“ทวี สอดส่อง” เผย ขั้นตอน เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมรับตัว “โกทร” และพวกเข้าคุมขัง อาจขอรับสนับสนุนกำลังตำรวจท้องที่และหนุมานกองปราบฯ คุมหัว-ท้ายขบวน แย้ม “โกทร”
สูงวัย 85 ปี พ่วงป่วยโรคประจำตัว “ผบ.เรือนจำฯ” สามารถพิจารณาอนุมัติ ส่งออกรักษาตัวนอกเรือนจำฯเหมือนกรณี “ทักษิณ” ต้องมีหมอยืนยันป่วยจริง
จากกรณีกรมราชทัณฑ์ได้รับตัวนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร อายุ 85 ปี กับพวกรวม 7 ราย เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม เข้าคุมขังระหว่างพิจารณาคดีที่เรือนจำจังหวัดนครนายก เนื่องด้วยศาลยกคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเหตุ การณ์การเสียชีวิตด้วยอาวุธปืนของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง เมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2567ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ศูนย์ราชการเฉลิมเกียรติ 80 พรรษา ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า หากตำรวจกองปราบฯยื่นขอศาลย้ายอำนาจสำนวนสอบสวนจาก สภ. เมืองปราจีนบุรี มายัง บช.ก.นั้น
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าสำหรับการย้ายตัวนายสุนทร และพวกนั้น ปกติจำเลย หรือผู้ต้องหา หากศาลยังไม่ตัดสิน ถือเป็นผู้ต้องหาจะอยู่กับเขตอำนาจพนักงานสอบสวน แต่ถ้าเป็นคดีของกองบังคับการปราบปราม ซึ่งเขตอำนาจของกองปราบฯ มีทั่วประเทศ กองปราบฯ อาจใช้เรือนจำจังหวัดนครนายกก็ได้ แต่ต้องดูว่ากองใดของกองปราบฯ จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการโอนสำนวนมาที่กรุงเทพฯ แต่ว่าด้วยความที่อำนาจของกองปราบฯ มีทั่วประเทศ ก็อาจจะไม่โอนมาก็ได้ ทั้งนี้ ต้องไปสอบถามทางกองปราบฯ
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าการขอโอนย้ายตัวผู้ต้องหาจากพื้นที่หนึ่ง ไปคุมขังยังอีกพื้นที่หนึ่งนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องส่งเอกสารทำเรื่องการขอย้ายตัวผู้ต้องหากับศาลจังหวัดนครนายก แล้วศาลจึงจะมีคำสั่งโอนย้ายตัวผู้ต้องหาจะต้องย้ายทั้งหมด เพราะอยู่ในสำนวนเดียวกัน ส่วนเงื่อนไขการเยี่ยมญาติ ราชทัณฑ์มีมาตรฐานเดียว กัน เพราะเรือนจำไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ดังนั้น การเยี่ยมญาติเป็นไปตามหลักเกณฑ์
โดยเฉพาะในส่วนของผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี เราก็อยากให้มีการเยี่ยมญาติมากขึ้น เพราะผู้ต้องหายังมีความจำเป็นต้องต่อสู้คดี จึงต้องมีการพบทนายความ และได้พบบุคคลที่สามารถให้ข้อมูลได้ ตนได้ให้นโยบายแก่เรือนจำทั่วประเทศ ไม่ได้หมายความเพียงแค่คดีนี้เท่านั้น หากเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ควรเปิดโอกาสให้เยี่ยมญาติมากขึ้น เพื่อจะได้มีเวลาในการต่อสู้คดี และการเดินทางไปศาล ตนมองว่าผู้ต้องขังคดีระหว่างพิจารณา ไม่ควรที่จะต้องสวมใส่เสื้อชุดสีลูกวัว หากสามารถแต่งกายธรรมดาได้ ก็ควรได้แต่ง แต่ทราบว่าขณะนี้มีหลายเรือนจำได้เริ่มนำร่องไปแล้ว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่นายสุนทร เป็นบุคคลสูงอายุ 85 ปี และมีโรคประจำตัว การพิจารณาให้ได้รับการพบแพทย์ กระบวนการขั้นตอนเป็นอย่างไรนั้น หากมีอาการเจ็บป่วยตามระเบียบแล้วก็สมควรได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็ว แต่ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของผู้บัญชาการเรือนจำที่จะพิจารณาส่งตัวให้ได้รับการรักษาพยาบาล แต่การไปรักษาพยาบาล ด้วยความเป็นพื้นที่ควบคุมก็ต้องมีการอายัดตัวกับตำรวจ และเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ ก็ต้องไปควบคุมด้วย เหมือนคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ การจะส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำนั้น ผู้บัญชาการเรือนจำจะต้องเป็นคนที่อนุมัติออก แต่หมอต้องรับว่าป่วยจริงหรือไม่ หากป่วยไม่จริงก็ต้องส่งตัวกลับ
“สำหรับการพักการลงโทษ จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีของนายโกทรและพวก เพราะการพักโทษต้องเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดเท่านั้น ต้องมีคำพิพากษาศาลตัดสินเท่านั้น แต่ถ้าเป็นกรณีของการเจ็บป่วย เราสามารถส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรับการรักษาตัวภายนอกเรือนจำได้ จะเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ในแม่ข่าย อย่างเช่นโรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ แต่ถ้าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ สามารถรองรับได้ ก็ให้โรงบาลราชทัณฑ์รับดำเนินการดูแลเรื่องการพยาบาล“ พ.ต.อ.ทวี ระบุ
เมื่อถามว่าพยาบาลราชทัณฑ์อนุมัติให้ไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำเหมือนเคสในอดีตใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พยาบาลเป็นผู้แจ้งแก่ ผบ.เรือนจำฯ แต่เป็นอำนาจของ ผบ.เรือนจำฯ ในการพิจารณา แต่ถ้าพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรม ถ้าเกินศักยภาพของหน่วยพยาบาลเรือนจำนั้นๆ ก็จะ
แจ้งไปที่ผู้บัญชาการเรือนจำที่จะเป็นผู้อนุมัติให้ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ
เมื่อถามว่าส่วนกรณีหากมีการโอนย้ายสำนวนมายังส่วนกลาง ผู้ต้องหาก็จะถูกย้ายการคุมขังมาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่าคดีระหว่างในกรุงเทพฯ เราใช้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนกระบวนการคุ้มครองความปลอด ภัยระหว่างเคลื่อนย้ายตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำไปอีกเรือนจำ จะต้องขอกำลังสนับสนุนจากหนุมานกองปราบ มาควบคุมหัว-ท้ายขบวนหรือไม่นั้น เรียนว่าตอนย้ายคงต้องอำนวยความสะดวกในการเดินทาง เรามีคนนำมาอยู่แล้ว แต่เราก็อาจจะให้ตำรวจได้ช่วย เพราะปกติตำรวจท้องที่ก็มาช่วย เพราะจริงๆ แล้วราชทัณฑ์เองเราก็สามารถแต่งตั้งตำรวจหรือทหารมาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงกรณีการจำแนกแยกลักษณะผู้ต้องขัง หากนายสุนทรและพวก ถูกย้ายตัวมาคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ราชทัณฑ์จะต้องเฝ้าระวังกลุ่มของผู้ที่เสียประโยชน์จากบ้านใหญ่เครือข่ายโกทร หรือไม่นั้น ตนขออธิบายว่า ทางเรือนจำจะต้องเป็นคนดูไม่ให้คู่ขัดแย้งได้อยู่ด้วยกัน เพราะผู้คุมเรือนจำต้องดูไม่ให้เกิดเหตุการณ์ และในเรือนจำฯ ผู้ที่มีเหตุการณ์แบบนี้ก็สามารถฟ้องญาติได้ บอกทนายได้
เมื่อถามถึงกรณีของนายโกทรและพวก หากถูกย้ายมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จะได้คุมขังภายในแดนเดียวกันหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี แจงว่า ในทางปฏิบัติขึ้นอยู่กับ ผบ.เรือนจำฯ หากจะอยู่รวมกันก็ได้ แต่ไม่ควรอยู่กับฝ่ายตรงข้ามหรือขัดแย้งกัน ส่วนกรณีที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อยากเข้าไปเยี่ยมนายโกทร และอยากขอให้นายโกทรมาแถลงข่าวนั้น สามารถเข้าเยี่ยมได้ แต่ต้องเป็น 1 ใน 10 ชื่อที่นายโกทรได้ระบุไว้ และเจ้าตัวก็ต้องอนุญาตการให้เข้าเยี่ยมด้วย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานการประสานมาว่าจะมีการย้ายนายโกทร และพวก จากเรือนจำจังหวัดนครนายก มาคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร ในวันเวลาใด เพราะต้องรอกระบวนการของพนักงานสอบสวน และศาลก่อน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ 8 แดนภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ประกอบด้วย แดน 1 หรือแดนแรกรับ สำหรับนักโทษสูงอายุ ป่วย พิการ แดน 2 หรือแดนกักโรค สำหรับนักโทษใหม่ทุกคนที่เพิ่งเข้าเรือนจำ แดน 3 แดนเด็ดขาด สำหรับนักโทษที่ถูกตัดสินโทษไม่เกิน 15 ปี แดน 4 สำหรับนักโทษที่ต้องเฝ้าดู อยู่ระหว่างตัดสินว่าจะพิจารณาส่งไปยังแดนใด แดน 5 หรือแดนเด็ดขาด สำหรับนักโทษที่มีอัตราโทษไม่เกิน 15 ปีมีห้องแยกคุมขังเดี่ยว แดน 6 หรือแดนฝึกวินัย สำหรับนักโทษที่มีพฤติกรรมเกเรที่จะต้องถูกนำมาฝึก แดน 7 หรือแดนพยาบาล และแดน 8 หรือแดนหลากหลายสำหรับนักโทษที่ศาลยังไม่ตัดสินโทษ
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงกรณีที่ตำรวจบุกค้นบ้านประธานสาขาพรรคการเมืองชื่อดังในจ.ปราจีนบุรีพบอาวุธปืนเถื่อน และเครื่องกระสุนจำนวนมากว่าตนขอสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศประสานความร่วมมือ ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทยและฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลัง เร่งปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจังเด็ดขาด ควรต้องมีมาตรการปูพรมตรวจค้นอาวุธปืนเถื่อน อาวุธสงครามและเครื่องกระสุน ที่ช่วงนี้เมื่อมีมาตรการตรวจค้นเข้มข้น ก็พบว่ามีการครอบครองอาวุธโดยไม่มีใบอนุญาตจำนวนมาก เชื่อว่า ทุกพื้นที่ทุกจังหวัดมีขบวนการลักลอบขายอาวุธปืนเถื่อนและสิ่งผิดกฎหมายประเภทอื่น ๆ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้เจ้าหน้าที่เร่งป้องปรามและสกัดกั้นการใช้อาวุธปืนก่อเหตุรุนแรงได้ตามที่เป็นข่าวมาแล้วนั้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงต้นปีหน้าในเดือนก.พ. 2568 จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ ให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย ป้องกันไม่ให้ผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มบุคคลใดใช้สิ่งที่ผิดกฎหมายเข้ามากดดันประชาชนในพื้นที่ได้
“หวังว่าเมื่อนายกฯนั่งเป็นประธานคณะกรรมการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศแล้ว ได้สั่งการกำชับและมี KPI วัดผลเรื่องนี้จะยิ่งเห็นผลงานเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ออกมาตรการปูพรมสกัดกวาดล้างอาวุธเถื่อน ยาเสพติดรวมถึงสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด เริ่มตั้งแต่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ต่อเนื่องไปจนถึงช่วง 1 ก.พ.ปีหน้า ที่จะมีการเลือก นายกอบจ. พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองและเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงของตัวเองโดยไม่มีใครมากดดันทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ เชื่อมั่นว่า สร้างความมั่นคงปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่แน่นอน”นายธนกร ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี