นำทัพพท.ชนะนายกอบจ.10จว.-แพ้ไป5
‘แม้ว’สิ้นมนต์ขลัง
‘สมชัย’ชี้ไล่หนูตีงูเห่าพ่ายยับ
‘สรวงศ์’ยอมรับไม่เข้าเป้า
กลับมาทำการบ้านกันใหม่
‘เต้น’อวยไม่ช่วยไม่ได้เท่านี้
“สรวงศ์” รับเพื่อไทยพ่ายศึกนายกอบจ. “เชียงราย-ลำพูน” หลังไม่เข้าเป้าตามที่หวัง บอกยังทำการบ้านไม่พอลั่นเป็นเรื่องปกติ แต่จะนำมาเป็นบทเรียนขออย่ามอง “ทักษิณ” หมดมนต์ขลังเหตุทุกคนทำเต็มที่แล้ว ด้าน “วรชัย’ ยกชัยชนะ‘อบจ.เชียงใหม่’ข่ม‘ปชน.’ส่งสัญญาณทวง‘ออเร้นจ์โซน’คืน‘เพื่อไทย’กลับมายืนหนึ่ง ขณะที่’อนุสรณ์’ขอบคุณทุกคะแนนเสียงวางใจเลือก‘นายกอบจ.-ส.อบจ.’อวยแหลกมนต์‘นายใหญ่’ยังขลัง กวาดชัยสนามท้องถิ่น ชูผลงาน‘รัฐบาลแพทองธาร’ปัจจัยความสำเร็จ ฟุ้งหนักไม่มีเวลาฉลอง ขอเดินหน้าทำงานหนัก ตอบแทนชาวบ้าน เผยเพื่อไทย คว้า10ที่นั่ง ภูมิใจไทย9ที่นั่ง พรรคประชาชนเจาะไข่แดงลำพูนของ’เทวดาแม้ว’ได้สำเร็จ
เมื่อวันที่ 2กุมภาพันธ์2568 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิก อบจ.ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งพรรค พท.ชนะ 10 จังหวัด ว่า เรามั่นใจว่าผู้สมัครทุกคนทำเต็มที่ จะสมหวังหรือผิดหวังก็เป็นเรื่องปกติ เพราะประชาชนเป็นคนเลือก ซึ่งเราจะต้องเอาบทเรียนต่างๆ รวมถึงจะต้องเอาคะแนนมาดูอย่างละเอียดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อถามว่า มีจังหวัดไหนบ้างที่ไม่เข้าเป้าตามที่เรามุ่งหวังไว้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า มีที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดลำพูน ที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แม้ทั้งสองจังหวัดนี้เราจะแพ้ไปไม่เยอะ แต่ก็คือแพ้ ซึ่งถือว่าเรายังทำการบ้านไม่ดีพอ ต้องมาทำการบ้านกันใหม่
เมื่อถามว่า มองว่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2570 หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ถามว่ามีหรือไม่ ก็ต้องมีอยู่แล้ว อย่างหนึ่งสำหรับพรรค พท. คือเรามีประสบการณ์ มีบทเรียนว่าเราผิดพลาดตรงไหน เดี๋ยวเราจะตามแก้ไขเอาเพราะยังมีเวลา
เมื่อถามถึง กรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสื่อมมนต์ขลังแล้ว
พท.ปัดแม้วสิ้นมนต์ขลัง
นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มี เราอย่าไปมองเช่นนั้น ทำไมไม่มองด้วยว่าจังหวัดที่นายทักษิณไป เราก็ประสบความสำเร็จเกินครึ่ง ซึ่งนายทักษิณก็ไม่ได้สามารถที่จะไปจับปากกาหรือจับมือใครกาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้คือการไปพูดให้ประชาชนมาเลือกคนของเรา แต่ในเมื่อไม่ได้เป็นไปตามเช่นนั้น เราก็ต้องยอมรับ
“อย่าไปมองว่าหมดมนต์ขลัง ผมคิดว่ามันไม่ใช่ เพราะก็มีอีกเยอะที่ผู้ใหญ่ในพรรคอื่นไป แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ขออย่าไปมองว่าใครหมดมนต์ขลัง เพราะทุกคนก็ทำเต็มที่หมด” นายสรวงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ในจังหวัดที่เราชนะจะต้องมีการลงพื้นที่เพื่อไปขอบคุณหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้สมัคร แต่ก็อาจจะดูว่าเราอาจจะลงพื้นที่ไปทำงานหรืออะไรต่างๆ ซึ่งอาจถือโอกาสนั้นในการไปขอบคุณด้วย แต่เบื้องต้นเรายังไม่มีโปรแกรมที่จะลงพื้นที่เพื่อไปขอบคุณ
ขอบคุณในทุกคะแนนเสียง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนการทำงานอย่างหนักของผู้สมัครทุกคนในการลงพื้นที่สื่อสารผลงานนโยบายต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงผลงานของรัฐบาลน.ส.พทองธาร ชินวัตร ที่ผลิดอกออกผลให้ประชาชนรับรู้และสัมผัสได้ถึงความสำเร็จของผลงานรัฐบาล ปัจจัยชี้ขาดสำคัญคือการที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ช่วยหาเสียงในหลายสนามทั่วประเทศ และยังส่งผลถึงภาพกว้างของประเทศในการตอกย้ำถึงผลงานจากอดีตสู่ปัจจุบันไปถึงอนาคต มนต์ขลังของดร.ทักษิณ ผสานพลังกับผลงานของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร รวมถึงการทำงานอย่างหนักของผู้สมัครนายอบจ.ส.อบจ.ทำให้ผลการเลือกตั้งออกมาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามตามที่ปรากฏ
“พรรคเพื่อไทย ไม่มีเวลาเฉลิมฉลอง มีแต่เวลาของการเดินหน้าทำงานอย่างหนัก เพื่อตอบแทนความศรัทธาความไว้วางใจที่พี่น้องประชาชนมอบให้กับพรรคเพื่อไทย“ นายอนุสรณ์ กล่าว
‘วรชัย’โอ่แดงคัมแบ็คกลืนส้มข่มปชน.
นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกฯอบจ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งนายกฯอบจ.เชียงใหม่ กลับมาเป็นนายกฯอบจ.สมัยที่ 2 ว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติแตกต่างกัน แต่เฉพาะพื้นที่เชียงใหม่ตนมองว่าการหาเสียงครั้งนี้ไม่ต่างจากการเลือกตั้งใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน เดินสายชูนโยบายหลักของพรรค ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียหาเสียง พรรคเพื่อไทยเราเดินหาเสียง เราทำความเข้าใจประชาชนให้เห็นถึงการทำงานของรัฐบาลจะสนับสนุนชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร และได้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯลงมาช่วยหาเสียงด้วย ประกอบกับนายพิชัย ได้ทำงานจนประชาชนยอมรับทำให้ได้รับชัยชนะอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาในจ.เชียงใหม่ ที่แดงกลายเป็นส้ม พรรคเพื่อไทยได้ 2 เขต พรรคประชาชนได้ 7 เขต วันนั้นความเชื่อมั่นต่อพรรคเพื่อไทยได้ลดทอนลงไปเยอะมาก จนทำให้สังคมมองว่าเชียงใหม่เป็นส้มแล้ว
“แต่การเลือกตั้งนายกฯอบจ.ครั้งนี้ เราทำงานกันอย่างหนัก ประชาชนเริ่มเข้าใจหลักการทำงานของพรรคเพื่อไทย จนทำให้กลับมาเป็นสีแดงเหมือนเดิม ทำให้เชื่อว่าภาพการเมืองใหญ่ที่เหลือเวลา 2 ปีกว่าจะมีการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องแดงที่เปลี่ยนไปเลือกส้มจะกลับมาเป็นแดงเหมือนเดิมแล้วเพื่อไทยจะกลับมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน” นายวรชัย กล่าว
‘สมชัย’ชี้สิ้นมนต์ขลังอบจ.10แพ้5
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง” ตรวจสอบผลการเลือกตั้งในจังหวัดที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปปราศรัย1.เชียงราย แพ้ (แพ้ตระกูลวันไชยธนวงศ์) 2.เชียงใหม่ ชนะ (ฉิวเฉียด) 3.ลำปาง ชนะ (เครดิต ตระกูลโล่ห์สุนทร) 4.ลำพูน แพ้ (ส้ม ชนะ ตระกูล วงศ์วรรณ) 5.นครพนม ชนะ (ชนะตระกูล โพธิ์สุ) 6.บึงกาฬ แพ้ (แพ้ตระกูล ทองศรี) 7.หนองคาย ชนะ (ล้มแชมป์เก่าได้) 8.มหาสารคาม ชนะ (เครดิต ตระกูล จรัสเสถียร ล้มแชมป์เก่า) 9.ศรีสะเกษ แพ้ (ไล่หนู ตีงูเห่า แต่แพ้ตระกูล ไตรสรณกุล)10.มุกดาหาร แพ้ (มีกำหนดการหาเสียงแต่ไม่ไป) สรุป 10จังหวัด แพ้ 5จังหวัด จังหวัดที่ชนะ และถือว่าสำเร็จ คือ นครพนม และหนองคาย ส่วนที่เหลือต้องบอกว่าเป็นเรื่องบารมีนักการเมืองในพื้นที่และบ้านใหญ่ คือ มหาสารคาม (จรัสเสถียร) ลำปาง (โล่ห์สุนทร) ส่วนเชียงใหม่ แม้ชนะ แต่ส้มไล่จี้หลักสามแสน ชนะแค่สองหมื่น ไม่ถือว่าสำเร็จ ครับ ส่วนที่แพ้ยับเยิน คือ ศรีสะเกษ อุตส่าห์ชูไล่หนู ตีงูเห่า ก็ยังแพ้ขาด เชียงราย ที่ปราศรัยหลายเวที ก็ยังแพ้ ลำพูน แพ้ส้ม บึงกาฬ แพ้ คุณนายของทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย สรุป อบจ.คราวนี้ บ้านใหญ่ ชนะ พรรคใหญ่ ส่วนทักษิณ หลบหน้าไปมาเลเซียแล้ว” นายสมชัย ระบุ
‘เต้น’ปัดสิ้นมนต์ขลังไม่ช่วยไม่ได้เท่านี้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ ฐานะผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายกอบจ.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผลการเลือกตั้งนายกอบจ. ภาพใหญ่ยังชี้ให้เห็นฉากทัศน์เดิมที่ผมเคย เสนอไว้ว่าการเมือง 3 ก๊ก 1.เพื่อไทย 2.พรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม (ชั่วโมงนี้ภูมิใจไทยโดดเด่นกว่ารทสช.หรือปชป.) และ 3.พรรคประชาชน จะไม่มีใครได้เสียงเกินครึ่งในการเลือกตั้งปี 70 การตั้งรัฐบาลจะจับมือกันระหว่าง 2 ใน 3 ก๊กนี้ พรรคที่จะตอบยากที่สุดว่าจะจับหรือไม่จับมือกับใครอย่างเด็ดขาด คือพรรคประชาชน รอบนี้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของคะแนนไม่มอบตัวเป็นของง่ายของใคร ทุกพรรคมีบทเรียนสำคัญให้ต้องสรุป และมีการบ้านข้อใหญ่ให้ต้องแก้ไข ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพื่อจะเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งใหญ่ เพื่อไทยส่ง16 ได้ 10 จังหวัด (บางสื่อว่าได้ 18 รวมคนในเครือข่ายของพรรคด้วย) ไม่คิดว่าจะแพ้ที่เชียงรายกับลำพูน ศรีสะเกษเรารู้ดีว่าไม่ง่าย แต่คิดว่าถ้าชนะก็สูสี หรือหากแพ้ คะแนนน่าจะใกล้กันกว่านี้ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ทั้งที่ชนะและไม่ชนะ ล้วนอยู่ในความคาดหมาย ทีมงานทุกส่วนต้องทำงานหนักกันต่อไป พรรคประชาชนส่ง 17 ได้ 1 จังหวัด พื้นที่ซึ่งมี สส.ยกจังหวัดแพ้ทุกที่
นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง? นายกฯทักษิณและพรรคตั้งแต่ไทยรักไทยถึงเพื่อไทย ไม่เคยชนะเลือกตั้งด้วยเวทมนต์ แต่สำเร็จด้วยผลงานและนโยบายที่ทำได้จริง ประชาชนที่เลือกเล่าได้เป็นฉากๆ ว่าเลือกเพราะอะไร นโยบายไหนโดนใจ การว่างเว้นจากการเป็นรัฐบาลยาวนานร่วมทศวรรษ ทำให้จุดแข็งนี้พร่าเลือนไป กลับมาเป็นรัฐบาลผสมภายใต้แรงกดดันทางการเมือง เผชิญกับรัฐราชการที่รัฐบาลก่อนปักหมุดไว้ สภาพเศรษฐกิจที่ดำดิ่งต่อเนื่อง การผลักดันนโยบายจึงไม่ง่าย การบุกเบิกจากรัฐบาลเศรษฐาถึงรัฐบาลแพทองธาร ทำให้เนื้องานที่วางไว้เริ่มผลิดอกออกผล แต่ยังแตกต่างถ้าเทียบกับความสำเร็จยุคไทยรักไทย และยังพูดว่าสำเร็จไม่ได้จนกว่าจะมีรูปธรรมที่ชัดเจนกว่านี้ ซึ่ง 2568 คือปีสำคัญ ชี้ขาดโดยหลายนโยบายที่กำลังเดินหน้าอยู่ ถ้าผลงานออกชัด งานในสนามเลือกตั้งของเพื่อไทยจะลดความยากลง บางคนถามว่าทักษิณมาเองได้แค่นี้หรือ? ผมว่าต้องถามใหม่คือ ถ้าทักษิณไม่ลงพื้นที่จะได้ขนาดนี้หรือไม่? นายกฯ ทักษิณยังคงมีพลังทางการเมือง ส่งผลบวกอย่างยิ่งต่อฐานคะแนนของพรรคเพื่อไทย 10 จาก 16 ที่ถือว่าผ่าน ได้มากกว่าทุกพรรคด้วย ข้อสังเกต เลือกตั้งนายกอบจ.คราวนี้ ปรากฏจำเลยขึ้นรายหนึ่ง กลายเป็นเป้าหมายของการโจมตี โค่นล้ม เป็นปมปัญหาใหญ่ที่ขัดขวางความเจริญของท้องถิ่นไทย “บ้านใหญ่” ตัดเรื่องแนวทางของพรรคการเมืองออก แต่ที่ผมอยากแลกเปลี่ยนคือการวางสถานะของบ้านใหญ่ เป็นผู้ร้ายทางการเมืองไปเสียเลย มันใช่หรือไม่
นักวิชาการชี้’แม้ว’กำลังสิ้นมนต์ขลัง
ผศ.วีระ หวังสัจจะโชค ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มองว่า ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. รอบนี้ทำให้เห็นว่า มนต์ขลังของ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เห็นได้จากพื้นที่ที่ นายทักษิณลงพื้นที่ไปด้วยตัวเอง 9 จังหวัดที่คาดหวังว่าควรต้องชนะ แต่พลาดไปถึง 4 จังหวัด รวมทั้งจังหวัดที่ชนะหลายจังหวัดที่ชนะด้วยคะแนนไม่ห่างกันมากนัก พรรคเพื่อไทยน่าจะต้องประเมินใหม่ว่า การเดินเกมการเมืองจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป
“มนต์ขลังของ อดีตนายกฯทักษิณ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งทักษิณลงพื้นที่หาเสียง 9 จังหวัด แต่กลับแพ้ไปถึง 4 จังหวัด คือ บึงกาฬ ศรีสะเกษ เชียงราย และลำพูน ซึ่งยังไม่รวมในพื้นที่อีสาน”
สำหรับ จ.เชียงใหม่ แม่จะชนะแต่ส่วนต่างคะแนนไม่ได้ห่างกันมากแค่ประมาณ 20,000 คะแนน
เรื่องแรกที่สะท้อนได้คือมนต์ขลังของนายทักษิณ ไม่เหมือนเดิม ทำให้พรรคเพื่อไทยกลับไปตั้งคำถามว่าการเลือกตั้งในอนาคต นายทักษิณ จะยังช่วยหาเสียงได้หรือไม่ หรือจะต้องสร้างคนที่มารับไม้ต่อ
ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่ส่งคนลงในฐานะผู้แทนอิสระ ทำให้การหาเสียงมีความคล่องตัวสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจในการต่อรองทางการเมือง ขณะที่พรรคประชาชน ที่ได้เพียงเก้าอี้เดียว ที่ จ.ลำพูน ก็เป็นทายาทบ้านใหญ่ที่มาส่วนเสื้อคลุมสีส้ม ที่อาจต้องจับตาว่า จากนี้การเมืองระดับพื้นที่จะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่การเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ทำให้เห็นการเชื่อมสนาม ระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติ แต่ถ้ามองเชิงการแข่งขันทางการเมือง พรรคเพื่อไทยน่าจะทำงานลำบากมากขึ้น เพราะศัตรูทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านแต่เป็นกลุ่มค่ายสีน้ำเงิน
เปิดผลเลือกตั้งไม่เห็นทางการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) โดยในส่วนของ ส.อบจ.มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ ขณะที่ นายก อบจ.มีการเลือกตั้งใน 47จังหวัดเท่านั้น ซึ่ง“แนวหน้า”ได้รวบรวมผลการเลือกตั้งนายก อบจ.2568 อย่างไม่เป็นทางการทั้ง 47จังหวัด ดังนี้ เชียงราย 1.อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ 249,845 คะแนน 2.สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช 230,262 คะแนน เชียงใหม่ 1.พิชัย เลิศพงศ์อดิศร 379,341คะแนน 2.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ 358,386 คะแนน น่าน 1.นพรัตน์ ถาวงศ์ 124,151 คะแนน 2.สันติภาพ อินทรพัฒน์ 38,506 คะแนน พิจิตร 1.กฤษฏ์ เพ็ญสุภา 119,940 คะแนน 2.พ.ต.อ.กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ 56,981คะแนน แพร่ 1.อนุวัธ วงศ์วรรณ 124,750 คะแนน 2.ประสงค์ ชุ่มเชย 74,934 คะแนน แม่ฮ่องสอน 1.อัครเดช วันไชยธนวงศ์ 71,652 คะแนน 2.ดนุภัทร์ เชียงชุม 26,481 คะแนน ลำปาง 1.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร 196,842 คะแนน 2.ดาชัย เอกปฐพี 103,802 คะแนน ลำพูน 1.วีระเดช ภู่พิสิฐ 109,372 คะแนน 2.อนุสรณ์ วงศ์วรรณ 103,405 คะแนน นครพนม 1.อนุชิต หงษาดี 170,133 คะแนน 2.ศุภพานี โพธิ์สุ 139,885 คะแนน นครราชสีมา 1.ยลดา หวังศุภกิจโกศล 482,316 คะแนน 2.มารุต ชุ่มขุนทด 150,919 คะแนน บึงกาฬ 1.แว่นฟ้า ทองศรี 92,396คะแนน 2.ว่าที่ ร.ต.ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น 66,216 คะแนน บุรีรัมย์ 1.ภูษิต เล็กอุดากร 417,214 คะแนน 2.การุณ ใสงาม 83,602 คะแนน
“จรัสเสถียร”คุมมหาสารคาม
มหาสารคาม 1.พลพัฒน์ จรัสเสถียร 283,580 คะแนน 2.คมคาย อุดรพิมพ์ 99,783 คะแนน มุกดาหาร 1.วีระพงษ์ ทองผา 83,703คะแนน 2.บุญฐิน ประทุมลี 46,547คะแนน ศรีสะเกษ 1.วิชิต ไตรสรณกุล 345,467 คะแนน 2.วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ 219,443 คะแนน สกลนคร 1.นฤมล สัพโส 228,530 คะแนน 2.ชูพงษ์ คำจวง 96,082 คะแนน หนองคาย 1.วุฒิไกร ช่างเหล็ก 106,228 คะแนน 2.ยุทธนา ศรีตะบุตร 99,636 คะแนน หนองบัวลำภู 1.ศรัณยา สุวรรณพรหม 48,499คะแนน 2.วุฒิพงษ์ ศิริสถิตย์ 28,150คะแนน อำนาจเจริญ 1.พนัส พันธุ์วรรณ 79,916 คะแนน 2.ดะนัย มะหิพันธ์ 43,031คะแนน นครนายก 1.วนิดา ขยายงาม 51,360 คะแนน 2.จักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ 48,087 คะแนน นครปฐม 1.จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ 182,767 คะแนน 2.สมพร ภพักตร์จันทร์ 101,284 คะแนน นนทบุรี 1.พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ 216,021คะแนน 2.เลิศมงคล วราเวณุชย์ 152,401คะแนน ประจวบคีรีขันธ์ 1.สราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ 88,148 คะแนน 2.นิติ ปลั่งศรีสกุล 64,512คะแนน ลพบุรี 1.อรพิน จิระพันธุ์วาณิช 207,377คะแนน 2.ศิริลักษณ์ ปัญญาคำ 27,945 คะแนน สมุทรปราการ 1.สุนทร ปานแสงทอง 225,686 คะแนน 2.นพดล สมยานนทนากุล 202,659 คะแนนสมุทรสงคราม 1.เจษฎา ญาณประภาศิริ 30,497คะแนน 2.นันทิยา ลิขิตอำนวยชัย 23,791 คะแนน สมุทรสาคร 1.อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ 125,277คะแนน 2.เชาวริน ชาญสายชล 64,925คะแนน
“อุดม”ลอยลำสุพรรณบุรี
สระบุรี 1.สัญญา บุญ-หลง 133,612คะแนน 2.ประสิทธิ์ อนะมาน 64,925 คะแนน สิงห์บุรี 1.ศุภวัฒน์ เทียนถาวร 76,031คะแนน ไม่มีคู่แข่ง สุพรรณบุรี 1.อุดม โปร่งฟ้า 204,108คะแนน 2.บุญชู จันทร์สุวรรณ 88,575คะแนน จันทบุรี 1.ธนภณ กิจกาญจน์ 116,567คะแนน 2.มานะ ชนะสิทธิ์ 66,214 คะแนน ฉะเชิงเทรา 1.กลยุทธ ฉายแสง 173,008คะแนน 2.ธรรมชาติ พรมพิทักษ์ 69,629 คะแนน ชลบุรี 1.วิทยา คุณปลื้ม 314,944 คะแนน 2.ชุดาภัค วสุเนตรกุล 157,243 คะแนน ตราด 1.วิเชียร ทรัพย์เจริญ 41,445คะแนน 2.ชลธี นุ่มหนู 35,588 คะแนน ปราจีนบุรี 1.ณภาภัช อัญชสาณิชมน 128,156 คะแนน 2.จำรูญ สวยดี 59,529 คะแนน ระยอง 1ปิยะ ปิตุเตชะ 161,198คะแนน 2.ทรงธรรม สุขสว่าง 98,029 คะแนน กระบี่ 1.สมศักดิ์ กิตติธรกุล 52,619 คะแนน 2.ปฏิพัทธิ์ กันณรงค์ 9,477คะแนน
“สุพิศ”นั่งนายกฯอบจ.สงขลา
ตรัง 1.บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ 171,694คะแนน 2.ยรรยง ตันติตรีญาณ 30,467คะแนน นราธิวาส 1.กูเซ็ง ยาวอหะซัน 187,141 คะแนน 2.อับดุลลักษณ์ สะอิ 177,831คะแนน ปัตตานี 1.เศรษฐ์ อัลยุฟรี 150,162คะแนน 2.อับดุลบาซิม อาบู 37,913คะแนน พังงา 1.บำรุง ปิยนามวาณิช 49,970 คะแนน 2.ธราธิป ทองเจิม 31,845คะแนน พัทลุง 1.วิสุทธิ์ ธรรมเพชร 134,128 คะแนน 2.สาโรจน์ สามารถ 90,806 คะแนน ภูเก็ต 1.เรวัต อารีรอบ 86,616 คะแนน 2.นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล 44,602คะแนน ยะลา 1.มุขตาร์ มะทา 144,130 คะแนน 2.อับดุลลาเตะ ยากัด 32,710 คะแนน สงขลา 1.สุพิศ พิทักษ์ธรรม 289,890คะแนน 2.ประสงค์ บริรักษ์ 133,618 คะแนน สตูล 1.สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ 55,398คะแนน 2.อุมัร อาเก็ม 50,770คะแนน สุราษฎร์ธานี 1.โสภา กาญจนะ 191,549 คะแนน 2.พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว 151,343 คะแนน
ยืนหนึ่ง ‘พท.-ภท.’สูสี ‘ส้ม’ได้1ที่นั่งลำพูน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 2568 (นายก อบจ.2568) ซึ่งมีการเลือกตั้ง 47 จังหวัด เมื่อวันที่ 1 ก.พ.68 ซึ่งมีพรรคการเมืองใหญ่ส่งผู้สมัครในนามพรรคลงชิงเก้าอี้ และบ้านใหญ่ผนึกกำลังพรรคการเมือง สามารถรักษาเก้าอี้ ไว้ได้ ผลการเลือกตั้งผู้ที่ชนะจากการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ สรุปได้ว่า พรรคเพื่อไทย ได้ 10ที่ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศอดิศร จ.ลำปาง น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร์ จ.แพร่ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ จ.น่าน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ จ.นครราชสีมา นางยลดา หวังศุภกิจโกศล จ.สกลนคร นางนฤมล สัพโส จ.หนองคาย นายวุฒิไกร ช่างเหล็ก จ.มหาสารคาม นายพลพัฒน์ จรัสเสถียร จ.นครพนม นายอนุชิต หงษาดี จ.ปราจีนบุรี นางณภาภัช อัญชสาณิชมน ภายใต้การสนับสนุนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายชาดา ไทยเศรษฐ์
ภูมิใจไทยกวาด9ที่นั่ง
พรรคภูมิใจไทย ได้ 9ที่ ได้แก่ จ.ศรีสะเกษ นายวิชิต ไตรสรณกุล จ.บุรีรัมย์ นายภูษิต เล็กอุดากร จ.บึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี จ.อำนาจเจริญ นายพนัส พันธุ์วรรณ จ.ลพบุรี นางอรพิน จิระพันธุ์วาณิช จ.พิจิตร นายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา จ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ จ.กระบี่ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล จ.สตูล นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ 3 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นางโสภา กาญจนะ จ. พัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร จ.สมุทรสงคราม นายเจษฎา ญาณประภาศิริ ซึ่งมี รังสิมา รอดรัศมี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) สนับสนุนช่วยเต็มกำลัง ร่วมมือกับพลังเครือข่าย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อต้านกระแสผู้สมัครพรรคประชาชน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 ที่ ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี นายอุดม โปร่งฟ้า จ.นครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ พรรคประชาชาติ 2 ที่ ได้แก่ จ.นราธิวาส นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน ร่วมมือพรรครวมไทยสร้างชาติ สนับสนุน จ.ยะลา นายมุขตาร์ มะทา พรรคกล้าธรรม ได้ 1 ที่ ได้แก่ จ.หนองบัวลำภู คือ นางศรัณยา สุวรรณพรหม
ส้มคว้าเก้าอี้นายกฯลำพูน
พรรคประชาชน ได้มา 1 ที่นั่ง จ.ลำพูน คือ นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ซึ่งสามารถล้มบ้านใหญ่จากพรรคเพื่อไทย “บ้านใหญ่” และผู้สมัครหน้าใหม่ที่ล้มแชมป์ มี 19ที่ ได้แก่ จ.ชลบุรี วิทยา คุณปลื้ม แชมป์เก่า จ.ระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ จ.ฉะเชิงเทรา นายกุลยุทธ ฉายแสง จ.จันทบุรี นายธนภณ กิจกาญจน์ จ.สมุทรปราการ นายสุนทร ปานแสงทอง บ้านใหญ่ “อัศวเหม” จ.สมุทรสาคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ จ.ตราด นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ จ.สิงห์บุรี นายศภวัฒน์ เทียนถาวร จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ จ.สระบุรี นายสัญญา บุญ-หลง จ.นครนายก น.ส.นิดา ขนายงาม ที่สามารถล้มแชมป์เก่าจากพรรคประชาชน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ จ.สงขลา นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม พลังเครือข่ายบ้านใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งจังหวัด
จ.พังงา นายบำรุง ปิยนามวาณิช จ.ภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ เป็นการรวมพลังของกลุ่มพรรครวมไทยสร้างชาติ จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อต้านกระแสพรรคประชาชน จ.ปัตตานี นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี จ.มุกดาหาร นายวีระพงษ์ ทองผา จ.แม่ฮ่องสอน นายอัครเดช วันไชยวงศ์ จ.ตรัง นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ
บัตรเสียพุ่งสูงมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 พบว่าในส่วนของการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หลายจังหวัดมียอดของจำนวนบัตรเสีย กับบัตรไม่เลือกผู้สมัครคนใด สูงหลักหมื่นหลักแสนจำนวนมาก อาทิ จังหวัดนครราชสีมา มีผู้มาใช้สิทธิ 1,155,142 คน บัตรดี 972,902 ใบ, บัตรเสีย 71,306 ใบ (6.17%), บัตรไม่เลือกผู้สมัครคนใด 110,934 ใบ (9.60%) จังหวัดมหาสารคาม มีผู้มาใช้สิทธิ 453,567คน บัตรดี 408,108 ใบ, บัตรเสีย 29,007 ใบ, บัตรไม่เลือกผู้ใด16,452ใบ
จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้มาใช้สิทธิ 877,640 คน บัตรดี 778,227 ใบ, บัตรเสีย 41,798 ใบ, บัตรไม่เลือกผู้ใด 57,625 ใบจังหวัดเชียงราย มีผู้มาใช้สิทธิ 605,780 คน บัตรดี 525,928 ใบ, บัตรเสีย 36,446 ใบ (6.02%), บัตรไม่เลือกผู้ใด 43,406 ใบ (7.17%) จังหวัดยะลา มีผู้มาใช้สิทธิ 224,707 คน บัตรดี 176,840 ใบ, บัตรเสีย 18,533 ใบ (8.25%), บัตรไม่เลือกผู้ใด 29,334 ใบ (13.05%) จังหวัดสงขลา ผู้มาใช้สิทธิ 687,944 คน, บัตรดี 572,496 ใบ, บัตรเสีย 28,593 ใบ (4.16%), บัตรไม่เลือกผู้ใด 86,855 ใบ (12.63%) จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้มาใช้สิทธิ 569,659 คน บัตรดี 547,604 ใบ, บัตรเสีย 22,055 ใบ, บัตรไม่เลือกผู้ใด 42,142 ใบ จังหวัดนนทบุรี ผู้มาใช้สิทธิ 432,613 คน บัตรดี 382,782 ใบ, บัตรเสีย 12,268 ใบ, บัตรไม่เลือกผู้ใด 37,562 ใบ (8.68%)
ไม่ลงคะแนนอีกเพียบ
จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้มาใช้สิทธิ 393,849 ใบ, บัตรดี 353,460 ใบ, บัตรเสีย 16,274 ใบ, บัตรไม่เลือกผู้ใด 24,113 ใบ จังหวัดกำแพงเพชร มีผู้มาใช้สิทธิ 272,278 คน บัตรดี 236,084 ใบ, บัตรเสีย 14,712 ใบ, บัตรไม่เลือกผู้สมัครคนใด 21,482 ใบ จังหวัดลำพูน มีผู้มาใช้สิทธิ 242,381 คน บัตรดี 212,777 ใบ, บัตรเสีย 15,131 ใบ (6.2 4%), บัตรไม่เลือกผู้สมัครคนใด 14,473 ใบ (5.97%) ทั้งนี้ จำนวนบัตรเสียที่เกิดขึ้นอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ได้ทำเครื่องหมายกากบาทตามที่กฎหมายกำหนด กาในช่องหมายเลขที่ไม่มีผู้สมัคร การวินิจฉัยบัตรของกรรมการนับคะแนน ส่วนจำนวนบัตรไม่ประสงค์เลือกผู้สมัครคนใดสูงสาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดที่โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี