ปลุกคัดค้านMOU44
รวมพลคนคลั่งชาติ
บุกทำเนียบ22พ.ย.นี้
ยื่นแสนชื่อถึงรัฐบาล
“หมอวรงค์”โพสต์ชวนประชาชนรวมตัวที่สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล 22 พฤศจิกายนนี้ เพื่อยื่น 1 แสนรายชื่อคัดค้าน MOU 44 “ผบ.ทร.”
เผย เตรียมเปิดเวทีเสวนา MOU 44 เขตแดนทะเล กระบวนการเข้าสู่ศาลโลก
สร้างความรู้ประชาชน ในวันที่ 3 ธันวาคม พร้อมส่งเจ้าหน้าที่กรมอุทกศาสตร์-สำนักพระธรรมนูญ ร่วม JTC เจรจากัมพูชา พื้นที่อ้างสิทธิทางทะเล ไม่หวั่นคนนอกครอบงำ ย้ำยึดกฎหมาย-อนุสัญญาระหว่างประเทศ ด้าน “รมว.ต่างประเทศ”เผยความคืบหน้าตั้ง JTC รอพิจารณาเพิ่มบุคคล ยืนยันจะเสนอ ครม.โดยเร็วที่สุด
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom” ระบุว่า...#ระดมพลคนคลั่งชาติ เราจะปล่อยให้รัฐบาลพูดไม่จริงเรื่อง MOU44 อีกนานแค่ไหน เช่น ถ้าไม่เจรจาจะเอาสงครามหรือ? ทั้งๆ ที่ MOU44 มีมาร่วม 23 ปี หลายรัฐบาลไม่เจรจา ก็ไม่เห็นมีอะไร ไม่มีสงครามตามที่เขาขู่ เราควรจะเจรจา โดยยึดกฎหมายระหว่างประเทศ
การพูดแบบนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลไปรับรอง เส้นอ้างสิทธิ์ของเขมรที่ผ่านเกาะกูด เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศแล้วหรือ ต้องรีบขุดพลังงานมาใช้ ถ้าช้าโลกเขาจะไม่ต้องการ พวกคุณคิดแต่ผลประโยชน์ ทั้งๆที่ไม่ควรแบ่งเขมร 50/50 ที่สำคัญจุดนี้จะนำไปสู่เสียดินแดนทางทะเล
MOU44 ยิ่งปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้เดินหน้า ประเทศชาติจะยิ่งเสียหาย มาร่วมกันหยุดรัฐบาลไทยหัวใจเขมร นำ MOU44ไปขายชาติ ระดมพลคนคลั่งชาติเจอกัน ศุกร์ที่ 22 พ.ย.นี้ 10.00น. ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นรายชื่อมากกว่า 1 แสนชื่อ ต่อรัฐบาลไทยหัวใจเขมร คัดค้านMOU44 ขอเชิญคนคลั่งชาติทุกท่านนะครับเพียง 1 ชั่วโมง จบแยกย้ายครับ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย (JTC) เพื่อเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ว่า ขณะนี้กำลังรอการพิจารณาที่อาจจะมีการเพิ่มในระดับบุคคล แต่ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย โดยจะดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เร็วที่สุด
ที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวภายหลังทำพิธีวันสถาปนากองทัพเรือ ครบรอบ 118 ปี ถึงกรณีรัฐบาลเดินหน้าเจรจาผลประโยชน์พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนไทย-กัมพูชาโดยใช้กลไก MOU44 ว่า ตนเคารพความคิดของทุกท่าน เพราะทุกคนล้วนมีความเป็นห่วงกองทัพเรือ ไม่ว่าจะเกษียณฯไปนานเท่าไหร่แล้วก็ตาม เพราะอดีตผู้บังคับบัญชาของกองทัพเรือก็อยากให้กองทัพเรือเดินหน้าไปได้และมีความต่อเนื่องในการพัฒนาในทุกด้าน โดยย้ำว่า กองทัพเรือ มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ และปัจจุบันก็ดูแลเส้นเขตแดนทางทะเลที่ประเทศไทยประกาศ ซึ่งเราดูแลได้อย่างเรียบร้อยและไม่มีความขัดแย้งเส้นเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
“แต่เมื่อมีกระแสสังคมถึง MOU 44 กองทัพเรือ ในฐานะหน่วยงานทางเทคนิคที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนทางทะเล คือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เตรียมจัดงานเสวนาในเรื่องนี้ ในเรื่องเส้นเขตแดนในทะเลและข้อตกลง - ข้อขัดแย้งต่างๆ วันที่ 3 ธันวาคมนี้ ที่เปิดให้ผู้สนใจทั่วไปเข้ารับฟังได้ อีกทั้งแบ่งวงเสวนาให้ความรู้เรื่องการเจรจาข้อตกลงต่างๆ อีกด้วย เพื่อสื่อสารให้สังคมเข้าใจ ว่าการเจรจาตกลงมีรูปแบบใดบ้าง รวมถึงกระบวนการเข้าสู่ศาลโลกที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทางทะเล เพื่อให้สังคมได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่หลากหลายรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศ” ผบ.ทร.กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมได้ระบุว่าจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครอบคลุม ที่มี กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือร่วมด้วยนั้นผบ.ทร.ย้ำว่า ถ้านายภูมิธรรม ร้องขอมา ก็ยินดีสนับสนุน เพราะเรื่องเขตแดนทางทะเล กองทัพเรือ ก็ต้องศึกษาให้ถ่องแท้เช่นเดียว ตามที่จะมีการจัดเสวนาดังกล่าวขึ้นม ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมอุทกศาสตร์ จะมีความรู้ในเรื่องทางเทคนิค แต่ถ้าเป็นเรื่องกฎหมาย ก็จะเป็นสำนักพระธรรมนูญ กองทัพเรือ อยู่ที่จะมีการเลือกเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคแบบใด เข้าไปร่วม JTC
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงเรื่องความเป็นอิสระของคณะกรรมการเจทีซี ที่จะไม่ถูกครอบงำจากบุคคลใดหรือไม่ ผบ.ทร.กล่าวว่า อยู่ที่การอธิบาย หรือความต้องการในกระบวนการทำงาน ในเรื่องทางกฎหมายและเทคนิค เพราะในบางส่วนอาจไม่เชี่ยวชาญเรื่องทางกฎหมาย ซึ่งกฎหมายก็จะมีช่องให้เดิน ขึ้นอยู่กับว่าจะหยิบมาตราใดมาใช้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคก็จะเข้ามาช่วยในเรื่องเหล่านี้ได้ กรณีที่มีการเจรจาเกิดขึ้นจะต้องใช้กฎข้อใดหรือต้องอ้างอนุสัญญาใด
ผบ.ทร.ยังกล่าวถึงการเดินหน้าโครงการจัดหาเรือฟริเกต 2 ลำในงบประมาณปี 2569 ว่า เป็นความจำเป็นที่เราต้องจัดหา โดยได้ให้ทีมงานไปทบทวนกำลังรบของกองทัพเรือทั้งหมดในปัจจุบันเรามีเรือฟริเกตหลักๆและสมรรถนะเทียบเท่ารวม 4 ลำ ซึ่งมีเรือหลวงภูมิพลถึงลำเดียวที่อายุน้อยกว่า 10 ปี จึงเป็นความจำเป็นที่ต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้มีกำลังรบพอเพียงในอนาคตข้างหน้า แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เราจะได้รับด้วย เพราะราคาค่อนข้างสูงจึงต้องค่อยๆ ทยอยจัดซื้อ คาดว่าในระยะที่ 1 จะจัดหาครั้งละ 2 หรือ 3 ลำ และพักไปอีกซักระยะหนึ่งค่อยจัดหาเพิ่มเติมใหม่อีก 2-3 ลำ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณปี 2569 ว่าจะได้รับการจัดสรรงบเสริมสร้างกำลังรบเท่าไหร่ รวมถึงกรณีที่ต้องดูว่าจะมีเรือดำน้ำ อยู่ด้วยหรือไม่ ตอนนี้ก็แกว่งกันอยู่นิดนึงว่า เรือดำน้ำจะเดินหรือไม่เดิน แต่เรื่องเรือฟริเกตก็ต้องบอกกับรัฐบาลว่า เรามีความจำเป็นต้องจัดหา
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีการชี้นำให้ซื้อเรือฟริเกต2 ลำจากจีนนั้น กองทัพเรือต้องการอย่างน้อย 2 ลำ ถ้าได้ 3 ลำ ก็จะดี แต่ก็อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะเห็นใจแค่ไหน และมีกรอบงบประมาณเพียงพอหรือไม่
เมื่อถามว่า จากการได้หารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีท่าทีอย่างไร พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า“ท่านยิ้มเลยครับ ผมก็เข้าใจท่านว่า ท่านต้องตรวจทุกอย่างและเอกสารเยอะต้องใช้เวลานิดนึง ผมไม่กดดันท่านครับ แต่ผมคิดว่าท่านทราบดีว่ากองทัพเรืออยู่ในสภาพไหน ถ้าท่านเข้าใจก็จะตัดสินเองว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ”
สำหรับโครงการในการปรับปรุงเรือหลวงปัตตานีและเรือหลวงนราธิวาส รวมถึงระบบอำนวยการรบของเรือหลวงช้างนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้ง 2 โครงการอยู่ในงบประมาณปี 2567 ตอนนี้เรื่องออกจากกองทัพเรือไปแล้วอยู่ที่ผู้มีอำนาจลงนามถ้าไม่มีอะไรติดขัดก็คาดว่าจะลงนามได้ตามห้วงเวลาที่เหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี