ศาลอาญาทุจริตแลประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาจำคุก “ประยุทธ มหากิจศิริ” รวม 24 ปี ฐานออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินมิชอบ ที่ดินที่โคราช ด้าน “ลูกสาว” โดนด้วย ศาลสั่งจำคุก 12 ปี วืดประกัน ซีดนอนเรือนจำ หลังศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค3 ให้ส่งคำร้องขอประกันตัว ให้ศาลอุทธรณ์ฯพิจารณาสั่งประกัน
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ศาลได้พิพากษาคดีที่ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกลุ่มบริษัทเอกชน โดยมีชื่อของนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นจำเลย ภายหลังพบพฤติกรรมว่ากลุ่มเอกชนให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสอบเขตขยายเนื้อที่ของโฉนดที่ดิน เพื่อนำมาสร้างสนามกอล์ฟ เมาน์เทนครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ทแอนด์เรสซิเดนซ์จ.นครราชสีมา ถือเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน โดยศาลมีคำพิพากษาลงโทษนายประยุทธ มหากิจศิริโดยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบมาตรา 86 กระทงละ 4 ปี 6 กระทง รวม 24 ปี ส่วน น.ส.อุษณา มหากิจศิริ (ลูกสาวนายประยุทธ)มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบมาตรา 86 กระทงละ 4 ปี 4 กระทง รวม 12ปี
ทั้งนี้ ถือเป็นคดีที่ 2 โดยก่อนหน้านี้นายประยุทธ์ ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน คดีเอกสารสิทธิ์ จ.กระบี่ไปแล้ว สำหรับคดีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้ชี้มูลตั้งแต่ปี 2564 โดยชี้มูลความผิดเจ้าพนักงานที่ดินนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวก 5-6ราย อาทิ หัวหน้าฝ่ายรังวัด ช่างรังวัด เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกลุ่มบริษัทเอกชน โดยมีชื่อของนายประยุทธ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาถูกชี้มูลด้วย ซึ่งพบพฤติการณ์ว่ากลุ่มเอกชนได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสอบเขตขยายเนื้อที่ของโฉนดที่ดิน เพื่อนำมาสร้างสนามกอล์ฟ เมาน์เทนครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ทแอนด์เรสซิเดนซ์จ.นครราชสีมา ถือเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มเอกชนได้ซื้อที่ดินที่มีโฉนด และซื้อที่ดินที่ไม่มีหลักฐานก่อนจะนำมาสอบเขต เพื่อนำที่ดินที่ไม่มีหลักฐานเข้าไปรวมกับที่ดินที่มีโฉนด ซึ่งที่ดินที่ไม่มีหลักฐานมีทั้งอยู่ในเขต ส.ป.ก.และเขตป่าสงวนฯ เพื่อนำไปสร้างสนามกอล์ฟดังกล่าว ซึ่งถือว่าร่วมกันการกระทำความผิด แต่เนื่องจากเอกชนไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงถูกชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา86และมีบางราย ถูกดำเนินคดีตามมาตรา149 ด้วย รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐถูกชี้มูลความผิดตามมาตรา151มาตรา157และมาตรา149และมีความผิดวินัยร้ายแรง สำหรับอัตราโทษในมาตรา149 ระบุให้จำคุก5-20ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และระวางโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ส่วนอัตราโทษตามมาตรา151 จำคุกตั้งแต่5-20ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนอัตราโทษตามมาตรา157 จำคุก1-10ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา ทนายความของนายประยุทธ กับพวกจำเลยรวม 6 รายได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ อย่างไรก็ตาม ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 3 พิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 พิจารณาสั่งประกันต่อไป ซึ่งคาดใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 วัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้ง 6 ราย ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำกลางสุรินทร์ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี