'ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ' ที่ปรึกษาของนายกฯ บ่นเสียดายโอกาส หลังศาลไม่อนุญาตอดีตนายกฯ ทักษิณ เดินทางไปร่วมงานกาตาร์ ที่อาจได้พบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรง เป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี ภายใต้เงื่อนไขการเดินทางไปต่างประเทศต้องขออนุญาตศาล เคยทั้งได้รับอนุญาตและไม่อนุญาตให้เดินทาง
ตอนเป็นรัฐมนตรีขอเดินทางก็มีที่ศาลไม่อนุญาต ผมเข้าใจเอาเองว่าเหตุผลสำคัญที่ศาลไม่อนุญาตเดินทางคือเกรงจะหลบหนี ในใจก็สงสัยว่าตั้งแต่โดนสารพัดคดีติดคุกกี่รอบไม่เคยหนี ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีผมจะหนีทำไม แต่ก็เคารพดุลยพินิจศาล
หลังรัฐประหารเคยถึงขั้นศาลอนุญาตแล้ว วันเดินทางผ่านทุกขั้นตอนจนนั่งประจำที่รอเครื่องขึ้นบิน อยู่ๆเจ้าหน้าที่ตม.มาพาตัวลงจากเครื่อง บอกว่ายังมีหมายห้ามเดินทาง ต้องลงมาสู้มาเคลียร์เอกสารหลักฐานกันยกใหญ่ ไม่ได้เดินทางในเที่ยวบินเช้านั้น ได้ไปอีกทีเที่ยวดึกวันเดียวกัน
ใครก็ตามเป็นจำเลยเมื่อยื่นขอประกันตัว หากศาลกำหนดเงื่อนไข หมายความว่าถ้าจะได้ประกันต้องตามนั้น แล้วก็ต้องถือปฏิบัติจนกว่าคดีถึงที่สุด หรือ ศาลกำหนดเงื่อนไขเป็นอย่างอื่น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับร่วมกัน
กรณีอดีตนายกทักษิณก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้ เท่าที่ขอเดินทางศาลไม่อนุญาตเป็นส่วนใหญ่ ครั้งล่าสุดเมื่อศาลไม่อนุญาตก็ถือเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยชอบ ฝ่ายจำเลยเลือกทำได้สองอย่าง คือยอมรับและยุติแผนการเดินทางครั้งนี้ หรือ อุทธรณ์คำสั่งตามสิทธิ์ที่พึงมี และรอคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ต่อไป
ตามข่าวบอกว่าเหตุผลที่ยื่นขอเดินทางครั้งนี้คือได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่กาตาร์ ซึ่งจะมีโอกาสพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คนเชิญคือเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ เข้าใจว่าจะมีบุคคลสำคัญทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับโลกอีกจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน
ผมไม่กังวลที่ดร.ทักษิณไม่ได้เดินทาง ทุกครั้งที่ท่านขอแล้วศาลไม่อนุญาตก็เฉยๆเพราะเข้าใจกระบวนการ แต่คราวนี้พูดตรงๆว่าเสียดายโอกาส เพราะดร.ทักษิณกับประธานาธิบดีทรัมป์มีสัมพันธภาพที่ดีกันมายาวนานตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักธุรกิจ หากได้เจอกันในสถานการณ์กำแพงภาษี แม้ไม่มีวาระหารืออย่างเป็นทางการ แต่ก็น่าจะมีบทสนทนาไม่ว่าจะกับโดนัลด์ ทรัมป์เองหรือทีมงานที่เป็นประโยชน์ และนำมาขยายผลในกระบวนการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศได้
แน่นอนว่าเรื่องเจรจาเป็นความรับผิดชอบหลักของรัฐบาล แต่สถานการณ์แบบนี้ใครมีศักยภาพจะช่วยบ้านเมืองได้ก็ต้องเอามาใช้ ไม่ใช่เพียงดร.ทักษิณ ใครก็ตามหากจะเป็นประโยชน์ต้องหาทางช่วยกัน การพูดคุยไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะทางการเสมอไป วงข้าว วงคุย วงดื่มสังสรรค์ หรือ วงนอกรอบใดๆก็ทำได้
อยากให้ดร.ทักษิณได้เจอกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ภคมน ลิซ่า' สอน 'ณัฐวุฒิ' เก็บอาการหน่อย! บอกควรยืนข้างนายกฯ ไม่ใช่พ่อของนายก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี