ทนายความ’ยิ่งลักษณ์’เผย’รอลุ้น22พ.ค.นี้ ‘ศาล ปค.สูงสุด’นัดอ่านคำพิพากษาคดี’จำนำข้าว’
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานศาลปกครอง ว่า ในวันที่ 22พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำพิพากษาในคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวกรวม 2คน (ผู้ฟ้องคดี) กับนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีที่กระทรวงการคลัง ได้มีคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในโครงการรับจำนำข้าว วงเงินราว 3.5หมื่นล้านบาท หลังก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชนะคดีมาแล้วในชั้นศาลปกครองกลาง แต่ผู้ถูกร้อง (กระทรวงการคลัง) ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ขอไม่ให้ความเห็นตอนนี้ ขอให้รอดูผลคำตัดสินที่จะออกมา
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ กรมบังคับคดีมีการอายัดและยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปจำนวนเท่าใด และหากชนะคดีแบบที่ศาลปกครองกลาง จะมีการฟ้องกลับหน่วยงานรัฐที่มีการอายัดและยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนหน้านี้หรือไม่ นายนรวิชญ์ กล่าวว่า เท่าที่จำได้มีการยึดและอายัดทรัพย์ของอดีตนายกฯ ไปมากแล้ว พบว่ามีการนำทรัพย์สินบางส่วนไปขายด้วย แต่ตัวเลขที่มีการอายัดและยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้จำไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด แต่หากผลออกมา เช่น ถ้าชนะคดี ก็จะทำให้ทรัพย์สินที่มีการอายัดไว้ก็ต้องปลดล็อกการอายัด ส่วนเรื่องการฟ้องกลับหรือไม่นั้น ตอนนี้ทีมทนายความยังไม่ได้คิดตรงนั้น ต้องรอฟังผลคำตัดสินก่อน แต่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีการอายัดทรัพย์ไปเกือบหมดแล้ว และมีการนำทรัพย์สินไปดำเนินการ อยู่ระหว่างการรอขายทอดตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อสี่ปีที่แล้ว คือเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 ในรัฐบาลสมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยศาลปกครองกลางให้เหตุผลว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการทุจริตเกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้อง แต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กลับมิได้มีการดำเนินสอบสวนให้ได้ว่า เจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใด จากการทุจริต อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี รับรู้เกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยู เพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง อีกทั้งกระทรวงการคลัง ก็รับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ต่อมา รัฐบาลในยุค พลเอกประยุทธ์ ให้กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด จนศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำตัดสินวันพฤหัสบดีนี้ 22 พ.ค. ซึ่งหากนส.ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ก็จะทำให้คดีถึงที่สุด ทำให้นส.ยิ่งลักษณ์ และสามีไม่ต้องชดใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่เรื่องคดีอาญา นส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตัดสินว่านส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดฐานเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้ง จึงตัดสินจำคุกเป็นเวลาห้าปี ซึ่งหากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ออกมาว่านส.ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ก็อาจทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงผลคำตัดสินที่แตกต่างกันระหว่างศาลฎีกาฯ กับศาลปกครองต่อไป แม้จะเป็นคนละศาลกันก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี