‘สนธิ’ลั่นพร้อมเคลื่อนพลลงถนน
สู้ครั้งนี้ต้องชนะ!
ยื่นหนังสือเรียกร้อง6ข้อ
จี้รัฐบาลยกเลิกMOU44
ให้เวลา15วันจะทวงคำตอบ
‘ภูมิธรรม’หวั่นกระทบศก.
“สนธิ-ปานเทพ-ทนายนกเขา”มาแล้ว! นำมวลชนบุกทำเนียบ ยื่นหนังสือ“นายกฯอิ๊งค์” ปลุกม็อบเรียกร้อง 6 ข้อยกเลิก“MOU44” ให้เวลา 15 วันจะทวงถามคำตอบ อุบวันนัดรวมพลลงถนน ชี้ขอทำตามขั้นตอน ลั่นออกมาสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว ด้าน “นพดล”เตือน อย่าใช้ความเท็จปลุกปั่นซ้ำรอยปราสาทพระวิหาร ฝ่าย “ภูมิธรรม” หวั่นกระทบเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดรวมตัวมวลชนเพื่อลงชื่อแนบท้ายคำร้อง และยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ในช่วงเช้า มีมวลชนทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา อดีตทนาย กปปส. , นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร่วม
แถลงข่าวค้านMOU44
จากนั้น นายสนธิ ได้เดินทางมาถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นผู้รับหนังสือ โดยใช้เวลาหารือ 20 นาที ก่อนนายสนธิจะออกมาแถลงข่าว พร้อมนำสไลด์แผนที่ แสดงภาพ ส.ค.ส.พ.ศ.2547 ซึ่งเป็นภาพแผนที่ตามพระบรมราชโองการประกาศเส้นทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย พ.ศ.2516 มาแสดง
พร้อมขอให้นายกฯ หยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ.1985 และกฎหมายอื่นๆ ซึ่งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาและยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตราหนึ่งและมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ปฏิบัติตามข้อเสนอภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ
เรียกร้องรัฐบาล 6 ข้อ
โดยข้อเรียกร้อง ได้แก่ ข้อ 1.ขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของไทย และแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีป ซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาล
ข้อ 2.ขอให้นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตราหนึ่งและมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญไทยหรือไม่
ข้อ 3.และหากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกการเจรจา ตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที
จัดเวลาสาธารณะให้ประชาชน
ข้อ 4.แต่หากศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขอให้ ครม.จัดให้มีการเจรจากับกัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ เส้นมัธยะ
ข้อ 5.ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค หรือ JTC ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง และ
ข้อ 6.ให้จัดเวทีสาธารณะแก่ประชาชนเรื่อง MOU 2544 และJC 2544 โดยให้ความรู้ความเข้าใจที่เป็นกลาง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศ ทั้งนี้ ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณากลับภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ ครม.ได้พิจารณา
อัด”ทักษิณ”จับมือกับ”ฮุนเซน”
สนธิ กล่าวว่า มีคำถามว่าเอ็มโอยู 2544 เกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบคือเกิดขึ้น เพราะ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนายกฯในตอนนั้นจับมือกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อร่างเอ็มโอยู 2544 ลากเส้นของตัวเองเข้ามากินในพื้นที่ของคนไทย และคนร่างเอ็มโอยู 2544 คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรมว.ต่างประเทศ ถามว่าทำไมถึงกล้าพอที่จะร่าง เหตุผลเพราะนายสุรเกียรติ์ต้องการให้นายทักษิณส่งเสริมให้ตัวเองเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติในตอนนั้น
นายสนธิ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่เคยมีพื้นที่ทับซ้อน แต่เรามีนายกฯ ทับซ้อน ตนกล้าพูดว่าเอ็มโอยู 2544 เป็นเอ็มโอยูขายชาติ ตนให้เวลารัฐบาลชุดนี้ 15 วัน หลังจากนั้นจะมาติดตามผล ซึ่งขั้นตอนต่อไปตนจะร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งเอกสารให้ สส.และ สว.ทุกคนยืนยันสิทธิ์ของประเทศไทย หาก สส.และ สว.คนไหนลงมติเห็นชอบเอ็มโอยู 2544 จะถือว่าอยู่ในขบวนการร่วมกันขายชาติเช่นกัน หากอนาคตความจริงปรากฏ จะทำให้ สส.และ สว.ที่ยกมือก็จะติดคุกติดตารางในฐานะขายชาติ นอกจากนี้ ตนจะยื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการโดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาได้รับทราบว่าถ้าท่านไม่ปกป้องอาณาเขตไทยร่างสัญญาใหม่แล้วตกลงทำตาม ท่านก็คือข้าราชการขายชาติเช่นกัน
ลั่นสู้หนนี้ต้องชนะลูกเดียว
“นี่คือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำอะไรครั้งนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องชนะลูกเดียว พวกแกนนำเก่าๆ พากันพูดว่าไม่มีมวลชนแล้ว วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดมพ่อแม่พี่น้อง แต่ว่ามากันด้วยใจ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องลงถนนกันก็จะมามากกว่านี้เป็นพันเท่า ถ้าอะไรที่เป็นของเราแล้วมาเอาไปก็ต้องเจอกัน บางคนพูดถึงเรื่องเก่าว่าประเทศไม่เดินหน้าเพราะการประท้วง และผมเป็นสารตั้งต้นความวุ่นวาย ผมถามกลับว่าที่ประท้วงในปี 2548 เราประท้วงใคร และเรื่องอะไร ใช้เวลา 18 ปี เพื่อพิสูจน์ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ให้นายทักษิณสารภาพผิด และบรรจุลงในราชกิจจานุเบกษาว่าได้คดโกงประเทศชาติอย่างไร ความจริงและประวัติศาสตร์รอมาตั้ง 18 ปี” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวว่า “ขอถามถึงนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ตนและพวกทำผิดตรงไหนที่ไม่ยอมส่งดินแดนของเราให้กับกัมพูชา เพียงเพราะนายกฯ ทับซ้อนบางคนมีข้อตกลงกัน จะแบ่งผลประโยชน์กันห้าสิบห้าสิบ”
“ภูมิธรรม”ชี้ไม่มีอะไรเลย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาล พร้อมรับฟังความคิดเห็นแต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ส่วนประเด็นที่เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ก็คือสื่อไปตั้งคำถาม และไปลงในสิ่งที่ถาม ตนขอความกรุณาเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องประโยชน์กับประเทศชาติ และเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นไม่มีผลดีต่อประเทศ ทำให้ประเทศหมดความเชื่อมั่น และจะถูกมองว่ามีปัญหาอย่างที่สื่อถามหรือไม่ ซึ่งเขายังไม่ได้คิดอะไรเลย ยิ่งถามก็ยิ่งแสดงให้เขาสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นในประเทศเรา และผลที่เกิดขึ้นไม่ดีเลยทำให้ความเชื่อมั่นไม่มี ความมั่นคงที่ทุกฝ่ายกำลังจะฟื้นเศรษฐกิจ จึงอยากขอร้องว่าอย่าไปตั้งคำถามที่อะไรเกินเลย อยากให้ข้อเท็จจริงมันเกิดแล้วค่อยถามข้อเท็จจริง
“นพดล”เตือนอย่ามาโจมตีรัฐบาล
นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวทุกอย่างควรตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้อง อย่าใช้ความเท็จมาโจมตีรัฐบาล เช่นบอกว่าถ้าเจรจาตาม mou 44 จะทำให้เสียดินแดน ซึ่งไม่จริง และคงไม่มีรัฐบาลไหนไร้จิตสำนึกจนทำให้ไทยเสียดินแดน ตนไม่อยากเห็นการใช้ความเท็จ เพราะเคยเป็นเหยื่อการใส่ร้ายเท็จเรื่องเขาพระวิหารว่าพวกตนจะทำให้เสียดินแดน ปลุกปั่น จุดกระแส แต่ท้ายที่สุดศาลฎีกาฯตัดสินยกฟ้องตนและในคำพิพากษาระบุว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้องตามสถานการณ์และประเทศจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ตนทำ แต่ไม่มีใครรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดจากการปลุกปั่น ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบกับเพื่อนบ้าน การเสียชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมทรามลง เป็นต้น เราคนไทยด้วยกันควรพูดกันด้วยเหตุผลและยึดประโยชน์ประเทศ
ไม่ยอมรับเส้นแบ่งเขมร
นายนพดล กล่าวต่อว่า การเรียกร้องให้ยกเลิก mou 44 โดยอ้างว่าจะทำให้ไทยเสียดินแดนเพราะไทยไปยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีเนื้อหาตอนใดของ mou44 ที่ไปยอมรับเส้นของกัมพูชา อีกทั้งแผนผังแนบท้าย mou 44 เพียงสะท้อนเส้น 2 เส้นที่กัมพูชาและไทยประกาศ การสะท้อนเส้น ไม่ถือว่าเป็นการยอมรับเส้น ยิ่งกว่านั้น เนื้อหาในข้อ 5 ของ mou44 ปกป้องสิทธิ์ฝ่ายไทยไว้ ตามที่ระบุไว้ว่าตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล ให้ถือว่า เนื้อหาmou 44 จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา ดังนั้น การให้ความเห็นว่าmou 44ไปยอมรับเส้นของกัมพูชาจึงขัดกับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและไม่เป็นผลดีต่อท่าทีของไทย หากสงสัยควรสอบถามกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
เผยยกเลิกMOUมีแต่ผลเสีย
นายนพดล กล่าวว่า แปลกใจที่ แทบทุกรัฐบาลที่ผ่านมาได้ใช้ mou 44 ในการเจรจากับกัมพูชา ก็ไม่เห็นมีการคัดค้าน และเห็นว่าการเรียกร้องให้ยกเลิก mou จะมีผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจาก 1) หลังยกเลิก การประกาศเขตไหล่ทวีปของแต่ละฝ่ายก็จะยังคงอยู่ พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน 26,000 ตร.กม.ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปพร้อมกับ mou 2)ไทยและกัมพูชาไม่สามารถเข้าไปสำรวจขุดเจาะน้ำมันและแก๊สในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนได้ ตนไม่เห็นว่าใครจะได้ประโยชน์ 3) ทั้ง 2ฝ่ายไม่มีความผูกพันที่จะต้องเจรจาเรื่องแบ่งเขตทางทะเลและพัฒนาร่วมควบคู่กันไปแบบผูกติดกัน และ 4) เงื่อนไขข้อ 3 ของ mouที่ผูกพันให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาแบ่งเขตทางทะเลตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศก็จะสิ้นผลไปพร้อมกับ mou ซึ่งเมื่อไทยไม่ยอมรับเส้นของกัมพูชา แล้วจะไปยกเลิกช่องทางการเจรจาให้ได้ข้อสรุปที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศไปทำไม ฟังดูย้อนแย้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี