"ฉัตรวรรษ"แฉยับ! กระบวนการสอบฮั้ว"สว.อำนาจเจริญ" ไม่โปร่งใส-พยายามบังคับให้ยอมรับ จ่อส่งเป็นเอกสารเพิ่มเติมให้ป.ป.ช.-ยื่นศาลรธน. ลั่นพร้อมรับการตรวจสอบ-ไม่หนี
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา รับเรื่องจาก สว.อำนาจเจริญ ได้แก่ นางแดง กองบุญมา , นางเพลินจิต ขันแก้ว , นายสมพาน พละศักดิ์ และนายสุวิช จำปานนท์ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีที่ได้ลงพื้นที่สอบปากคำบุคคลในคดีตรวจสอบการเลือก สว.ที่ไม่โปร่งใส หรือกรณีฮั้ว สว.ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ พบว่ามีความผิดปกติ และไม่เป็นไปตามกฎหมาย รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่กำหนดไว้เพื่อเป็นการคุ้มครองบุคคลที่ถูกสอบสวน ซึ่งแบ่งเป็น 3 กรณี คือ กรณีการติดต่อประสานงานที่ผิดปกติของเจ้าหน้าที่ดีเอส โดย นายเกรียงไกร สืบสัมพันธ์ และนายสัมฤทธิ์ ดวงแก้ว พนักงานดีเอสไอ ขอความอนุเคราะห์สถานที่ อบต.แมด อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ เพื่อสอบปากคำบุคคลและให้กำนันติดตามบุคคลมาให้พนักงานสอบสวน โดยระบุรายชื่อผู้สอบสวนจำนวน 10 คน ในวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในบุคคลที่ถูกเรียกสอบปากคำ คือ นายสำเริง วะสุกัน อดีตผู้สมัคร สว.ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ทั้งนี้ การส่งหนังสือนั้นไม่ได้ส่งผ่านช่องทางราชการ แต่ส่งสำเนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ และส่งผ่านบุคคลภายนอกที่เป็นคู่กรณีทางการเมือง คือผู้ใกล้ชิดกับคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งลงสมัครเป็นนายก อบต.แมด
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า การสอบปากคำที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยนายสำเริงมองว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ทั้งการออกหมายเรียก ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสอบสวนของดีเอสไอ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรียกแจ้งล่วงหน้าแค่ 1 วัน ทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมข้อมูลแก้ข้อกล่าวหาและสอบปากคำนานผิดปกติเท่า เห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิและทรมานจิตใจที่ต้องให้คำรับสารภาพบางอย่าง ซึ่งเข้าข่ายขัดต่อ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดความทุกข์มรมาณ ทั้งนี้ หลังจากให้ปากคำแล้ว จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.อำนาจเจริญ แล้ว
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีคำร้องเรียนจากชาวบ้าน ในกรณีข่มขู่คุกคาม โดยการแสดงตนของพนักงานดีเอสไอปฏิบัติตนรวมกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอาญาร้ายแรง เช่น กรณีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พบว่า นางบุญล้อม วรรณพัฒน์ และนางไพวัลย์ แก้วพวง อดีตผู้สมัคร สว.ถูกบุคคลอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 คน เดินทางไปที่บ้านพักส่วนตัว โดยพลการ ไม่แต่งเครื่องแบบ ไม่แสดงบัตรไม่มีหมายค้น และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าบ้าน ทำให้รู้สึกหวาดกลัว
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นางบุญล้อม บอกว่า ตอนเจ้าหน้าที่มาถึงบ้านก็รู้สึกไม่ปลอดภัย จึงออกไปเรียกญาติเป็นพยาน แต่เมื่อกลับมาพร้อมญาติ เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวกลับหลบหนีไปทันที แสดงให้เห็นพฤติการณ์ไม่โปร่งใส ไม่ตรงไปตรงมา ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และต่อมา นางบุญล้อมพยายามโทรศัพท์ไปยังหมายเลขที่บุคคลกลุ่มดังกล่าวติดต่อมา แต่ปลายสายปฏิเสธว่าโทรผิด เท่ากับเป็นการบ่ายเบี่ยง ทำให้นางบุญล้อมได้ลงบันทึกประจำวัน ส่วนกรณีของนางไพรวัลย์ พบว่ามีการบังคับให้รับสารภาพ โดยออกอุบายว่าบุคคลอื่นรับสารภาพแล้ว เท่ากับว่าเจ้าหน้าที่ได้กระทำการที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ
"การกระทำของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนั้น คล้ายกับว่ามีธงในใจ โดยบังคับให้ยอมรับต่อกระบวนการฮั้วเลือก สว.โดยมีผลโยงกับพรรคการเมืองที่เข้าใจกันว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ขณะเดียวกันในการสอบปากคำพยานยังพบว่า อนุญาตให้บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกพื้นที่ คล้ายกับได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ จึงเชื่อได้ว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่นั้นอาจมีการแทรกแซง ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย เอนเอียง ไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ รวมถึงมีความเร่งรัด เร่งรีบคดีเพราะก่อนหน้านี้ มีการตั้งธงจากรัฐมนตรีว่ากาารกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอ ว่าจะต้องมีการดำเนินคดีนี้" พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับรายละเอียดจาก สว.อำนาจเจริญ ซึ่งส่งเรื่องให้ตน และ นายมลคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในกรณีดังกล่าว โดยเบื้องต้นตนตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานที่ได้แล้ว และเตรียมส่งเป็นเอกสารเพิ่มเติม เพื่อยื่นให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเรื่องที่ 92 สว.ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของดีเอสไอไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่ สว.ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ทางดีเอสไอควรยุติการตรวจสอบดังกล่าวไปจนว่า ป.ป.ช.จะมีคำวินิจฉัย และเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาด้วย
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่ามีการโยงกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ผู้ที่ออกมาร้องเรียนรวมถึงผู้ที่ถูกเรียกสอบนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างไร พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่กรณีที่เกิดขึ้นตนมองว่าในกรณีที่จะตรวจสอบและบอกว่ามีหลักฐานฮั้ว และมีมูลฐาน 300 ล้านบาท ต้องมีเงิน และไล่ตรวจสอบ ไม่ใช่บอกว่าเป็นสมมติฐาน แล้วไล่ตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนพร้อมรับการตรวจสอบโดยองค์กรที่มีหน้าที่ ส่วนของดีเอสไอนั้นมีหน้าที่ดำเนินการจริงหรือไม่
"หลักฐานที่มีในหนังสือร้องเรียนนั้นมีคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ ซึ่งผมไม่ทราบว่าถ่ายมาได้อย่างไร เป็นภาพที่มีบุคคลอยู่ในภาพ แต่ไม่ทราบบทสนทนา เพราะมีการรบกวน แต่ได้วงว่าบุคคลที่ปรากฎในภาพเป็นใครบ้าง ส่วนการดำเนินคดีกับ สว.ตามที่มีข่าวนั้น ผมต้องนิ่งไว้ และไม่หนี" พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี