รุมถล่มลูกชายนักการเมืองดัง
ซิ่งปาดหน้ากระบะลุงป้าเจ็บ2
ผบ.ตร.สั่งฟันทุกข้อหา
มท.1ลั่นถ้าผิดต้องโดน
สังคมวิจารณ์หนัก!ลูกชายนักการเมืองดัง ขับรถหรูปาดหน้ากระบะจนเสียหลักชนไหล่ทาง ทำให้ลุงกับป้าได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียหายเผยโดนเรียกให้จอดคุยแต่ไม่กล้า เพราะกลัวถูกทำร้าย ด้าน“นายกเบี้ยว”เข้าเยี่ยมคนเจ็บ ระบุไม่ทิ้งแน่นอน ยืนยันลูกชายก็ขับรถดีมาก ไม่มีพฤติกรรมขับปาดหน้า เชื่อเป็นอุบัติเหตุ “ผบ.ตร.” ฮึ่ม! สั่งดำเนินคดีทุกข้อหา ซัดพฤติกรรมน่ารังเกียจ-ไร้วุฒิภาวะ มท.1 ลั่น ไม่ว่าจะเป็นลูกใคร ทำผิดกฎหมายก็โดนหมด ต้องให้ความเป็นธรรม ตรงไปตรงมา
จากกรณี พ.ต.ท.จำเริญ หนูรัก สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถชนกันบริเวณ ถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 หลักกมที่23+400 มุ่งหน้าบางปะอิน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16เมษายนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าที่กู้ภัยทางหลวงและ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถBMW สีขาว ทะเบียนป้ายแดง กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนกับรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีดำ ทะเบียนลำปาง โดยพบผู้บาดเจ็บเป็นผู้ขับขี่ และโดยสารมากับรถกระบะคันดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาว่า นายประจักษ์ อายุ 65ปีและนางสมศรี อายุ 64 ปี เป็นชาว อ.เกาะคา จ.ลำปาง เจ้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต2
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17เมษายน 2568 พ.ต.ท.จำเริญ กล่าวว่า ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ เมื่อไปถึงก็พบว่ามีรถชนกัน และมีคนเจ็บ เป็นคนขับรถกระบะและผู้ที่นั่งโดยสารมาด้วยรวมสองคน ซึ่งหลังจากที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลแล้ว คู่กรณีที่ขับรถ BMW ป้ายแดง คือ นายสมิทธิพัฒน์ อยู่ที่ ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ยืนรออยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเดินทางไปที่โรงพักก่อนให้การในเบื้องต้นว่า มีการขับรถปาดหน้ากันมาก่อน แล้วจะมาถึงจุดเกิดเหตุ แล้วเกิดชนกัน ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต 2 เพื่อดูอาการของผู้รับบาดเจ็บเพื่อจะได้นำมาประกอบ ในสำนวนเพื่อจะได้ดำเนินการ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมา เวลา 10.00น.ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามฝ่ายที่โดยสารมากับรถกระบะคือป้าสมศรี ซึ่งได้เปิดเผย ว่า ป้ากับลุงมาจากบ้านลูกสาวที่พัทยา กำลังกลับลำปางคนขับ BMW หรูอ้างว่าตนและสามีขับเบี่ยงไปในเลน ซึ่งทางลุง และป้าได้ยกมือไหว้แล้ว แต่คนขับรถหรูไม่ยอม สำหรับอาการของป้าตอนนี้ดีขึ้น เพราะร่างกายกระแทกกับสายเข็มขัดนิรภัย และถุงลมนิรภัยมีอาการเจ็บเล็กน้อย ส่วนสามียังอยู่ห้องไอซียู กระดูกซี่โครงร้าว และมีอาการจุกหน้าอก และอาการเริ่มดีขึ้น
ป้าสมศรีเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 16 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 08.00น.เศษ ขณะนั้นตนเอง และสามีขับรถมาจากบ้านลูกสาวที่พัทยา เพื่อจะเดินทางกลับลำปางเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุลุงก็ขับรถปกติก่อนที่จะถึงที่เกิดเหตุคนขับรถ BMW เปิดกระจกชี้หน้าด่าหาว่า ขับเบี่ยงรถไปในเลนเขา และบอกให้จอดรถเพื่อลงมาคุยกัน โดยตนเองกลัวว่าจะมีอาวุธ เพราะเหมือนเขาเมาอะไรบางอย่าง ตนเองก็เลยถามลุงไปว่าจอดได้มั้ย ลุงบอกว่าไม่ต้องจอด เพราะกลัวเขามีอาวุธ ดูมีอาการดุ และมีการตะโกนใส่ ตนเอง และสามีก็ยกมือไหว้ขอโทษแล้วตามคลิปถ้าลุงกับป้าทำผิดป้าขอโทษ แต่คนขับก็ไม่ยอมยังปาดหน้าซ้ายขวาไปมา ก่อนที่จะขับรถกระแทกจนเกิดอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังดีที่สามีขับรถไม่เร็วมาก
เวลา 12.30น.ที่โรงพยาบาลบางปะกอก–รังสิต 2 นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ “นายกเบี้ยว” นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานีบิดาของ นายสมิทธิพัฒน์ผู้ขับรถ BMW ในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เดินทางมาเข้ามาเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บก่อนเปิดเผยว่าส่วนตัวยังไม่รู้เรื่องหรือรายละเอียดอะไรเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ลูกชายไม่รับโทรศัพท์จึงอยู่ระหว่างให้ลูกน้องไปตามตัวอยู่และช่วงนี้เองเขาก็ไม่อยู่บ้านเมื่อวานก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหนมาไหนมาบ้างส่วนที่ตัวเองเดินทางมาโรงพยาบาลวันนี้ ก็เพราะตั้งใจจะมาเยี่ยมคนเจ็บก่อน ยืนยันว่า พร้อมช่วยเหลือคนเจ็บเต็มที่ ไม่ทิ้งแน่นอน “ปกติผมช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แล้ว ยิ่งคนแก่ก็ยิ่งอยากจะมาดูแล ผมแคร์สังคมอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่าลูกชายเป็นคนอารมณ์ร้อนหรือขับรถเป็นอย่างไรนั้น นายกเบี้ยว ตอบว่า “เป็นคนขับรถดีมาก ไม่มีพฤติกรรมขับรถปาดหน้าคนอื่น” เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะกระทบการเลือกตั้งที่ลูกชายลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลธัญบุรีหรือไม่ เฮียเบี้ยว ตอบว่า “ก็แล้วแต่ประชาชน มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการโจมตีทางการเมืองหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร ไม่เครียด หากพบว่าสุดท้ายแล้ว ลูกชายผิดจริง ผมก็พร้อมยอมขอโทษ ไม่ได้เข้าข้างลูก”พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาลูกชายดื่มสุรานิดหน่อย แต่เท่าที่สอบถามตำรวจ หลังเกิดเหตุ ก็พบว่า เขาเป่าแอลกอฮอล์แล้วไม่พบ ยืนยันตัวเองไม่เครียด
พ.ต.ท.ธิติ พันธ์สวัสดิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. พ.ต.ท.จำเริญ หนูรัก สารวัตรสอบสวน สทล.2กก.8 บก.ทล. ได้เดินออกมาจากโรงพยาบาลบางปะกอกรังสิต 2 หลังจากใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงสอบปากคำนายประจักษ์ คนขับรถกระบะและนางสมศรีโดย พ.ต.ท.จำเริญ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับใครและสอบสอบปากคำคนเจ็บกับคนขับรถ BMW ป้ายแดง เบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในร่างกายของคนขับรถBMW เรียบร้อยแล้วซึ่งในร่างกายแอลกอฮอล์เป็น 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนอาการของคนเจ็บนั้นต้องรอผลแพทย์ก่อน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างรุนแรงว่า ได้ดูคลิปเหตุการณ์แล้ว และเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับรถ BMW เป็นสิ่งที่ “น่ารังเกียจ” และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม “ผมเสียใจที่ยังมีคนขับรถแบบนี้บนถนน ถ้ารถคันที่เสียหายมีเด็กเล็กอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น พฤติกรรมเช่นนี้อยู่ในสังคมยาก” ผบ.ตร.กล่าว
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีลูกชายของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว มีพฤติกรรมรุนแรงบนท้องถนนจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 รายว่า ก็ต้องดำเนินคดีไป และให้ผู้เสียหายไปฟ้องแจ้งความดำเนินคดี ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ไม่ว่าจะเป็นลูกใคร ทำผิดกฎหมายก็โดนหมด ต้องให้ความเป็นธรรม และทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า หากกรณีดังกล่าวมีการใช้อิทธิพลในพื้นที่มารังแกประชาชน จะทำอย่างไร นายอนุทิน ถามกลับว่า “ใหญ่กว่าผู้ว่าฯ ไหม ใหญ่กว่าตำรวจไหม ใหญ่กว่ากระทรวงมหาดไทยไหม ใหญ่กว่ารัฐบาลไหม ถ้าไม่ก็ไม่มีอิทธิพลอะไร ก็ในเมื่อคนที่ใหญ่กว่าบอกว่าต้องโดน ถ้าทำผิดก็ต้องโดน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี