โต้ข่าวมะกันปัดดีลเจรจาไทย
นายกฯยึดคาถาเดิม
ต้องจับมืออาเซียนต่อรองสหรัฐ
อย่าเล่นการเมือง-ปล่อยข่าวลือ
กอ.รมน.สวนหมัดกมธ.ทหาร
นายกฯเชื่ออาเซียนรับมือภาษีสหรัฐ เกิดอำนาจต่อรอง ชี้ข่าวลือสหรัฐไม่เจรจาไทย แนะคนไทยอย่ายิงกันเอง “วิโรจน์”เปิดศึกกองทัพ! ฉะ“กอ.รมน.”อ้างความภักดี ม.112 ก่อหายนะเศรษฐกิจ ท้า“พล.ต.วินธัย”เข้าแจงกรรมาธิการฯ ปมฟันคดี 112 “พอล แชมเบอร์ส” ลั่นหากโยง‘ภาษีทรัมป์’ ใครกล้ารับผิดชอบ ‘กอ.รมน.’แจงดำเนินคดี ม.112 นักวิชาการสหรัฐถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.สัญจร ถึงข้อสั่งการเรื่องการแก้ปัญหาภาษีสหรัฐจะร่วมมือกับประเทศในอาเซียนอย่างไรว่า ได้ไปคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และได้คุยนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้คุยว่าจะเน้นเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรที่เรามีอยู่ และเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศมารวมพลังกัน เพื่อเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ แต่ละประเทศมีการทำงานของแต่ละประเทศไป แต่ในกลุ่มอาเซียนจะรวบรวมกันว่ามีอะไรพิเศษที่มารวมกันได้ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐ เพราะเมื่อรวมกลุ่มของอาเซียนแล้วจะมีประชากรเพิ่มจำนวนมาก จะเป็นน้ำหนักที่มากขึ้นได้ เพื่อต่อรองกับสหรัฐ ซึ่งจะมีการประชุมกันนอกรอบ และกับประเทศกัมพูชา จะมีการประชุมร่วมกันด้วย
เมื่อถามกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สาเหตุที่สหรัฐไม่เจรจากับประเทศไทย อาจเกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่มีการจับกุม ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนเรศวร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จะทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการไป รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ทั้งหมดจะมีการเจรจาในภาพรวม อะไรที่เกี่ยวข้องจะมีการนำมาพูดคุยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อถามถึงกำหนดวันที่จะไปเจรจากับสหรัฐอเมริกาเรื่องภาษียังไม่ชัดเจนใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า วันยังไม่มีการระบุออกมา รวมถึงวันในการรวมตัวของกลุ่มอาเซียน เพราะต้องดูเหตุการณ์ ตอนนี้ความเร็วไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเรื่องความแม่นยำที่จะต้องกลับมาพิจารณาในข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้นว่าการเจรจากับสหรัฐอเมริกา มีอะไรที่ทำเพิ่มขึ้นได้ โดยกระทรวงการคลังได้หารืออย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวว่า สหรัฐไม่ยอมเจรจากับไทย นายกฯ กล่าวย้อนว่า ข่าวนี้มาจากไหน สื่อมวลชนตอบว่าเป็นข่าวลือที่ออกมา นายกฯจึงระบุว่า ถ้าเป็นข่าวลือในประเทศ ไม่อยากให้ลือแบบนี้ เพราะเรากับสหรัฐมีความสัมพันธ์ที่ดีตลอดระยะเวลาอันยาวนาน การจะลือเพื่อทำประเด็นทางการเมือง ไม่ควร เราต้องผนึกกำลังกันไว้ และเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ทำให้การเจรจาต่อรองของเราเข้มแข็ง ไม่ใช่มัวแต่คิดถึงประเด็นทางการเมือง ยิงกันเองก่อน เรายังไม่ได้มีอะไรที่จะไปคุย เราต้องแข็งแรงกันเองก่อนด้วย ไม่อยากให้ปล่อยข่าวลือแบบนี้
เมื่อถามถึงกรณีที่อยากให้มีการเจรจากับสหรัฐในยกแรกก่อน เพื่อให้เห็นความต้องการของสหรัฐ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เรื่องความต้องการของสหรัฐนั้น ต้องบอกก่อนว่าก่อนจะมาแถลงแบบนี้เราต้องคุยกันข้างหลังก่อน ไม่อย่างนั้นจะเกิดผลกระทบระหว่างประเทศ การทำงานในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าที่ได้คุย และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบอยู่ตอนนี้ก็ได้มีการพูดคุยทุกแง่มุมเบื้องหลังให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถออกมาพูดผ่านสาธารณะได้ ทุกหน่วยงานก็มีการทำงานและประชุมร่วมกันตลอด ไม่ได้หายไปไหน มีการติดต่อประสานงานกับสหรัฐโดยตลอด
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเรียกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้ามาชี้แจงในคดีมาตรา 112 ของนายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวสหรัฐอเมริกา ว่า ขณะนี้ยังติดใจอยู่หลายเรื่อง พอได้อ่านคำชี้แจงผ่านสื่อของ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (โฆษก ทบ.) คำถามที่เกิดขึ้น คือ พล.ต.วินธัย มีตำแหน่งอะไรใน กอ.รมน. ซึ่งเคยเป็นอดีตโฆษก กอ.รมน. แต่รายละเอียดในข่าวระบุตำแหน่งว่าเป็นโฆษกกองทัพบกโชคดีที่ตอนอ่านข่าวพบว่า พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. ตัวจริง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว แต่ก็ให้สัมภาษณ์ในลักษณะทำนองเดียวกัน จึงต้องตั้งคำถามว่าในเมื่อ พล.ต.วินธัย กล้าที่จะชี้แจงแทน กอ.รมน. ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นโฆษก กรรมาธิการทหาร จึงคิดว่า คงมีความรู้ทางด้านกฎหมายมหาชน และพระราชบัญญัติ กอ.รมน. ด้วย ดังนั้นในวันที่ 8 พ.ค.นี้ นี้ก็จะเชิญ พล.ต.วินธัย และพล.ต.ธรรมนูญ มาด้วย
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า วันนี้มาตรา 112 เป็นอาญาแผ่นดิน ตามหลัก ป.วิอาญา ประชาชนหรือบุคคลทั่วไป ที่พบเห็นการกระทำความผิด ก็สามารถแจ้งดำเนินคดีได้ นี่เป็นเรื่องพื้นฐานทางกฎหมาย แต่ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานรัฐ ต้องยึดหลักกฎหมายมหาชน ซึ่งในวันที่ 8 พ.ค.นี้นายทหารพระธรรมนูญ มาก็ได้ เพราะตนก็จะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมารับฟังด้วยเช่นกัน
นายวิโรจน์ กล่าวว่า แม้แต่ นายทักษิณ ก็ออกมายอมรับ ว่าการดำเนินคดี การแจ้งข้อกล่าวหากับนายพอลครั้งนี้ มีส่วนไม่มากก็น้อย เกี่ยวกับการเจรจาภาษีศุลกากรตอบโต้สหรัฐใช่หรือไม่ นั่นหมายความว่าหากการดำเนินการของ กอ.รมน. ครั้งนี้ไม่รอบคอบเพียงพอ ไม่เคารพหลักกฎหมายมหาชน ที่สามารถอธิบายกับนักนิติศาสตร์ในและต่างประเทศได้ นี่อาจเป็นต้นเหตุของหายนะทางเศรษฐกิจ ที่กระทบกระเทือน ปากท้องกับประชาชนทั้งประเทศ ใครจะรับผิดชอบ และการแจ้งความในมาตรา 112 ก็อาจจะถูกพิจารณา และถูกวิพากษ์วิจารณ์ จากเวทีโลกได้ว่า คุณกำลังนำเอาสถาบันเข้าไปอยู่ท่ามกลางข้อพิพาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“ผมขอถาม ไปทั้งพล.ต.วินธัย และพล.ต.ธรรมนูญ หากเกิดผลกระทบ และภายหลังยกฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าพอลไม่ผิด ใครจะรับผิดชอบกับหายนะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประชาชน” นายวิโรจน์ กล่าว และว่าหาก กอ.รมน.และ พล.ต.วิธัย ไม่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการในสัปดาห์หน้า ก็จะเรียกจนกว่าจะมา ยืนยันว่า ที่ประชุม กมธ.ฯ วันที่ 8 พ.ค.นี้ จะไม่มีปิดไมค์แน่นอน
ที่กองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. ชี้แจงกรณีที่มีการสันนิษฐานว่า การดำเนินคดีกับ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส ตามมาตรา 112 เรื่องความมั่นคงของรัฐ ในช่วงที่รัฐบาลไทยเตรียมการเจรจาเรื่องการขึ้นภาษีกับสหรัฐอเมริกา อาจสร้างผลกระทบหรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยหรือไม่ ว่า การดำเนินคดีเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กับเรื่องภาษีเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน มีสถานะทางกฎหมายและผลกระทบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 3 เป็นหน่วยงานความมั่นคง มีหน้าที่ปกป้องความมั่นคงของสถาบันของชาติ การกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ว่าจะโดยคนไทยหรือชาวต่างชาติ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งการพิจารณาในชั้นศาลถือว่าเป็นกระบวนยุติธรรมที่เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่าย สามารถนำหลักฐาน ข้อเท็จจริง พยานมาชี้แจงแสดงได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยขอยืนยันว่าการดำเนินคดีกับ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมภายใต้หลักนิติธรรม พร้อมขอให้สังคมรอการตัดสินจากกระบวนการยุติธรรม และเคารพอำนาจศาลในการพิจารณาคดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี