‘เสรีพิศุทธ์’นัดบุกชั้น14/ยืนยันคำให้การเดิม
มัด‘แม้ว’ป่วยทิพย์
ชี้‘เวชระเบียน’จุดตายเทวดา
เผยตอนพบ‘เขาฟิตกว่าผมอีก’
ลั่นเอาผู้เกี่ยวข้องติดคุกทั้งหมด
แนะปปช.เชิญ‘อิ๊งค์’ให้ข้อมูล
“เสรีพิศุทธ์” รุดให้ปากคำ ป.ป.ช.หนที่ 2กรณี“ทักษิณ”ป่วย ยันไม่มีข้อมูลป่วยวิกฤตฉุกเฉิน แถมบอกฟิตกว่าตัวเองตอนนี้อีก เตือนผู้เกี่ยวข้องส่งตัวโดยไม่ขอศาล ระวังเจอคุก 6 เดือน เผยเวชระเบียนเป็นจุดตายเทวดา ระบุ พร้อมเสมอลงพื้นที่ร่วม ป.ป.ช. แนะ เจ้าหน้าที่เชิญ “นายกฯ” พร้อมครอบครัว เข้าให้ข้อมูล ด้านประธานวิปรัฐบาลชี้คดีนี้ไม่ได้เขย่าขวัญรัฐบาล เพราะ“ทักษิณ” ไม่ได้เป็นนายกฯ ทั้งเรื่องเกิดขึ้นในยุค“บิ๊กตู่” เชื่อมือ “เนติบริกร”ในการรับมือ
เมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 27 มกราคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.)
โดยระบุว่า วันนี้มาให้การเพิ่มเติม จากที่เคยมาให้แล้วก่อนหน้านี้ 1 ครั้ง โดยหนังสือเชิญบอกไว้ชัดแจ้งว่า ขอให้มาให้การเพิ่มเติมจากที่เคยให้ไว้ครั้งที่แล้ว โดยครั้งที่แล้วให้การเป็นข้อเท็จจริงไปหมดแล้ว แต่ว่าเวลาผ่านไปมันอาจจะมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากความเห็นของแพทยสภา ข้อมูลเวชระเบียน และมีข้อเท้จจริงอื่นๆที่ปรากฏออกมา โดยวันนี้รวบรวมมามอบให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. ที่จะเป็นคนมาสอบปากคำด้วยตัวเอง แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องที่จะพูดคุยในสำนวนการสอบ แต่สิ่งที่ตนจะย้ำ คือ เรื่องของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับเวชระเบียนของผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ซึ่งเป็นหลักการทั่วไปที่สามารถตรวจสอบได้ และขอยืนบันว่า ผู้ป่ายในต้องทำบันทึกข้อมูลเวชระเบียนทุกคน ดังนั้นเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช. ต้องตรวจสอบว่ามีการส่งข้อมูลเวชชระเบียนมาครบหรือไม่ ซึ่ง ป.ป.ช. ก็มีกฎหมายว่า หากไม่ส่งเวชระเบียนมาถือว่ามีความผิด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการอะไร
สำหรับกรณีที่พันตำรวจเอกทวีสอดส่อง รมว.ยุติธรรมระบุว่าการที่นายทักษิณจ่ายค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลมีใบเสร็จถือเป็นหลักฐานการรักษาพยาบาลอยู่แล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย้อนว่าใบเสร็จที่ไหนก็มี แต่ประเด็นอยู่ที่ป่วยวิกฤตหรือไม่ ถ้าไม่ป่วยวิกฤตจะส่งไปโรงพยาบาลตำรวจได้อย่างไร และประเด็น กำลังรอที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา แผนกคดีนักการเมือง ว่าจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร ให้ไต่สวนหรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องที่กรมราชทัณฑ์ส่งผู้ป่วยไป โดยไม่ได้ขออนุญาตศาล ผิดกฎหมายให้หรือไม่ ซึ่งหากวินิจฉัยว่าให้ไต่สวน ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
ซึ่งใครที่ส่งผู้ป่วยไปโดยไม่ขอศาล คนเหล่านั้นก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งมีโทษจำคุก 6 เดือน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย้ำว่าผู้ป่วยวิกฤตจริงจะต้องมีการตรวจสมอง หัวใจ และปอด แต่กรณีนายทักษิณ ไม่มีหลักฐานการตรวจใดๆ แม้กระทั่งจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และหากป่วยวิกฤตจริง ก็จะไม่มีการส่งไปชั้น 14 ทันที จะต้องมีการตรวจซ้ำ เข้าห้องฉุกเฉินก่อน แต่กรณีนี้ไม่มีข้อมูลใดๆ
เมื่อถามว่าตอนไปเยี่ยมนายทักษิณมีอาการอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวพร้อมหัวเราะ ว่า ฟิตกว่าตนตอนนี้อีก
ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป่วยของนายทักษิณ ต่อ ป.ป.ช. ว่า มีการยืนยันคำให้การเดิม และเพิ่มเติมกรณีที่ขึ้นไปชั้น 14 รวมถึงเวชระเบียน เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีอยู่แล้ว อย่างตนป่วยก็อธิบายการป่วยของตนว่า การป่วยวิกฤตมีหมอสมอง หมอหัวใจ หมอปอดจะเข้ามาตรวจหมด เพราะไม่รู้ว่า ที่อาการวิกฤตนั้นมาจากอะไร ทำให้หมดด้านต่างๆ ต้องเข้ามาตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดจนกว่าจะรู้สาเหตุของอาการวิกฤติ และจะบันทึกไว้ในเวชระเบียนทั้งหมด สมมติหากสาเหตุมาจากปอด หมอด้านอื่นๆ ก็ถือว่าพ้นหน้าที่ตรงนั้น แต่การเข้ามาตรวจสอบแล้วย่อมมีบันทึกไว้ในเวชระเบียน ส่วนการรักษาต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของหมอปอด และจะเข้ามารักษา พร้อมบันทึกอาการและการการรักษาต่อไป จนกระทั่งหายป่วยออกจากโรงพยาบาลได้
“อาการของคนป่วยวิกฤต ผมยกตัวอย่างผมป่วยไปนอนโรงพยา บาลอยู่ 20 กว่าวัน มวลกล้ามเนื้อก็หมด คนเราถ้าไม่ได้เดินเหินไปนู่นมานี่สัก 7 วัน 10 วันกล้ามเนื้อก็แย่แล้ว หมอต้องพาผมเดิน เพื่อให้มวลกล้ามเนื้อกลับมา กลับบ้านแล้วก็ต้องออกกำลังกาย ส่วนการไปชั้น 14 ของคุณทักษิณ ที่อ้างว่าวิกฤต พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วจะส่งขึ้นไปที่ชั้น 14 เลยไม่ได้หรอก ชั้น 14 นั่นคือผู้ป่วยที่ ออกจากไอซียูแล้ว หายป่วยวิกฤติแล้ว ถึงจะไปพักชั้น 14 แต่ของคุณทักษิณบอกว่าป่วยวิกฤติ แต่พอไปถึงโรงพยาบาลตำรวจแล้ว หมอสมอง หมอหัวใจ หมอปอดต้องมาตรวจใหม่หมดให้รู้ว่าวิกฤติจากอะไร ต้องใช้เวลาพอสมควร และต้องอยู่ที่ห้องไอซียู ไม่ใช่ส่งไปชั้น 14 แต่นี่มาถึงปุ๊บส่งขึ้นไปเลย ก็แสดงว่ามันไม่วิกฤติ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้ชนตนให้ร่วมลงพื้นที่ไปดูชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วย ซึ่งตนก็ตอบตกลง เพราะต้องการให้ความถูกต้องเกิดขึ้น อยู่ระหว่างรอนัดหมายว่าเป็นวัน เวลา ใด ตนยินดีที่พาไป จะไปชี้ห้องให้ ทั้งนี้ แม้เวลาผ่านไปนานแล้วยืนยันว่าอะไรๆ ไม่เปลี่ยน ห้องไหนๆ ก็เหมือนกัน
เมื่อถามว่า คิดว่าจะเอาใครติดคุกได้บ้าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า หมดเลย คือ 12 คนที่ถูกกล่าวหา รวมไปถึงรัฐมนตรี และนายทักษิณด้วย อีกทั้งตนยังแนะนำว่า ในช่วงที่นายทักษิณเข้าโรงพยาบาลใหม่ๆ ทางกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ครอบครัว 10 คนเข้าเยี่ยมได้ จึงขอให้ป.ป.ช. เชิญบุคคลในครอบครัวทั้ง 10 คน ตั้งแต่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พี่ น้อง ใครมีชื่อเยี่ยมให้เชิญมาสอบปากคำทั้งหมด ระหว่างที่นายทักษิณอยู่โรงพยาบาลนั้น มีการไปเยี่ยมอย่างไร อาการเป็นอย่างไร ดูว่าจะมีการโกหกหรือไม่ ทั้งนี้เพราะการรวบรวมพยายานหลักฐานก็เอาให้ได้ทุกทาง แต่ไม่ทราบว่าจะมีการเชิญคนเหล่านี้มาให้ข้อมูลหรือไม่
ทางด้าน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “จับตาคดีชั้น14 เดินหน้าต่อ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ร่วมรักษาหลักนิติรัฐนิติธรรม ปกป้องกระบวนการยุติธรรม #ราชทัณฑ์อำนาจเหนือตุลาการ #อย่าปล่อยคนชั่วลอยนวล #อย่าให้คนโกงมีที่ยืนในสังคมไทย” วันเดียวกัน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานสส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิสูจน์เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เกิดในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯขณะนั้น ทำหน้าที่ส่งไป และเป็นไปตามขั้นตอน ไม่น่าหนักใจอะไร
“นายวิษณุ ในฐานะมือกฎหมายคงจะพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างดี การตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนนั้นเป็นไปตามกระบวนการการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ” นายวิสุทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายทักษิณ รักษาตัวที่ชั้น14 ในช่วงสมัยรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า “พอเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แล้วต้องเอาออกหรือ ซึ่งการรักษาตัวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปตามความเห็นของแพทย์ที่รักษา ดังนั้นเรื่องนี้ไม่น่าหนักใจอะไร ให้เป็นไปตามขั้นตอน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี