‘เรืองไกร’ยื่นกกต.สอบ‘พีระพันธุ์’

ส่อขาดคณสมบัติ

ปมถือหุ้นเอกชน3บริษัท

ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา187

ขาโจ๋ลุ้น!มติครม.6พ.ค.

เคาะแจกเงิน1หมื่นเฟส3

“เรืองไกร” ยื่น “กกต.” สอบ “พีระพันธุ์” อ้างขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี ปมขัดรธน.มาตรา 187 วรรคหนึ่ง เข้าข่ายเป็นลูกจ้างของบุคคลใด ด้าน “คปท.” จ่อบุกสถานทูตมาเลเซียร้อง “อันวาร์” ปลด “ทักษิณ”พ้นที่ปรึกษาปธ.อาเซียน อย่ากังวลใจ’นพ.วรงค์’ชี้ หาก’สมศักดิ์’ใช้อำนาจยับยั้งมติแพทยสภาฯจะอยู่ในตำแหน่งไม่ได้แน่นอน‘เพื่อไทย’ไม่กังวลศาลนัดไต่สวน’แม้ว’ปมรักษาตัวชั้น14 เชื่อฝ่ายกฎหมายชี้แจงได้

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ส่งคำร้องทางไปรษณีย์ถึงประธานกรรมการกกต.ขอให้ตรวจสอบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานว่าความเป็นรัฐมนตรีมีเหตุสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170 (5) ประกอบมาตรา 187 วรรคหนึ่ง เพราะในระหว่างเป็นรัฐมนตรียังคงเป็นกรรมการอยู่ใน3บริษัท จึงอาจเข้าข่ายการเป็นลูกจ้างของบุคคลใด ตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 187 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ดังต่อไปนี้

‘เรืองไกร’ยื่น‘กกต.’สอบ‘พีระพันธุ์’

ข้อ 1.รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) และ มาตรา 187 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่ามาตรา 170 ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ(5) กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187”

“มาตรา 187 รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือ บริษัทหรือไม่ คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไปตามจำนวนที่ กฎหมายบัญญัติ และต้องไม่เป็นลูกลูกจ้างของบุคคลใด” ข้อ 2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2567 มาจนถึงปัจจุบัน ในรัฐบาลที่มีนางสาวแพทองธาร ชินนวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ข้อ3.เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ทำสัญญาจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี ไว้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) รวมจำนวน 4 บริษัท คือ หุ้นบริษัทวีพี แอโร่เทค จำกัด จำนวน 588,500หุ้น หุ้นบริษัท พี แอนด์เอสแอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จำนวน 46,500 หุ้น หุ้นบริษัท รฟิโสภาค จำกัด จำนวน 22,000หุ้นหันบริษัท โสภา คอลเล็คชั่นส์ จำกัด จำนวนวน 1,000หุ้น

ข้อ4. เมื่อวันที่ 1พฤษภาคม2568 จากการขอข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในช่วงระหว่างดำรงตำแหน่ง เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังคงเป็นกรรมการอยู่ 3 บริษัท ก่อนที่จะมีการลาออกในภายหลัง จำนวน 2 บริษัท ดังนี้ วันที่ 30 ต.ค. 2567 บริษัท โสภา คอลเล็คชั่นส์ จำกัด ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนว่า มีกรรมการออก 2 คน คือ (1) นายพีระพันธุ์ สาลีรัวิภาค (2) นางสาว..วันที่ 30ต.ค. 2567 บริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด ได้ยื่นคำขอจจจดทะเบียนว่า มีกรรมการออก 3 คน คือ (1) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (2) นางสาว... (3) นางสาว... (โดยมีข้อสังเกตว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นผู้ลงลายมือชื่อในฐานะกรรมการผู้ขอจดทะเบียนตามแบบ บอจ.1 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 และมีแบบ บอจ.4 แนบด้วย) วันที่ 1พฤษภาคม2568 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ออกหนังสือรับรองว่าบริษัท รพีโสภาค จำกัด ยังมีกรรมการอยู่ 2คน คือ(1)นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (2) นางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาคโดยระบุว่าจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทได้คือ กรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อ และประทับตราสำคัญของบริษัท ข้อ

อ้างขาดคุณสมบัติรมต.-ขัดมาตรา187

5.จากเอกสารของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อาจเห็นได้ว่า หลังจากที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2567 นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงเป็นกรรมการบริษัททั้ง 3แห่งอยู่ หลังจากเป็นรัฐมนตรีแล้ว ทั้งนี้เห็นได้จากการจดแจ้งชื่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ออกจากกรรมการบริษัท โสภา คอลเล็คชั่นส์ จำกัด และบริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด ตามคำขอลงวันที่ 30 ต.ค. 2567 และตามหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2568 ก็ยังรับรองว่า บริษัท รพีโสภาค จำกัด ยังคงมีกรรมการอยู่ 2 คน คือ (1) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (2) นางโสภาพรรณสาลีรัฐวิภาค ข้อ

6.จากการย้อนไปดูบัญชีทรัพย์สินฯของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้แจ้งว่า มารดาชื่อ นางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค โดยไม่ได้ระบุอายุ ไม่ได้ระบุอาชีพ และทำเครื่องหมายขีดไว้ในช่อง ตาย ไว้ด้วย แต่ตามหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2568 ยังปรากฏชื่อนางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค เป็นกรรมการของบริษัท รพีโสภาค จำกัด อยู่ด้วย จึงมีเหตุอันควรสงสัยและควรตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค ที่เคยแจ้งว่าตายแล้ว กับนางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค ที่เป็นกรรมการของบริษัท รพีโสภาค จำกัด อยู่เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่

ส่อความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามม.170

ข้อ 7.จากข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและ จาก ป.ป.ช. จึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและมีคำพิพากษาว่า กรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เคยเป็นหรือยังคงเป็นกรรมการทั้ง 3 บริษัทข้างต้น ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หลังจากวันที่ 3กันยายน 2567 นั้น จะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาดรา 187 และเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 หรือไม่

ข้อ 8.ขอให้นำข้อมูลการลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช. ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ประกอบกับหนังสือที่ นร0503/ว(ร)157 ลงวันที่ 5 เมษายน 2560 มาประกอบการพิจารณาด้วย จึงเรียนมาเพื่อขอให้กกต. ตรวจสอบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าความเป็นรัฐมนตรีมีเหตุสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 วรรคหนึ่ง เพราะในระหว่างเป็นรัฐมนตรียังคงเป็นกรรมการอยู่ใน 3 บริษัท จึงอาจเข้าข่ายการเป็นลูกจ้างของบุคคลใด ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 วรรคหนึ่ง หรือไม่

‘สนธิญา’ยื่นกกต.-นายกฯสอบ‘พีระพันธุ์’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 พฤษภาคม นายสนธิญา สวัสดี จะดำเนินการ เดินทางไปที่ กกต.ในเวลา 10.30น.เพื่อให้ตรวจสอบ การกระทำที่น่าจะฝ่าฝืน รัฐธรรมนูญและพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.ปี2561 ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในการถือหุ้น 4บริษัท เพื่อ กกต.ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป และเวลา 13.30น.นายสนธิญา จะเดินทางไปศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล ตึก กพ.เดิม เพื่อร้องให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ตรวจสอบความจริงเพื่อปรากฏ กรณีการถือหุ้นและเป็นกรรมการบริหารบริษัท4 บริษัท ของนายพีระพันธุ์ เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อ พรป.การเลือกตั้ง สส.และฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบและดำเนินการอย่างเร่งด่วน ต่อไป

คปท.จี้’อันวาร์’ปลด‘แม้ว’พ้นที่ปรึกษา

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“อย่าให้เหนือกระบวนการยุติธรรมไทย”ระบุว่า หลังศาลฎีกาฯไต่สวนกรณีการบังคับโทษตามคำสั่งศาลหรือไม่ นายทักษิณ ชินวัตร สถานะส่วนตัวต้องเปลี่ยนไปทันที จะไป สทร.กับทุกเรื่องคงไม่ได้ ไม่เหมาะและไม่สมควร ที่สำคัญตำแหน่งที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน มอบให้เป็นที่ปรึกษาก็ต้องทบทวน ทักษิณ สถานะในกระบวนการยุติธรรมไทยตอนนี้ เป็นทั้งจำเลยฐานความผิด ม.112และเกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่ศาลฎีกาฯยกมาไต่สวนเอง สถานะทางกฎหมายของไทย 2อย่าง เป็นเรื่องทางกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยทั้งสิ้น ดังนั้นถึงเวลาที่ นายอันวาร์ ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมเมืองไทย ด้วยการทบทวนการตั้ง นายทักษิณ เป็นที่ปรึกษา เพราะบทบาทที่ปรึกษานี้ นายทักษิณ เคยอ้างศาลเดินทางออกนอกประเทศมาแล้วและต่อไปในอนาคตตำแหน่งที่ปรึกษาประธานอาเชียน อาจกลายเป็นใบเบิกทางให้ นายทักษิณ อ้างออกนอกประเทศได้โดยไม่ยอมติดคุก ถึงวันนั้น นายอันวาร์ จะรับผิดชอบต่อกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างไร เดี๋ยว คปท.จะไปสถานทูตมาเลเชียเพื่อให้นายกฯมาเลเชียทบทวนเรื่องนี้

อย่ากังวล‘สมศักดิ์’ยับยั้งมติแพทยสภา

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ”อย่ากังวลใจ”ระบุว่า หากกรรมการแพทยสภามีมติ ที่ไม่เป็นคุณกับนายทักษิณ ลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยเหลือนายทักษิณว่า ขัดจริยธรรมต่อวิชาชีพแพทย์ หลายท่านมีความห่วงใยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา จะใช้อำนาจยับยั้ง แม้การใช้สิทธิ์ยับยั้ง จะมีอำนาจตามกฏหมาย ซึ่งกรรมการแพทยสภาสามารถยืนยันด้วยมติ2ใน3 แต่อย่าลืมว่า เรื่องการแพทย์นั้นเป็นวิทยาศาสตร์การตรวจสอบคนที่ประชาชนสงสัยว่า ไม่ป่วย แต่อยากป่วยวิกฤติ ทางการแพทย์ตรวจสอบง่ายมากและมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับหมดถ้านายสมศักดิ์ใช้อำนาจยับยั้ง แต่ไม่สามารถอธิบาย เหตุผลทางการแพทย์ได้ ผมยืนยันว่า ผู้ใดที่ใช้อำนาจช่วยเหลือ จะอยู่ในตำแหน่งไม่ได้แน่นอน ดังนั้นอย่ากังวลใจ

‘พท.’ไม่กังวลศาลนัดไต่สวน’แม้ว’

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย (พท.)ให้สัมภาษณ์กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งองค์คณะไต่สวนการบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปรักษาตัวในชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจโดยจะมีการไต่สวนวันที่ 13มิ.ย.ว่า เชื่อว่าฝ่ายกฎหมายของ นายทักษิณ คงชี้แจงได้ ในพรรคไม่ได้มีใครคุยเรื่องนี้และไม่มีใครกังวลอะไร เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการพูดคุยกันนอกรอบบ้างหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะนี่เป็นเรื่องของนายทักษิณ ที่ต้องมีทีมกฎหมาย

ลุ้นคลังชงครม.แจก1หมื่นเฟส3

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต1หมื่นบาท ให้ผู้อายุ16-20ปี จำนวน 2.7ล้านคนว่า มีความเป็นไปได้ว่า จะเสนอโครงการเข้าที่ประชุม ครม.วันอังคารที่ 6พฤษภาคมนี้ ยอมรับว่า กระทรวงการคลังเสนอรายละเอียดโครงการตามที่ได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อรอบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมครม.ต่อไป การขับเคลื่อนโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต1หมื่นบาท ให้กับผู้อายุ 16-20ปี จำนวน 2.7ล้านคน วงเงิน 27,000ล้านบาท ครั้งนี้ ยืนยันถึงไทม์ไลน์ ว่าจะเริ่มต้นในไตรมาสที่สองของปี2568 นั่นคือช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน2568