลใดๆ แต่มันจะยิ่งไปเข้าข้อกฎหมายว่าเป็นการครองงำ ชี้นำ
เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าชัดถูกครอบงำ
เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณอ้างว่าไปกินมาม่า เป็นการสอดคล้องกับที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุมีการเสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่สุดท้ายกลับมีการเลือก น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ทำให้ไม่ใช่การครองงำ นายสนธิญา กล่าวว่า ตนมองว่าเนื้อในของการหารือไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่เป็นเรื่องการให้รัฐบาลเป็นชุดเดิมและการไปของแกนนำพรรคการเมืองแต่ละพรรค เท่ากับเป็นการสนับสนุนพรรคพท.เป็นรัฐบาล เข้าข่ายครอบงำ ชี้นำ ถ้าไม่เช่นนั้น ใครจะเข้าไปได้ ไปกินมาม่าทำไมตอนตีหนึ่งตีสอง ร้านข้าวต้มข้างทางก็มี สามารถกินได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า กรณีนี้เข้าทางฝ่ายค้านหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ตนมองว่าเข้าทางผู้ร้องเรียนมากกว่า นอกจากนี้ บางครั้งคำพูดของอดีตนายกฯ ก็มัดตัวท่านเอง ทำให้ตนรู้สึกเห็นใจนายกฯ คนปัจจุบันและรัฐบาลชุดนี้ เพราะบางครั้งหากไม่มีประเด็นหรือคำพูด หรือหากอดีตนายกฯ หยุดพูดเสียบ้าง รัฐบาลเองก็พูดน้อยๆแล้วทำงานไปก็จะดีกว่า เมื่อถามย้ำว่า การยอมรับว่าไปกินมาม่านั้น จะเป็นหมัดน็อคเพื่อไทยหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ไม่หรอก แต่เป็นการยอมรับว่า เท่ากับไปจริงๆ เพราะหาก นายทักษิณ นั่งกินคนเดียวมันก็ไม่เป็นประเด็น
ลุ้นศาลรธน.รับ-ไม่รับปมล้มล้างปค.
วันเดียวกัน แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อสส.ได้ลงนามส่งบันทึกการให้ถ้อยคำของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้องและนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดานางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่1กับพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่2 กรณีคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ ปี2560 มาตรา49 ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือไปยัง อสส.เพื่อขอทราบการดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไรและรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใดและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน15วัน นับแต่วันรับหนังสือ คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะหยิบยกคำร้องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13พฤศจิกายน2567 ว่า จะรับหรือไม่รับคำร้องแต่หากไม่ทันก็จะเป็นสัปดาห์ถัดไป
เมื่อถามว่า อสส.ได้ทำความเห็นส่งไปด้วยหรือไม่ว่า เรื่องนี้ควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือควรสั่งยุติเรื่อง แหล่งข่าวระบุว่า รายละเอียดส่วนนี้ตนไม่ทราบแน่ชัด ทราบแต่เพียงว่ามีการส่งบันทึกสอบถ้อยคำผู้ร้องและผู้ถูกร้องไปด้วย ถามต่อว่า หากครั้งนี้ยังไม่ได้ส่งความเห็นสุดท้าย หลังจากนี้อัยการสูงสุดจะต้องพิจารณาทำความเห็นแจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่ แหล่งข่าวระบุว่า กรณีเช่นนี้ถ้าไม่มีการถามความเห็นมาก็จะไม่ส่งไป การที่ศาลรัฐธรรมนูญถามมาเป็นการถามมาเพื่อให้ครบขั้นตอนว่าได้มีการยื่นเรื่องมาที่อัยการสูงสุดแล้วหรือไม่
‘ธนกร’จี้กกต.คุมเข้มหาเสียงชิงอบจ.
นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ช่วง?๗ธฒ๊การเลือกตั้งนายก อบจ.ทดแทนที่ลาออกในหลายจังหวัด หนึ่งในนั้นมี จ.นครศรีธรรมราช ที่จะมีการเลือกนายก อบจ.วันที่ 24พ.ย.ในทางการเมืองถือว่า มีการแข่งขันค่อนข้างดุเดือด เนื่องจากมีผู้สมัครชื่อดัง มีประชาชนบางส่วนส่งข้อมูลมาให้ทางโซเชียลมีเดียว่า เริ่มพบความเคลื่อนไหวใต้ดินที่ส่อไปในทางซื้อสิทธิ์ขายเสียง เช่น มีการเก็บบัตรประชาชนของคนในพื้นที่ไว้บางส่วนแล้ว หากเป็นเรื่องจริง ผมขอให้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัด ทำงานเชิงรุกเร่งตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันว่ามีความเคลื่อนไหวดังกล่าวจริงหรือไม่ โดยไม่ต้องรอให้คนยื่นร้องเรียนโดยตรง สามารถทำงานเชิงรุกเรื่องการตรวจสอบได้ทันที
ต้องไล่ตรวจสอบเน้นทำงานเชิงรุก
นายธนกร กล่าวว่า ฝาก กกต.แต่ละจังหวัดตรวจสอบเข้มเรื่องการช่วยหาเสียง รูปแบบการหาเสียงในแต่ละพื้นที่ให้เป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด เป็นไปด้วยความโปร่งใส เพราะการเมืองที่ดี มองว่าควรมีจุดเริ่มต้นเริ่มต้นจากท้องถิ่น ที่ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ คู่ขนานไปกับการเมืองระดับชาติด้วย เนื่องจากการทำงานต้องมีการประสานกัน “แต่ละจังหวัดมีการแข่งขันกันทั้งเชิงนโยบายและรูปแบบการหาเสียงที่ดุเดือดต่างกัน จึงขอฝาก กกต.ทุกจังหวัดที่จะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือนนี้และในต้นปีหน้าด้วย ขอทำงานเชิงรุก ไล่ตรวจสอบความเคลื่อนไหวใต้ดิน อย่าให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้ข้อมูลนโยบายข่าวสารต่างๆอย่างครบถ้วนทั่วถึง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี