ประธานกกต.แจงปมร่วม DSI สอบสวนฮั้วเลือก สว.จะทำให้ช่วยทำงานคล่อง

ประธานกกต.แจงปมร่วม DSI สอบสวนฮั้วเลือก สว.จะทำให้ช่วยทำงานคล่อง

วันพุธ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2568, 13.09 น.

ประธาน กกต.แจงปมร่วม DSI สอบสวนฮั้ว เลือก สว.จะทำให้ช่วยทำงานคล่อง เผยมียื่นร้อง 220 เรื่อง กกต.ตรวจสอบเองทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง ย้ำไม่พักงานเลขาฯแสวง เผยคืบหน้าสอบคำร้อง"สว.หมอเกศ"จบแน่ เม.ย.นี้ 

วันที่ 19 มีนาคม 2568 ที่โรงแรมรามา​การ์เด้นส์​ กรุงเทพฯ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ว่า ตัวเลขการร้องเรียนเรื่อง สว.มีทั้งหมด 577 เรื่อง มีการพิจารณาแล้ว 228 เรื่อง เสร็จสิ้นแล้ว 82 เรื่อง โดยมี 9 เรื่อง ที่ส่งฟ้องศาลฎีกาฯ 


ล่าสุดในการพิจารณาวานนี้(18มี.ค.)โดยพิจารณาเกี่ยวกับการกระทำความผิดเลือก สว. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ตามมาตรา 77(1)โดยระบุถึงการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือก สว.ไม่ว่าจะเป็นการให้ เสนอว่าจะให้ หรือการจัดเลี้ยง มีมติให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาอีก 1 เรื่อง ทำให้ตอนนี้เหลือคำร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 267 คำร้อง โดยอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของคณะอนุวินิจฉัย 107 เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการพยายามทำตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่ากรณีผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เข้ามาร่วมทำงานด้วยจะทำให้การพิจารณาเร็วขึ้นหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ปกติเรารับเรื่องคำร้องสว.มาโดยตลอด และคำร้องที่เกี่ยวพันกับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือก สว.มาตรา 77 (1) หรือเรื่องฮั้ว ซึ่งมี 220 เรื่อง ทางกกต.ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบเอง ทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง

ส่วนกรณีดีเอสไอนั้น กกต.มีมติเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาให้รับเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอนั้นได้แจ้งมาว่ามีเรื่องการกระทำฝ่าฝืน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ที่ประชุมกกต.จึงมีมติให้รับมาดำเนินการสอบสวน โดยถือว่า เป็นความปรากฏ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง โดยเชิญผู้แทนดีเอสไอเข้ามาร่วมอีก 3 คน เชื่อว่าการทำงานร่วมกัน จะสามารถพิจารณาได้โดยไม่ชักช้า

เมื่อถามว่าตัวแทนจากดีเอสไอ 3 คน เข้ามาร่วมทำงานจะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่าง 2 หน่วยงานใช่หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ใช่ เพราะกฎหมายให้อำนาจตามมาตรา 42 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.เราสามารถขอให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นมาเป็นกรรมการในคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้ โดยกรอบการทำงานทุกเรื่องรวมถึงเรื่องฮั้วจะมีกรอบการปฏิบัติหน้าที่ว่าควรจะเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งเราเคยมีประกาศออกมาเมื่อปี 2566 เรื่องกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานกระ บวนการยุติธรรม ออกตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินการในกระบวน การยุติธรรมที่กำหนดว่า ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่กกต.จะเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนยาวที่สุดไม่เกิน 90 วัน หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้ามาที่สำนักงานกกต. ส่วนกลาง นำโดยเลขาธิการกกต.ซึ่งจะมีเวลาอีก 60 วัน และไปที่อนุกรรมการวินิจฉัยตรงนี้ ก็จะมีเวลาอีก 90 วัน โดยอาจจะมีการสอบสวนเพิ่มให้โอกาสพยานเข้ามาให้ถ้อยคำ รวมแล้วระยะเวลาทั้งหมดไม่ควรจะเกิน 1ปี ที่จะต้องเสนอให้ที่ประชุมกกต. พิจารณา

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้อง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.กรณีนี้กกต.ต้องสอบสวนเองหรือทำงานร่วมกับทางดีเอสไอ นายอิทธิพร กล่าวว่า โดยหลักแล้วการสืบสวนไต่สวนเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และมาที่ส่วนกลาง คือเลขาธิกา กกต. เป็นไปตามขั้นตอนที่ตนกล่าวข้างต้น ซึ่งสำนวนที่มีการส่งเข้ามาล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 มี 2 ข้อหาคือฝ่าฝืนมาตรา 77(1) และ(4) ที่ประชุมเห็นว่า มีประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยได้ จึงให้สำนักงานกกต บอกกับเจ้าพนักงานสืบสวนไต่สวนดำเนินการสอบเพิ่มเติม คาดว่าเดือนเม.ย.นี้ น่าจะเสนอที่ประชุมกกต.พิจารณาได้

"กกต.มีหน้าที่ชัดเจนว่า คำร้องใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ที่เกี่ยว ข้องกับกกต. เป็นงานของเรา ส่วนการกระทำที่เกิดขึ้น หากเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอื่น ซึ่งไม่ใช่กฎหมายเลือกตั้งก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งจากข่าวประชา สัมพันธ์ของดีเอสไอระบุว่า หากในการทำงานของดีเอสไอ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการฝ่าฝืนพ.ร.ป. ว่าด้วยกันได้มาซึ่งสว. เขาก็จะแจ้งมาที่กกต. เพื่อพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป เพราะฉะนั้นการดำเนินงานจะไม่มีความซับซ้อนกัน จะมีแต่การส่งเสริมกัน" ประธานกกต.กล่าว

เมื่อถามว่าคำร้องของกกต. และดีเอสไอ มีส่วนไหนที่เป็นคำร้องเดียวกัน หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า คำร้องดีเอสไอ มีอยู่ 3 เรื่อง แต่มาร้องที่เราที่รับมาแล้วเฉพาะมาตรา 71(1) มี 200 กว่าเรื่อง เพราะฉะนั้นในส่วนของดีเอสไอ ได้รับคำร้องและตรวจสอบแล้ว เห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การเลือกสว. เขาจึงแจ้งให้กกต.ทราบ ซึ่งอำนาจหน้าที่ของกกต.ดูเรื่องการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาสว. จึงรับมาสอบสวน

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มสว.สำรองร้องต่อประธานกกต.ให้พักงานเลขาธิการ กกต.ระหว่างที่มีการสอบ สวนทุจริตเลือกสว.นายอิทธิพรกล่าวว่า เป็นกระบวนการที่หากมีผู้มายื่นคำร้อง เราจะทำได้ก็ต่อ เมื่อคำร้องเข้าข่ายตามระเบียบสืบสวน ไต่สวน หรือไม่ก็เข้าสู่ระเบียบการรวบรวมข้อเท็จจริง เราจะทำอะไรเกินกว่านี้ไม่ได้ เพราะจะเป็นการกระทำเกินกว่าอำนาจหน้าหน้าที่ ทุกอย่างจะต้องมีการเสนอเรื่องมาโดยสำนักงาน กกต.หากไม่มีการเสนอขึ้นมาเราก็อาจจะหยิบยกได้ แต่โดยหลักแล้ว จะต้องให้สำนัก งานเป็นผู้เสนอความเห็นมาในเบื้องต้นว่า เป็นคำขอคำร้อง พี่ก็อยู่กับพี่ ขึ้นอยู่บนพื้นฐานอะไร ตามระเบียบใด ถ้าไม่มีพื้นฐาน ก็ไม่สามารถรับเรื่องไว้ได้ - 002

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top