'ปลอดประสพ’จวก‘ผ้ว่าฯสตง.’
เป็นลกผ้ชายไม่พอ!
เบี้ยวให้ข้อมูล‘กมธ.’ปมตึกถล่ม
ประกาศจะไล่บี้มาชี้แจงให้ได้
กทม.ลุยต่อเร่งเปิด3จุดสำคัญ
หา12ผู้สูญหายก่อนคืนพื้นที่
“ปลอดประสพ” ฉุน “ผู้ว่าฯสตง.” ชิ่งตอบปมร้อนตึกสตง.ถล่ม หลังกมธ.ยกระดับมาตรฐานก่อสร้างฯเชิญมาให้ข้อมูล หยัน “เป็นลูกผู้ชายไม่พอ!” สอนมวยยาวเหยียด ต้องยืนอย่างกล้าหาญ รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ยันจะเชิญมาให้ข้อมูลให้ได้ ด้านการค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก กทม.เร่งเปิดทาง 3 จุด ค้นหาผู้ติดค้างอีก 12 ราย ยันส่งคืนพื้นที่ได้ตามกรอบเวลาถึงสิ้นพค.
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่เมืองทองธานี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งถึงกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ทำให้ประชาชนตั้งข้อสงสัยถึงปัญหาการทุจริตว่า สตง.เป็นหน่วยงานหลักในการติดตามตรวจสอบการกระทำทุกส่วน หรือโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา แต่เมื่อเกิดกรณีขึ้น ซึ่งหมายถึงความบกพร่องที่เกิดขึ้นในหลายขั้นตอน ตั้งแต่จัดซื้อจัดจ้าง ซื้อวัสดุก่อสร้างหรือการบริหารต่างๆ ขณะนี้ยังพูดไม่ได้ว่าใครเป็นผู้มีปัญหา แต่หลังจากนี้ต้องนำเข้ากระบวนการโดยเร็ว ในการนำผู้ทำผิดมาลงโทษให้ได้ ยอมรับว่าในการพิสูจน์วัสดุอุปกรณ์ต่างๆไม่ง่าย
“นายกฯ กำชับให้นำคนผิดมาลงโทษให้ได้ และเราต้องระวังไม่ให้คนบริสุทธิ์กลายเป็นจำเลยในเรื่องนี้ ยืนยันรัฐบาลจริงจังเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และทราบดีว่าวันนี้ประชาชนคลางแคลงใจและตั้งคำถาม หน้าที่ของเราคือ ทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏให้ได้ เพราะมันคลุมเครือ ทั้งหน่วยงานของรัฐและรัฐบาล ต้องนำความจริงมาตรวจสอบ” นายภูมิธรรมกล่าว
เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัย การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมรก่อสร้างอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯเป็นประธาน กมธ.ฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อสรุปสาเหตุอาคาร สตง.ถล่ม โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) มาชี้แจง แต่นายมณเฑียรติดภารกิจ จึงส่งนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าฯ สตง. เข้าชี้แจงแทน
นายปลอดประสพ กล่าวก่อนเข้าวาระประชุมว่า เข้าใจความรู้สึกของ สตง.สมัยตนรับราชการที่กรมป่าไม้ เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้คือ กรณีป่าสาละวิน คนด่าทั้งประเทศ วันนี้ท่านทราบดีตึกถล่มลงมา มีผู้เสียชีวิตนับร้อย งบประมาณของรัฐอาจถึงกับสาบสูญไปหรือไม่ก็ไม่รู้ บริษัทประกันจะยอมหรือไม่ เพราะเป็นพิบัติภัย ตนคิดว่าหลายคนในสตง.ไม่เกี่ยวข้อง เพราะยังไม่ได้มารับตำแหน่ง แต่ก็ต้องช่วยไม่ให้เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นอีก
“สิ่งที่เกิดกับอาคารสตง. ไม่เคยเกิดในประเทศไทย ตึกที่ใช้เงิน 2 พันกว่าล้าน โครงสร้างเสร็จแล้วถล่มลงภายใน 8 วินาที มีคนตายเป็นร้อย ผมจึงอยากขอร้องให้ช่วยสนับสนุนการทำงานของกมธ. เพราะกมธ.ฯจะพูดเชิงการเมืองผสมความรู้สึกประชาชน สำคัญกว่าชุดอื่นด้วยซ้ำไป เพราะประชาชนหวัง จะสร้างมิติใหม่ให้ประเทศไทย“ นายปลอดประสพ กล่าว และว่า เราอย่ามาปฏิเสธว่าไม่มีอะไร มันมีแน่นอน อย่ายกระเบียบมาอ้างว่าปฏิบัติตามร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเราปฏิบัติตามระเบียบแล้วเกิดเรื่องอย่างนี้ แปลว่าระเบียบมันเฮงซวย หรือไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบ ต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน
นายปลอดประสพยืนยันว่า กมธ.ฯชุดนี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคดีใดๆทั้งสิ้น เราจะปฏิวัติ ปฏิรูป เปลี่ยนแปลงระเบียบราชการทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าอาคารทั้งของราชการ หรือเอกชน ที่จะเกิดขึ้นในประเทศตั้งแต่วันนี้ ต้องไม่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก ประเทศไทยไม่อาจสูญเสียสิ่งเหล่านี้ได้อีกเป็นอันขาด วันนี้ ในห้องนี้ ไม่มีใครที่จะมารังแก หรือถามไถ่ให้เสียเกียรติยศ ไม่ใช่จะมาดูถูกใคร แต่ท่านต้องยอมรับความจริงว่า เหตุเกิดที่ท่าน คนที่รู้ดีที่สุดคือ พวกท่าน เพราะเราไม่รู้ ตนเสียดายที่ผู้ว่า สตง. ไม่มาด้วยตัวเอง จะด้วยติดภารกิจอะไรก็ไม่แน่ใจ จริงเท็จตนก็ต้องเชื่อท่าน
«การไม่มาวันนี้ เอาความเห็นส่วนตัวของผมเป็นหลัก ถือว่าเป็นลูกผู้ชายไม่พอ อยากขออนุญาตใช้ความเป็นคนอายุ 80 ปีว่า ต้องเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้ รับผิดชอบมากกว่านี้ ลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญ เล่าให้พวกเราฟังว่าอะไรเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้จะลบล้างสิ่งที่ท่านถูกกล่าวหา หรือดูถูกดูแคลนจากสังคม อย่างไรก็ตาม ผมจะเชิญท่านมาอีกแน่นอน» นายปลอดประสพกล่าว
และย้ำว่า กมธ.ฯ อยากฟังคำอธิบายจากปากผู้ว่าฯสตง. ตนเตรียมคำถามไว้ 20 ข้อ และเรียนผู้ว่าฯสตง.ให้มาตอบตนในการประชุมกมธ.ฯครั้งหน้า อย่างไรก็ตาม ที่ตนพูดไปทั้งหมด ถ้าแรงไปหรือไม่ให้เกียรติท่าน ตนต้องขอโทษ แต่ผมพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากให้งานประสบความสำเร็จ
ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ติดค้างในอาคาร สตง.ที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวว่า เหลือพื้นที่ 3 จุดคือ โซน A B และ D ที่สงสัยว่าอาจมีร่างผู้ประสบภัยติดค้างอยู่ ซึ่งจากจำนวนที่พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้มายังมีผู้ประสบภัยที่ติดค้างอยู่ 12 ราย โดยในส่วนพื้นที่ที่ต้องดำเนินการเหลือ 3 จุดนั้น ไม่ได้เป็นพื้นที่ลึกมากคือ โซน D เป็นพื้นที่ถัดจากแนวอาคารออกไป ในวันที่อาคารถล่มนั้นมีซากกองล้นออกไปจากพื้นที่อาคาร ตรงนี้เป็นที่ที่เราเปิดค้นหาเพิ่มไปจนถึงชั้นทรายถม ถ้าเจอทรายแล้วจะยุติ เพราะต่ำกว่านั้นไม่มีอะไรแล้ว
นายสุริยชัยกล่าวต่อว่า สำหรับโซน A ที่ต่อกับโซน D ด้านหน้า ยังมีจุดหนึ่งที่ยังสงสัยว่าอาจมีผู้ติดค้างก็จะเปิดเพิ่มไปถึงทรายถมเช่นกัน เพื่อคลายความสงสัยว่า ไม่มีผู้ติดค้างแล้วในอาคารถล่ม ส่วนจุดสำคัญคือโซน B ที่เป็นเนินติดกับตัวอาคารอยู่ จากการตรวจสอบโดยสุนัข K9 เช้านี้ บ่งชี้ว่าอาจมีร่างผู้ประสบภัยอยู่ กอปรกับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน้างานที่แจ้งว่าได้กลิ่นเป็นระยะ จึงเร่งรื้อซากปูนเพื่อไปให้ถึงจุดที่ K9 ชี้พิกัด คาดว่าจะเปิดพื้นที่ค้นหาร่างผู้สูญหายได้ครบ 3 จุด ขณะที่บริเวณรากฐานอาคารชั้นใต้ดินซึ่งมีบางส่วนแตกหัก จะไม่ให้เครื่องจักรหนักเข้าไปทำงานโดยตรง แต่จะใช้แขนกลของเครื่องจักรยื่นเข้าไปเจาะสกัดปูน และใช้เครื่องตัดระบบแก๊สเพื่อลดน้ำหนักของกองวัสดุ นอกจากนี้ ยังขยายการตรวจสอบไปยังจุดทิ้งกองเศษวัสดุในพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อย่างละเอียดและถี่ขึ้น
นายสุริยชัยยังยืนยันว่าการส่งมอบพื้นที่ สตง. ยังอยู่ในกรอบเวลาเดิม และหลังจากนี้จะตรวจสอบกองดินให้ละเอียดขึ้น หลังพบชิ้นส่วนมนุษย์ โดยเราจะใช้ภาพจากโดรนที่ถ่ายได้นำมาทำเป็นตาราง และประสานเจ้าหน้าที่ พร้อมสุนัข K9 แบ่งโซนเพื่อค้นหาในกองดิน ส่วนผลการค้นหาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พบร่างสมบูรณ์ 1 ร่าง และอีก 5 ชิ้นส่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี