เกมชิงเชิงช็อตต่อช็อต! มติรัฐสภา275เสียงพลิก ไม่เลื่อนญัตติส่งศาลรธน.วินิจฉัยอำนาจแก้รธน. เดินหน้าถกรื้อแก้กติกาประเทศต่อ ด้าน ‘พท.-ปชป.’ โดดหนุน อ้างป้องซ้ำรอยเสียของ ขณะที่ ‘สว.พิสิษฐ์’ ลุกแจงย้ำขอไม่ร่วมสังฆกรรม
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เมื่อเวลา10.15น. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากที่ชี้แจงขั้นตอนในญัตติด่วน ขอให้รัฐสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา210 (2) เสนอโดยนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) จากกรณีการบรรจุระเบียบวาระญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม มาตรา256 และเพิ่มหมวด15/1 เพื่อเปิดทางนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำนวน2ญัตติ ได้แก่ ญัตติของพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย พร้อมเปิดให้ผู้เสนอญัตติชี้แจงเฉพาะหลักการและเหตุผล
โดยนพ.เปรมศักดิ์ ชี้แจงหลักการและเหตุผลญัตติตอนหนึ่งว่า ญัตติดังกล่าว เสนอโดยสส. และสว. รวม 60 คน โดยเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 นั้นขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 อีกทั้งมองว่าประธานรัฐสภาไม่สามารถบรรจุเข้าสู่วาระได้ จึงเกิดปัญหาว่ารัฐสภามีอำนาจพิจารณาและลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย 4/2564 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีผลยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 แก้ไขหลักการสำคัญที่ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญปกป้อง หากรัฐสภาจะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ หากประชามติเห็นชอบจึงจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่แล้วเสร็จต้องทำประชามติว่าจะเห็นชอบหรือไม่อีกครั้ง
“จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ก่อนการเสนอรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภา หลังจากที่รัฐสภาแก้ไขเพิ่มเติม และหลังจากที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดำเนินการแล้วเสร็จ การที่ประธานรัฐสภาบรรจุก่อนการออกเสียงประชามติ ไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐสภาไม่มีอำนาจพิจารณา ขณะที่ผู้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมองว่าทำได้ จึงถือเป็นความขัดแย้งต่ออำนาจและหน้าที่ จึงขอส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ารัฐสภาสามารถพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ก่อนมีการทำประชามติหรือไม่” นพ.เปรมศักดิ์ อภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา นั้นพบว่ามีการแบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่าย โดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่า พรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเสนอญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพราะการบรรจุวาระแก้รัฐธรรมนูญเป็นอำนาจโดยแท้ของประธานรัฐสภา นอกจากนั้นแล้วสมาชิกรัฐสภายังมีหน้าที่โดยแท้ต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
“ผมมองว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยืนยันในอำนาจของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่ยื่นเรื่องถามศาลรัฐธรรมนูญ ที่เชื่อว่าเป็นการขัดต่อการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายยตุลการ ทั้งนี้หากสมาชิกรัฐสภาไม่กล้าทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ต้องเสนอตัวเป็นตัวแทนของประชาชน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
ขณะที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ แต่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของญัตติดังกล่าวเพราะประธานรัฐสภามีอำนาจบรรจุวาระประชุม ในการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเห็นชอบกับการทำหน้าที่ก็ดีไป ทั้งนี้ สส. ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล รวมถึงสว. ไม่มีอำนาจชี้ว่าชอบหรือไม่ เมื่อมีปัญหาต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ หากจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอาจจะมีปัญหาหรือสุญญากาศ ดังนั้นตนเห็นชอบต่อการเลื่อนญัตติดังกล่าว
ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายสนับสนุนการเลื่อนญัตติที่เสนอโดย นพ.เปรมศักดิ์ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในประเด็นที่เป็นปัญหา โดยไม่ทำให้การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียของ และซ้ำรอยเหตุการณ์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเหมือนปี2564
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่การอภิปรายของสว. มีความเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเช่นเดียวกับ ทั้งนี้หลังจากที่มีการอภิปรายแล้วเสร็จ ในเวลา11.20น. ได้ลงมติว่าจะเลื่อนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 3 ขึ้นมาพิจารณาก่อนการพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเสียงข้างมากไม่เห็นชอบที่จะเลื่อน 247 เสียง ไม่เห็นด้วย 275 เสียง จากนั้นจึงได้เข้าสู่การอภิปรายตามระเบียบวาระต่อไป
ทั้งนี้ประธานรัฐสภาแจ้งว่าญัตติที่เสนอโดยนพ.เปรมศักดิ์นั้นยังอยู่ในวาระและจะพิจารณาต่อจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว
อย่างไรก็ดีนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์ สว. ที่ก่อนหน้านี้ ได้แจ้งต่อประธานว่า ไม่ขอเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมขออนุญาตลาประชุม ได้ลุกขึ้นแจ้งต่อที่ประชุมอีกครั้งว่า ด้วยเหตุผลที่ไม่มีการเลื่อนญัตติในวันนี้ ตนได้อภิปรายไปแล้วว่าเป็นการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้นตนต้องขออภัยประธานฯ และที่ประชุม ตนขอออกจากที่ประชุม จากนั้นบรรดาสว.ที่นั่งอยู่ด้วยกันบางส่วนได้พากันลุกออกจากห้องประชุมทันที
/////
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี