"นิกร"ประเมิน"ศาลรธน." ชี้ขาดประชามติแก้รธน.3 ครั้ง แนะให้รัฐบาลเตรียมพร้อม ถอนร่างแก้ไขรธน.ที่มีปัญหาออกไป ปรับปรุงเป็นฉบับพรรคร่วม พร้อมกางปฏิทิน ตั้งไข่ สสร.ได้ แต่"รัฐบาล"อยู่ไม่ถึง ระบุหาก"ยุบสภา"ต้องเซ็ตซีโร่กันใหม่
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ฐานะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 แถลงที่รัฐสภา ต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกให้พยานผู้เชี่ยวชาญทำความเห็นต่อประเด็นการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในกรณีดังกล่าวและมีคำวินิจฉัยที่ไม่ช้าไปกว่าการเปิดสมัยประชุมสภาฯ ในเดือน ก.ค.นี้ ทั้งนี้ ตนประเมินในความเป็นไปได้ของคำวินิจจฉัยอาจเกิดขึ้นได้ 2 ทาง คือ 1.ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 2 ครั้ง ซึ่งมีผลให้สภาฯ สามารถเดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอต่อรัฐสภาได้ โดยปัจจุบันมี 2 ฉบับ เสนอโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน อย่างไรก็ดีตนมองว่าแนวทางนี้จะเป็นไปได้น้อย ขณะที่ 2.ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่าต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ดังนั้น ในกระบวนการอาจต้องรอให้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับแก้ไข ให้มีผลบังคับใช้ในช่วงเดือน ก.ย.นี้ก่อน
นายนิกร กล่าวย้ำว่า ในมุมส่วนตัวมองว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอต่อสภาฯ จะเป็นประเด็นที่ทำให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ได้ เพราะเนื้อหานั้นมีปัญหา ดังนั้นตนขอเสนอให้ถอนร่างแก้ไขเพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมแสดงความเห็น ปรับปรุง และแสดงความสามัคคีก่อนเสนอต่อรัฐสภาอีกครั้ง
"ผมเชื่อว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติ 3 ครั้ง มีโอกาสเป็นไปได้ 60% หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ฉบับ ต้องถอนออกโดยอัตโนมัติ ผมมองว่าเป็นโอกาสที่จะแก้ไขเนื้อหาของมาตรา 256 ให้เป็นที่ยอมรับร่วมกันและเขียนรายละเอียดให้มี สสร.เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าได้ต่อไป แม้ว่ารัฐบาลปัจจุบันจะอยู่ไม่ถึงการได้มาของ สสร.เพื่อทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" นายนิกร กล่าว
เมื่อถามถึงการประเมินกรอบเวลาของกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญหลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ นายนิกร กล่าวว่า ประเมินตามนี้ว่ากฎหมายประชามติ ออกเดือน ก.ย.หลังจากนั้นจะมีกระบวนการ 90 วัน ดังนั้นเดือน ม.ค.2569 ทำได้ครั้งแรก และเชื่อว่าจะผ่านเพราะใช้เสียงตัดสินแบบข้างมากธรรมดา หลังจากนั้นต้องเป็นกระบวนการยื่นแก้ไขมาตรา 256 คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 3 เดือน ก่อนจะเข้าวาระสอง จากนั้นทำประชามติ และเข้าวาระสาม และนำไปประชามติอีกครั้ง เบื้องต้นตนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข มาตา 256 จะมีผลและบังคับใช้ได้ทันในเดือน พ.ค.2570
เมื่อถามว่า หากเกิดกรณียุบสภาฯ ร่างกฎหมายประชามติจะเป็นอย่างไร นายนิกร กล่าวว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นทั้งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้เพราะขณะนี้การเมืองสภาฯ อยู่มาครบ 2 ปีแล้ว ทั้งนี้การเกิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งนี้ มีประเด็นที่คาบเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2569
"การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ควรเตรียมให้พร้อม หากยุบสภา เรื่องแก้รัฐธรรมนูญต้องกลับไปรณรงค์กันใหม่ในการเลือกตั้งหน้า ทั้งนี้ ผมอยู่ในฝ่ายที่มีความหวัง น่าจะประคองกันไปได้ จนถึงเวลา และหวังว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้ เพราะปัญหาที่เกิดปัจจุบันล้วนมาจากเนื้อในของรัฐธรรมนูญ หากไม่แก้ปัญหาจะถูกซ้ำเติมและไปไม่ได้ ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะลดแรงกดดันของสังคมได้" นายนิกร กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี