ควันหลง‘เลือกตั้งอบจ.’ สะท้อน‘กกต.’ล้มเหลว

ควันหลง‘เลือกตั้งอบจ.’ สะท้อน‘กกต.’ล้มเหลว

วันอาทิตย์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 08.34 น.

ควันหลง‘เลือกตั้งอบจ.’ สะท้อน‘กกต.’ล้มเหลว

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เรื่อง “ควันหลงเลือกตั้งท้องถิ่น” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,386 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ 2568 สรุปผลได้ดังนี้


1. ประชาชนไปเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 ที่ผ่านมาหรือไม่

อันดับ 1 ไป 63.28%

อันดับ 2 ไม่ได้ไป 36.72%

เพราะติดภารกิจ ต้องทำงาน ที่พักอาศัยปัจจุบันอยู่คนละพื้นที่กับเขตเลือกตั้ง ใช้เวลาในการเดินทางนาน

2. ประชาชนคิดว่าสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์

อันดับ 1 ติดธุระ ไม่สะดวกในการเดินทางไปใช้สิทธิ 68.99%

อันดับ 2 ตรงกับวันเสาร์ 47.18%

อันดับ 3 ผู้สมัครไม่น่าสนใจ/ไม่มีทางเลือกที่ดีพอ 33.49%

3. ประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

อันดับ 1 แตกต่างกัน 52.89%

เพราะผู้สมัครท้องถิ่นเป็นคนในพื้นที่ รู้และเข้าใจปัญหาของชุมชนได้ดี มีความใกล้ชิดประชาชนมากกว่า                          

อันดับ 2 เหมือนกัน 47.11%

เพราะนโยบายและวิธีการหาเสียงคล้ายกัน มีพรรคการเมืองสนับสนุนเหมือนกัน ประชาชนมีสิทธิออกไปใช้เสียงเหมือนกัน

4. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งนี้

อันดับ 1 ประชาชนมีแนวคิดใหม่ ๆ ในการเลือกผู้บริหารท้องถิ่น 54.91%

อันดับ 2 การเข้าถึงปัญหาท้องถิ่นโดยแท้จริงเป็นเรื่องสำคัญกว่ากระแส 51.15%

อันดับ 3 การคัดเลือกตัวผู้สมัครมีผลต่อคะแนนเสียง 42.93%

5. ประชาชนคิดว่าผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้จะส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่จังหวัดของท่านมากน้อยเพียงใด

อันดับ 1 ไม่แน่ใจ อาจต้องรอดูผลลัพธ์ในระยะยาว 26.98%

อันดับ 2 ส่งผลในระดับหนึ่ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงบางด้าน   25.32%

อันดับ 3 ส่งผลน้อย ไม่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงมากนัก 20.07%

อันดับ 4 ไม่ส่งผลเลย ทุกอย่างน่าจะเหมือนเดิม 16.45%

อันดับ 5 ส่งผลอย่างมากและเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน 11.18%

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ควันหลงการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของอำนาจในแต่ละพื้นที่ ผู้ใช้สิทธิที่ลดลงจากความไม่สะดวกและการเลือกตั้งที่ตรงกับวันเสาร์และการตั้งคำถามถึงการประชาสัมพันธ์ของ กกต. สร้างความสงสัยให้กับประชาชน สำหรับพรรคการเมืองที่ลงสนามแบบเปิดหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดว่า ประชาชนต้องการ “ผู้นำใกล้ชิด” และ “เข้าใจพื้นที่” มากกว่าผู้นำในเชิงนโยบายกว้าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากการเมืองระดับชาติ

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัญชลี รัตนะ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัย สวนดุสิต อธิบายว่า หากพิจารณาสถิติของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ.2568 เป็นตัวชี้วัดการทำงานของ กกต. ก็คงต้องกล่าวว่าประสบความล้มเหลวในด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เนื่องจากจำนวนประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง มีสัดส่วนเพียง 58% เมื่อเทียบกับการเลือกตั้ง อบจ. ทั่วประเทศในวันที่ 20 ธ.ค.2563 ซึ่งมีสัดส่วน 62.86% ลดลงถึง 4.86% จากผลสำรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้น้อย เนื่องจากประชาชนไม่สะดวกในการเดินทางไปใช้สิทธิ เพราะติดภารกิจ และเป็นวันเสาร์ ประชาชนที่ทำงานในภาคเอกชนบางบริษัทยังคงต้องทำงานตามปกติ ซึ่งมีความสอดคล้องกับเสียงสะท้อนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ

ผลกระทบที่ตามมาคือ ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิถูกจำกัดสิทธิจากเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 5 ประการเป็นเวลา 2 ปี เว้นแต่ได้แจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งในช่วงระยะเวลาที่กำหนด คือ ก่อนการเลือกตั้ง 7 วันหรือภายใน 7 วันนับหลังวันเลือกตั้ง เช่นเดียวกับกรณีของบัตรเสียจำนวน 900,000 ใบ สะท้อนความล้มเหลวในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์กับประชาชน แต่ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการบริหารจัดการของ กกต. มากกว่า

ส่วนประชาชนที่ไปใช้สิทธิแต่กากบาทในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนก็เป็นเสียงสะท้อนของความไม่เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งของแต่ละพื้นที่ แม้จะมีนโยบายดี แม้จะมีสังกัดพรรคใหญ่แต่ยังไม่รัก ไม่มั่นใจ จึงไม่เลือก

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top