วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นผ่านเพจสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกคำร้องที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวน กรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และศาลเตรียมเป็นผู้ไต่สวนเองโดยนัดไต่สวนพร้อมคู่ความในวันที่ 13 มิถุนายน ว่า บันทึกจากนายกสมาคมทนายความฯ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นส่วนต่อท้ายพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 3 วรรคหนึ่ง ความว่า “ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ตราไว้ต่อท้ายพระราชบัญญัตินี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2478 เป็นต้นไป” จึงมีฐานะหรือศักดิ์ทางกฎหมายเท่ากันกับพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ทุกประการ การที่นักกฎหมายหลายท่านแสดงความเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีศักดิ์ฐานะที่ใหญ่กว่าพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จึงคลาดเคลื่อน
ในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วยต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้าน หรือถ้ายังคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 ให้อำนาจผู้บัญชาการเรือนจำส่งตัวผู้ต้องขังไปยังสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคนั้นโดยเฉพาะ การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำดังกล่าว ผู้บัญชาการเรือนจำสามารถใช้อำนาจของตนตามมาตรา 55 ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตศาลตามมาตรา 246 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะเป็นการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีศักดิ์ฐานะเท่ากันที่ออกมาในภายหลัง
ส่วนการที่มีบุคคลนำความไปร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอันเป็นศาลที่ออกหมายจำคุกอดีตนายกทักษิณว่า การส่งตัวอดีตนายกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจไม่ได้ขออนุญาตศาลตาม มาตรา 246 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลจึงต้องมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะผู้ร้องไม่ใช่บุคคลตามมาตรา 246 จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องตามมาตราดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันการที่ศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนในกรณีดังกล่าว เพราะศาลเห็นว่าความปรากฏแก่ศาลเองตามที่มีผู้ร้องว่า อดีตนายกไม่ได้ถูกจำคุกตามหมายจำคุกของศาลจึงต้องมีการไต่สวน
ดังนั้น การที่ศาลใช้อำนาจไต่สวนกรณีการส่งตัวอดีตนายกทักษิณไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจจึงไม่ได้เป็นการใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246 หากแต่เป็นการใช้อำนาจของศาลเองตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 89 ความว่า
“หมายขังหรือหมายจำคุก ต้องจัดการให้เป็นไปตามนั้นในเขตของศาลซึ่งออกหมาย เว้นแต่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในประมวลกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่น”
เมื่อความปรากฏตามที่มีผู้ร้องว่าอดีตนายกมิได้ถูกจำคุกตามหมายจำคุกของศาล จึงต้องมีการไต่สวน หากการไต่สวนได้ความว่าการใช้อำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในการส่งตัวอดีตนายกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และการที่แพทย์ของโรงพยาบาลดังกล่าว มีความเห็นให้อดีตนายกทักษิณพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นไปโดยชอบด้วยมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ก็ถือได้ว่าอดีตนายกได้ถูกจัดการตามหมายจำคุกแล้ว โดยถูกจำคุกตามหมายจำคุกของศาลที่โรงพยาบาลตำรวจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 55 ของกฎหมายราชทัณฑ์ อันเป็นกฎหมายอื่นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 89 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้วทุกประการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี