นายกฯรับไม่ได้
สอบเหตุตึกสตง.ถล่มไร้คำตอบ
ลั่น‘ออกแบบผิดก็คือผิด’
รบ.พร้อมรับมือถ้าเกิดซ้ำ
นายกฯรับไม่ได้ถ้าไม่มีคำตอบตึก สตง.ถล่ม จี้ตำรวจ-ดีเอสไอ ในกระบวนการหากมีความผิด ตั้งแต่การอนุมัติ-อนุญาต-ออกแบบ ถ้าผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี อยากให้มีมาตรฐานที่ดีของประเทศ และตึกที่สร้างใน กทม.ด้วยข้อจำกัดของกฎต้องสามารถรองรับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นได้ ยันรัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือ หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกกทม.ปรับยอดผู้ประสบภัยตึก สตง.ถล่ม 109 คน ค้นหาผู้สูญหาย 14 คน
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกฯแพทองธาร” ถึงการรับมือแผ่นดินไหวครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาว่า หลังตนทราบเรื่องสั่งเรียกประชุมด่วน เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ผ่าน Zoom กับผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าและได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต้องยอมรับว่าไทยยังไม่เคยรับมือกับสถานการณ์แผ่นดินไหวอย่างจริงจังมาก่อน จึงต้องให้ความรู้ในการรับมือกับสถานการณ์ ขณะเกิดสถานการณ์แผ่นดินไหวก็ประสานงานกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารและส่วนราชการสำคัญที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงมหาดไทยและกองทัพ พร้อมสั่งกองทัพ อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยเร่งนำประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง เรื่องอำนวยการก็มอบให้กรุงเทพมหานครเป็นส่วนหน้าขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการ
รับไม่ได้ถ้าไม่มีคำตอบเหตุตึกสตง.ถล่ม
นายกฯกล่าวต่อว่า วันต่อมาตนเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมถึงการส่ง smsแจ้งเตือนภัย ซึ่งวันเกิดเหตุแผ่นดินไหว smsไม่สามารถส่งแจ้งเตือนประชาชน จากการทดลอง สามารถส่ง smsได้แค่ 1,000 หมายเลขเท่านั้น แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง smsจะส่งถึงประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน โดยให้บูรณาการการทำงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการ กระบวนการ พร้อมออกแบบข้อความ รวมถึงข้อปฏิบัติหากเกิดแผ่นดินไหว หรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ขึ้น จำเป็นต้องทบทวนใหม่ทั้งหมด ทำให้ง่ายที่สุด เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด หากเกิดเหตุคับขัน สามารถส่งข้อความฉุกเฉิน ต้องเป็นข้อความที่มีประโยชน์ ถูกต้อง และทันที ผ่านทาง Cell Broadcast ไปยังมือถือของประชาชนในพื้นที่ที่กำหนด ไม่ใช่แจ้งเตือนแผ่นดินไหวเท่านั้น ยังใช้สถานการณ์น้ำท่วม หรือเหตุความไม่สงบด้วย ส่งครั้งเดียว สามารถกระจายไปถึงประชาชนได้ทีละหลายล้านคน
นายกฯยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่า สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการหาความเท็จจริง โดยหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมืองว่า จะทราบคำตอบที่แท้จริงเหตุผลของเหตุการณ์ตึกถล่มได้อย่างไร ซึ่งต้องมีการจำลองเหตุการณ์จาก 4 สถาบันร่วมกับกรมโยธาธิการฯ นำข้อมูลจากการทดลองมาเปรียบเทียบข้อมูล เพื่อหาข้อมูลที่แท้จริงถึงสาเหตุ ตึกเดียวถล่ม มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งหมดจะต้องใช้เวลาประมาณ 90 วัน สำหรับตนเองรู้สึกว่าใช้เวลานานในการหาคำตอบ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ตนรับไม่ได้หากจะไม่มีคำตอบ ซึ่งได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ได้กำชับกับตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ว่า ถ้าในกระบวนการหากมีความผิดตั้งแต่การอนุมัติ การอนุญาต และการถูกออกแบบขึ้นมา ถ้าผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ยังไม่ต้องพูดเรื่องตึกถล่ม และตึกอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบเช่นกัน อยากให้มีมาตรฐานที่ดีของประเทศ และตึกที่สร้างใน กทม.ด้วยข้อจำกัดของกฎต้องสามารถรองรับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นได้
โวรบ.วางระบบรับมือเสร็จแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่หลังจากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม ญาติของผู้สูญหายชาวเมียนมา เข้ามาบอกว่า “ช่วยด้วย” เขากังวลว่าคนในครอบครัวหายไปในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศของเขา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตนเองบอกว่า รัฐบาลจะช่วยอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นคนเมียนมา หรือคนไทย เพราะทุกคนคือคน ต้องช่วยกันสุดความสามารถอย่างเต็มที่ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบอยู่หน้างาน การค้นหาผู้สูญหายยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ พบจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ทุกคนพยายามเคลียร์ไซต์งานให้หมด คาดว่าใกล้จะเสร็จแล้วไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ พยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตนำร่างกลับไปทำพิธีที่ตามที่นับถือหรือศรัทธาต่อไป
“หากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวอีกครั้ง ซึ่งไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ แต่ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ รัฐบาลได้รองรับไว้หมดแล้วว่าจะทำอย่างไร ประชาชนต้องปฏิบัติตัวอย่างไร โดยมีขั้นตอนการแจ้งเหตุ ขั้นตอนในการเอาตัวรอดรักษาชีวิต รัฐบาลเตรียมพร้อมทั้งหมด ทุกระบบถูกจัดการถูกวางแผนไว้อย่างดีและรัดกุม” น.ส.แพทองธาร กล่าว
รื้อซากตึกคืบหน้า-กทม.เร่งเปิดพื้นที่โซนซี
ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่โซน D ได้ทั้งหมดแล้ว คงเหลือพื้นที่โซน C จุด C2 และ C3 ซึ่งติดกับอาคารจอดรถ โดยเป็นจุดที่คาดว่า มีผู้ประสบเหตุจะวิ่งลงบันไดหนีไฟมาตรงจุดดังกล่าว เพื่อไปทางอาคารจอดรถด้านหลัง จึงเป็นจุดที่คาดว่า อาจเจอร่างของผู้สูญหายเพิ่มเติม ขณะนี้พื้นชั้น 1 บริเวณดังกล่าวได้ยุบลงไปถึงชั้นล่างหรือชั้นใต้ดินประมาณ 50 ซม. เจ้าหน้าที่เปิดพื้นที่จุดดังกล่าวได้ถึงชั้นใต้ดิน ส่วนการดำเนินงานบริเวณปล่องลิฟต์ของอาคาร เบื้องต้น มีบางส่วนที่เจ้าหน้าที่ขอให้คงสภาพเดิมไว้เพื่อเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม แต่บริเวณอื่นเช่น โถงบันไดระหว่างลิฟต์ด้านหน้าและลิฟต์ด้านหลัง เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการเปิดพื้นที่ต่อเนื่อง
ขณะที่โซน D4 ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พบโพรงเมื่อเข้าไปจะเจอพื้นที่ว่าง พบคราบน้ำเหลืองและแมลงวัน จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเปิดซากอาคารออกให้ถึงชั้นใต้ดิน เนื่องจากอาจเป็นจุดที่พบผู้ติดค้างเพิ่มเติมเช่นกัน และหากสามารถดำเนินการอย่างไม่มีอุปสรรค เชื่อว่า จะเปิดพื้นที่ถึงพื้นชั้นล่างของโซน C ทั้งหมด
นายสุริยชัยกล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังมีรถแบกโฮหัวเจาะที่ยังทำงาน 6 ตัว ซึ่งทั้ง 6 ตัวอยู่ในแผนการทำงานทั้งหมด หากมีตัวใดตัวหนึ่งเสียก็อาจกระทบการทำงานบางจุด อาจทำให้เสียเวลาบ้าง ส่วนเหล็กที่พบขณะนี้ ต้องยอมรับว่า ที่บริเวณชั้นใต้ดินจะมีเสา และเสาแต่ละต้นมีสภาพเป็นตอที่มีสมบูรณ์และหนามาก การจะเจาะกระแทกจึงต้องใช้กำลังเครื่องจักรที่หนักขึ้น ใช้เวลานานขึ้น แต่ภาพรวมถือว่าการทำงานคืบหน้า
ปรับยอดผู้ประสบภัยเป็น109คน-หาย14
ขณะที่รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าการติดตาม ผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่มว่า หลังกรุงเทพมหานครร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติสรุปข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย ได้ข้อมูลว่าต้องปรับตัวเลขให้ตรงกัน
รศ.ทวิดา ระบุว่าจากข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้กรุงเทพมหานครต้องปรับตัวเลขอย่างเป็นทางการในการแจ้งข้อมูลจากเดิม โดยข้อมูลปัจจุบันวันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 12.00 น. พบมีผู้ประสบเหตุทั้งหมด 109 คน จากยอดเดิม 103 คน จำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 86 คน ผู้บาดเจ็บ 9 คน อยู่ระหว่างการติดตามอีก 14 คนจากยอดเดิม 8 คน
พิสูจน์อัตลักษณ์ได้แล้ว63
พ.ต.อ.หญิง วันเพ็ญ ด้วงปั้น ผู้กำกับการกลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจเปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีญาติผู้สูญหายเดินทางเข้าแจ้งข้อมูลทั้งหมด 99 คน และล่าสุดมีญาติเดินทางเข้ามาแจ้งเพิ่มเติมอีกหนึ่งคนทำให้ยอดผู้สูญหายที่ผ่านมามีทั้งหมดรวม 100 คน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสามารถนำร่างผู้สูญหายออกมาได้แล้ว 86 คน จำนวนนี้พิสูจน์อัตลักษณ์ ได้ 63 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างเร่งตรวจพิสูจน์ คาดว่าสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น สำหรับชิ้นส่วนอื่นๆ ที่พบขณะนี้มีประมาณกว่า 20 ชิ้นส่วน เบื้องต้นอยู่ระหว่างรอการตรวจพิสูจน์เช่นกัน สำหรับผู้เสียชีวิต 63 คนที่ได้รับการยืนยัน พบมีสัญชาติไทย 46 คน เมียนมา 15 กัมพูชา 1 คน และลาว 1 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี