วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (อดีต สว.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า #ระวังเสียดินแดนทางบกและในทะเล #ปราสาทตาเมืองธม #สั่งถอนทหารไทย #กองทัพยอมได้ไง
จากกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา GBC:General Border Committee ว่า มีข้อตกลงกับกัมพูชาที่จะยอมให้ทหารไทยที่อยู่ที่ปราสาทตาเมืองธม ถอนกำลังออกมาเพื่อลดความขัดแย้งนั้น
ต้องถือว่า เป็นการตกลงที่เสียเปรียบและอาจนำไปสู่การเสียดินแดนเช่นเดียวกับที่
ไทยเคยเสียปราสาทเขาพระวิหาร ตามแผนการรุกบันได4ขั้นของกัมพูชา เพื่อนำคดีพิพาทไปฟ้องศาลโลก
กองทัพไทยจึงควรปฏิเสธข้อสั่งการดังกล่าวจากรัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ ดังนี้
1)ปราสาทตาเมือนธม อายุเกือบ 1,000 ปี มีที่ตั้งอยู่ในช่องเขาตาเมือน (หรือช่องเขาตาเมียง) เทือกเขาพนมดงรัก ในเขตบ้านหนองคันนาสามัคคี หมู่ 8 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย อย่างชัดเจนมิได้อยู่ในดินแดนกัมพูชาหรือในพื้นที่ทับซ้อนแต่ประการใด โดยใช้แผนที่ตามหลักสากลที่ยึดการแบ่งพื้นที่ตามหลักสันปันน้ำแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา
2) กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจพบและขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานของไทยตั้งแต่ปี 2478 ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี ซึ่งกรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการบูรณะ โดยทางการกัมพูชารับรู้มาตลอด
3) วันที่ 4 สิงหาคม 2551 พลตรีโป เฮง รองผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 และพันเอกเนี่ยะ วงศ์ รองผู้บังคับกองพลน้อยที่ 42 กัมพูชา เคยนำกำลังทหารกว่า 50 นายพร้อมอาวุธครบมือและสื่อมวลชนกัมพูชา ขอเข้าชมปราสาทตาเมือนธม แต่ถูกทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 960 กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลัง (กกล.) สุรนารี กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ของไทย เข้าเจรจาให้ถอยร่นกลับไป พร้อมเพิ่มกำลังคุมเข้มปราสาทตาเมือนธม วางลวดหนามปิดกั้นทางขึ้นและบริเวณรอบปราสาท
4) แม้มีพื้นที่ที่ยังตกลงปักปันไม่แล้วเสร็จ เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวด้านนอกปราสาทก็ตามฝ่ายไทยยังอนุโลมให้กัมพูชาขึ้นมาสักการะบูชาปราสาทได้ ระหว่างเวลา 09.00 – 15.00 น.ทุกวัน แต่ฝ่ายกัมพูชาต้องไม่แสดงออกสัญลักษณ์ใดๆ ปรากฏชัดเจน เมื่อมีเหตุการณ์นายทหารกัมพูชาและกลุ่มแม่บ้านขึ้นมาร้องเพลงปลุกใจ ทหารฝ่ายไทยที่รักษาพื้นที่ได้เข้าไปห้ามปรามและมีหนังสือประท้วงต่อทหารกัมพูชาอย่างน้อยถึง2ครั้ง
การดำเนินการเรื่องปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ให้บรรลุข้อตกลงเป็นสิ่งที่ดี แต่หลักการเที่ถูกต้องคือ การต้องไม่ถอนกำลังทหารไทยออกจากพื้นที่ที่เป็นดินแดนไทยและเมื่อการเจรจาปักปันเขตแดนที่ได้ข้อยุติประการใด ให้ถือเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายจะได้สรุปร่วมกัน มิใช่การยอมถอนทหารออกมาก่อน จะทำให้เกิดการยอมรับเป็นหลักฐานตามหลักกฎหมายปิดปาก เสียดินแดนได้ในอนาคต หากฝ่ายกัมพูชานำคดีไปสู่ศาลโลก
สมชาย แสวงการ
อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สนช
3พค 2568
#ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย #เสียดินแดน
#ปราสาทพระวิหาร #เกาะกูด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี