สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ดูแลDSI-เซ่นคดีฮั้วสว.
ศาลรธน.เชือด'ทวี'
เหตุสงสัยแทรกแซงปมคดีฮั้ว
‘ภูมิธรรม’รอดได้ลุยงานต่อ
‘ชูศักดิ์’ชี้คดียังเดินหน้าต่อได้
‘อิ๊งค์’คุยมีรมต.ดูแลแทน
มติศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์ สั่ง“ทวี สอดส่อง”หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแล DSI และรองปธ.บอร์ดคดีพิเศษ หลังถูก สว.เข้าชื่อร้องสอบคดีฮั้วสว.โดยมิชอบ เหตุสงสัยว่าแทรกแซงรับสอบฮั้วเลือก สว. พร้อมให้หน่วยงานเกี่ยวข้องส่งข้อมูลเพิ่มใน 15 วัน ส่วน“ภูมิธรรม”ยังรอด “นายกฯอิ๊งค์”บอก มีรมต.ดูแล’ดีเอสไอ’หลัง’ทวี’ถูกศาลรธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม เผย‘ทวี’ไม่ตกใจศาลรธน.สั่งหยุดปฏิบัติ‘วันนอร์’ชิ่งตอบ!ศาลรธน.สั่ง‘ทวี’หยุดปฏิบัติหน้าที่ โยนเป็นเรื่องฝ่ายบริหาร
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผู้ถูกร้องที่ 1 และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
จากกรณีผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการ ตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจ และฝ่าฝืนหลักนิติธรรม
จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มี ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม อย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ซึ่งต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ ฉบับลงวันที่ 7 พ.ค.68 วันที่ 13พ.ค.68 และวันที่ 14 พ.ค.68
ศาลรธน.สั่ง’ทวี’หยุดปฏิบัติหน้าที่
ศาลมีรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป สำหรับกรณีปรากฏข้อเท็จจริงตามคำร้องเพิ่มเติมของผู้ร้อง ฉบับลงวันที่ 14 พ.ค.68 พร้อมเอกสารประกอบ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด
ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นว่านายภูมิธรรม ผู้ถูกร้องที่1 ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่
ส่วนพันตำรวจเอกทวี ผู้ถูกร้องที่ 2 ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม มีหน้าที่และอำนาจ ในการสั่งและปฏิบัติราชการในฐานะผู้บังคับบัญชาข้าราชการกระทรวงยุติธรรม อันรวมไปถึงกรมสอบสวน คดีพิเศษ ตามคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า พันตำรวจเอกทวี ผู้ถูกร้องที่ 2 มีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงสั่งให้พันตำรวจเอกทวีผู้ถูกร้องที่ 2หยุดปฏิบัติหน้าที่รมว.ยุติธรรมเฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวน คดีพิเศษและรองประธานกรรมการคดีพิเศษตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย
‘อิ๊งค์’บอกมีรมต.ดูแล’ดีเอสไอ’
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะให้ใครมารับหน้าที่กำกับดูแลแทน ว่า”ก็จะมีรัฐมนตรีมารับผิดชอบในเรื่องนี้”
เมื่อถามว่าจะให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าไปดูแลใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “เดี๋ยวขอคุยกันนิดนึงคะ” เมื่อถามว่าคดีฮั้ว สว.จะเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันอยู่ในกระบวนการ มันไม่ได้อยู่ในอำนาจของดิฉัน มันอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ ก็ต้องดูว่าเขาจะเอายังไงต่อ
‘ทวี’ไม่ตกใจศาลรธน.สั่งหยุดปฏิบัติ
ขณะที่ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอว่าไม่มีอะไร งานในส่วนของดีเอสไอ รัฐมนตรี ก็จะไม่สั่งการ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเสนองานในส่วนของดีเอสไอ โดยขณะนี้ ตัวรัฐมนตรีทราบคำสั่งแล้ว และไม่ได้ตกใจอะไร
“ต้องติดตามต่อไปว่า เมื่อศาลสั่งแบบนี้ แนวโน้มต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะไม่คาดคิดว่าศาลจะสั่งเร็วขนาดนี้ เพราะเมื่อเขาร้องมา ตอนหลังเรายังไม่ได้ชี้แจงกลับไป” นายสมบูรณ์ กล่าว
‘วันนอร์’โยนเป็นเรื่องฝ่ายบริหาร
ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่ดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระหว่างพิจารณาคดีรับสอบฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ว่า ตนไม่ทราบ เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ไม่ทราบเรื่องนี้
เมื่อถามว่า อยู่พรรคเดียวกันมองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยังไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่มีเรื่องก็ตามข่าวเท่านั้น ทุกอย่างต้องโปร่งใส ดีเอสไอก็ต้องโปร่งใส คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องโปร่งใส เพราะประชาชนตรวจสอบ เมื่อถามว่า มีเรื่อง สว.เกี่ยวข้องด้วย ในฐานะประมุขนิติบัญญัติจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
‘สว.ฉัตรวรรษ’ลั่นคิดบัญชีแน่
ด้านพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะตัวแทน สว.ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลธรรมนูญมีมติสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมที่กำกับดูแลกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษว่าก็คงเห็นว่าการออกมาแหกปากให้สังคม เขาเกลียดชังสว. มันคงไม่ชอบ ถ้ามีของจริง ไม่ต้องไปแหกปากหรอก เดี๋ยว เจอคิดบัญชีแน่
ส่วนมองว่าการสู้คดีของ สว.จะมีผลใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษตอบว่าตนเองไม่ได้สู้คดี แต่รักษาความเป็นธรรมให้กับองค์กรวุฒิสภา ไม่ใช่ใครอยากจะออกมาแถลงอะไรก็แถลงกันให้เสียหาย ตนเองมาปกป้องตามหลักกฏหมาย ไม่ได้ไปนอกเหนือกฎหมาย ตนเองมีจิตใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่จิตใจชั่วร้าย คนจิตใจชั่วร้ายคิดทำอะไรมันก็ชั่วร้ายไปหมด แค่นี้ก็พอแล้ว
ท้าเสนอ กกต.ใหญ่สอยเลย
ส่วนจะเชื่อมโยงถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกกต.เรียกสว.ไปชี้แจงหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่าก็เป็นส่วนที่กกต.เรียก ตนเองก็ถามว่ากกต.ไหน ชุดใหญ่ หรือ อนุ กกต. กเฬวราก กกต.ชุดใหญ่มีหลักในการพิจารณา แต่อนุกกต.อยู่ภายใต้การกำกับของดีเอสไอ หรือเอาสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่เป็นธรรม ไปเอาเข้ามาแล้วมาเรียก สว.มันชอบทำ เป็นกลาง หรือเลือกปฏิบัติหรือไม่ จิตใจบริสุทธิ์พอที่จะเรียกหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า จะไปชี้แจงตามหมายเรียกหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ ไปขอหมายศาลที่ไหนออกหมายจับตนเอง ถ้าแน่จริงก็สอยมาสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักคำก็เสนอ กกต.ชุดใหญ่ ไม่ใช่ใช้อำนาจอนุ กตต. มาเรียกพวกตน และก็ไม่เห็นแปลกที่มีชื่อของตนเอง ซึ่งตนเองจะไปก็ได้ เป็นเรื่องของตนเองสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แน่จริงก็ไต่สวนมาก็จบ ตนเองไม่ได้ง้อเลย แต่ทำอะไรให้มันชอบธรรมมีความเป็นกลาง เสมอภาค สว. 200 คนทำเหมือนกันหรือไม่ มีไม่รู้กี่กลุ่ม แต่ทำกลุ่มเดียว จะเลือกปฏิบัติหรือไม่ เป็นกลางหรือไม่ โปร่งใส หรือมีอคติจิตใจชั่วร้าย ก็ไปคิดเอาเอง
‘บิ๊กเกรียง’พร้อมแจงกกต.19พ.ค.
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่1 กล่าวถึงกรณีได้รับหมายเรียกจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกสว. ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ว่า พร้อมเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กกต.ในวันดังกล่าว ภายหลังจากที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง กกต. ออกหนังสือเชิญสว. 55 คน ไปรับทราบข้อกล่าวหา ยืนยันจะไปตามวันเวลา จะต่อสู้ตามข้อเท็จจริง ไม่กังวลใจใดๆ ส่วนกรณีที่น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. เรียกร้องให้สว.ที่ถูกหมายเรียกแสดงสปิริตหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวนั้น ความเห็นส่วนตัว เป็นกฎหมายหรือไม่ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
ปัดตอบ‘เกมล้างสายสีน้ำเงิน’
เมื่อถามถึงการถูกตั้งข้อกล่าวหาสัญญาว่าจะให้ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า รู้มาจากไหน หนังสือเอกสารลับออกมาได้อย่างไร ใครนำไปเปิดเผยยุ่งเลย กรณีตนไม่ได้ติดหมายหน้าบ้าน แต่ได้รับหนังสือหมายเรียกแล้ว มั่นใจว่าไม่ได้ทำผิด เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นกังวลใจกับภาพลักษณ์ สว.หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ไม่กังวลใจ ใครเป็นคนสร้างภาพลักษณ์ ต้องถามสื่อ
เมื่อถามว่า มองกรณีถูกออกหมายเรียกเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถูกถามว่า เป็นการล้างสว.สีน้ำเงินหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร ไม่ตอบคำถาม และรีบเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
กกต.สรุปสำนวนทุจริตเลือกสว.194เรื่อง
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)สรุปความคืบหน้าการพิจารณาคำร้อง และสำนวนเรื่องคัดค้านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ว่าข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ค.2568 มีคำร้อง/ความปรากฏ สำนวนเรื่องคัดค้านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา มีจำนวนทั้งสิ้น 585 เรื่อง แบ่งเป็น 1.ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 391 เรื่อง ประกอบด้วย พิจารณาคำร้องแล้ว จำนวน 240 เรื่อง แยกเป็นสั่งไม่รับ รวบรวมเป็นข้อมูลจำนวน 109 เรื่อง สั่งยกคำร้อง สั่งยุติเรื่อง 129 เรื่อง สั่งนับคะแนนใหม่ 2 เรื่อง
ดำเนินคดีอาญา-ร้องศาล22สำนวน
ส่วนที่วินิจฉัยชี้ขาดสำนวนแล้วจำนวน 151 สำนวน แยกเป็น ยกคำร้อง 127 สำนวน ระงับสิทธิ 2 สำนวน ดำเนินคดีอาญา 10 สำนวน ยื่นคำร้องต่อศาล 12 สํานวน และที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 194 เรื่อง แยกเป็น สืบสวน/ไต่สวน 3 สำนวน สำนักงาน กกต. เสนอสั่งไม่รับ/รายงานตรวจสอบ/รายงานตรวจมูล 10 เรื่อง สำนักงาน กกต. สรุปสำนวน/จัดทำความเห็น เลขาธิการ กกต.49 สำนวน สำนักงาน กกต. เสนอสำนวนต่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัย ฯ 53 สำนวน สำนักงาน กกต. อยู่ระหว่างเสนอสำนวน เข้าวาระการประชุม กกต. 79 สำนวน
สำหรับสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวน และไต่สวน คณะที่ 26 ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต. และเจ้าหน้าที่ของ DSI ร่วมกันดำเนินการไต่สวน กรณีมีการกล่าวหาการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา อยู่ระหว่างการดำเนินการ และมีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหา โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหาตามวันเวลา และสถานที่ที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 นัดหมาย ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี