‘ยิ่งลักษณ์’รอลุ้น22พฤษภาคมนี้  ศาลปค.นัดพิพากษา  ชดใช้สินไหมโครงการจำนำข้าว

‘ยิ่งลักษณ์’รอลุ้น22พฤษภาคมนี้ ศาลปค.นัดพิพากษา ชดใช้สินไหมโครงการจำนำข้าว

วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ทนายความ’ยิ่งลักษณ์’เผย’รอลุ้น22พ.ค.นี้ ‘ศาล ปค.สูงสุด’นัดอ่านคำพิพากษาคดี’จำนำข้าว’

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานศาลปกครอง ว่า ในวันที่ 22พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำพิพากษาในคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวกรวม 2คน (ผู้ฟ้องคดี) กับนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีที่กระทรวงการคลัง ได้มีคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในโครงการรับจำนำข้าว วงเงินราว 3.5หมื่นล้านบาท หลังก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชนะคดีมาแล้วในชั้นศาลปกครองกลาง แต่ผู้ถูกร้อง (กระทรวงการคลัง) ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ขอไม่ให้ความเห็นตอนนี้ ขอให้รอดูผลคำตัดสินที่จะออกมา


เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ กรมบังคับคดีมีการอายัดและยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปจำนวนเท่าใด และหากชนะคดีแบบที่ศาลปกครองกลาง จะมีการฟ้องกลับหน่วยงานรัฐที่มีการอายัดและยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนหน้านี้หรือไม่ นายนรวิชญ์ กล่าวว่า เท่าที่จำได้มีการยึดและอายัดทรัพย์ของอดีตนายกฯ ไปมากแล้ว พบว่ามีการนำทรัพย์สินบางส่วนไปขายด้วย แต่ตัวเลขที่มีการอายัดและยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้จำไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด แต่หากผลออกมา เช่น ถ้าชนะคดี ก็จะทำให้ทรัพย์สินที่มีการอายัดไว้ก็ต้องปลดล็อกการอายัด ส่วนเรื่องการฟ้องกลับหรือไม่นั้น ตอนนี้ทีมทนายความยังไม่ได้คิดตรงนั้น ต้องรอฟังผลคำตัดสินก่อน แต่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีการอายัดทรัพย์ไปเกือบหมดแล้ว และมีการนำทรัพย์สินไปดำเนินการ อยู่ระหว่างการรอขายทอดตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อสี่ปีที่แล้ว คือเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 ในรัฐบาลสมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยศาลปกครองกลางให้เหตุผลว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการทุจริตเกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้อง แต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กลับมิได้มีการดำเนินสอบสวนให้ได้ว่า เจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใด จากการทุจริต อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี รับรู้เกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยู เพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง อีกทั้งกระทรวงการคลัง ก็รับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ต่อมา รัฐบาลในยุค พลเอกประยุทธ์ ให้กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด จนศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำตัดสินวันพฤหัสบดีนี้ 22 พ.ค. ซึ่งหากนส.ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ก็จะทำให้คดีถึงที่สุด ทำให้นส.ยิ่งลักษณ์ และสามีไม่ต้องชดใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่เรื่องคดีอาญา นส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตัดสินว่านส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดฐานเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้ง จึงตัดสินจำคุกเป็นเวลาห้าปี ซึ่งหากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ออกมาว่านส.ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ก็อาจทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงผลคำตัดสินที่แตกต่างกันระหว่างศาลฎีกาฯ กับศาลปกครองต่อไป แม้จะเป็นคนละศาลกันก็ตาม

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top